คัดลอก URL แล้ว

Mercedes-EQE SUV ยนตรกรรมไฟฟ้าอเนกประสงค์สุดล้ำ ขับสนุกทั้งในเมือง-ออฟโรด

Mercedes-Benz ประกาศเปิดตัว The new EQE SUV ยนตรกรรมเอสยูวีอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเดินทางที่ครอบคลุมทั้งถนนในเมือง และถนนออฟโรด พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และขุมพลังไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง สนุกกับการเดินทางยิ่งขึ้น

ซึ่ง Mercedes-EQE SUV เป็นโมเดลที่สี่ที่พัฒนาบนพื้นฐานจากแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า 100% เช่นเดียวกับ EQS, EQS SUV, EQE Saloon แม้ EQE SUV จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า EQE Saloon แต่ตัวรถจะมีขนาดกระทัดรัดกว่า ด้วยฐานล้อที่ยาวเพียง 3,030 มม. (สั้นกว่ารุ่น Saloon 9 มม.) พร้อมขนาดความยาว x กว้าง x สูง ที่ 4,863 x 1,940 x1,686 มม.

รูปลักษณ์สปอร์ต สง่างามไม่แพ้รุ่นพี่

ด้านการดีไซน์ภายนอกได้ถ่ายทอดความสปอร์ตโดดเด่นบนตัวถังที่เรียบหรูสวยงาม มาพร้อมล้ออัลลอยขนาดตั้งแต่ 19 – 22 นิ้วให้คุณได้เลือกสรร ควบคู่กับการนำเสนอชิ้นส่วนแอโร่พาร์ทร่วมกับพี่น้องรุ่นเดียวกัน พร้อมใต้ท้องรถที่มีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อมอบค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.255 Cd

นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อ EQE SUV สามารถเลือกไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT เป็นอุปกรณ์พิเศษเพิ่มได้ ซึ่งนอกจากจะสามารถให้ความสว่างที่ไกลขึ้นแล้ว ยังสามารถฉายข้อความหรือสัญลักษณ์ด้านหฟน้ารถได้อีกด้วย

ยกระดับความสะดวกสบาย และความล้ำสมัยของภายในห้องโดยสาร

เมื่อก้าวสู่ห้องโดยสาร จะพบกับจอ MBUX Hyperscreen ที่กว้างกว่า 141 ซม. ครอบคุลมตั้งอต่จอเรือนไมล์ และจออินโฟเทนเมนต์ รวมถึงทำงานร่วมกับกล้องจับใบหน้าคนขับ หากพบว่าคนขับหันหน้าไปมองจออื่นที่ไม่ใช่หน้ารถหรือเรือนไมล์ ระบบจะหรี่แสงจอลงโดยอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย

พร้อมเพิ่มระบบเสียง Dolby Atmos ควบคู่กับ ซาวด์สเคปใหม่ “Serene Breeze” ที่มีให้เลือกหลากหลายเข้ากับสไตล์การขับขี่ รวมถึงสามารถตั้งค่าอะคูสติกเฉพาะตัวได้

สูดอากาศบริสุทธิ์ภายในรถได้เต็มที่ด้วย ENERGIZING AIR CONTROL Plus พร้อมแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) ที่ช่วยฟอกอากาศในระดับสูงได้เต็มที่

อุ่นใจกับการหาที่ชาร์จใกล้คุณมากที่สุดด้วยระบบนำทางและค้นหาที่ชาร์จอัตโนมัติ Electric Intelligence ที่จะแนะนำเส้นทางที่ใกล้ที่ชาร์จมากที่สุดเทียบเคียงกับสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ และเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ พร้อมกับช่วยคำนวณค่าใช้จ่ายในระหว่างการชาร์จ รวมถึงสามารถแก้ไขเส้นทางที่วางแผนไว้ทีละรายการโดยเพิ่มสถานีชาร์จที่ต้องการตามเส้นทาง หรือยกเว้นสถานีชาร์จที่เสนอได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบอัปเดทซอร์ฟแวร์แบบ Over-the-Air (OTA), Intelligent Park Pilot, ระบบควบคุมอุณหภูมิก่อนเข้า – ออกรถโดยอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกสองโซน (มาตรฐาน) และแบบแยกสี่โซนเป็นออพชั่นเสริม, ระบบฮีทเตอร์ภายในห้องโดยสารที่นำแหล่งความร้อนจากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและระบบระบายความร้อนแบตเตอรี่เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงานในแบตเตอรี่, วัสดุตกแต่งภายในที่ปราศจากหนังสัตว์ เป็นต้น

ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่หลากหลาย

EQE SUV มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย และทุกรุ่นใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 โมดูล 90.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง เริ่มจาก EQE 350+ ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลัง 288 แรงม้า แรงบิด 565 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 480 – 590 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP)

กับ EQE 350 4Matic จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อหน้าด้วย เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุด 288 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 765 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 459 – 558 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP)

และ EQE 500 4Matic มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าหลังสมรรถนะที่สูงขึ้น ด้วยกำลังสูงสุด 402 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 858 นิวตันเมตร แต่ระยะทางต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง จะอยู่ที่ 460 – 547 กม. (WLTP)

ในแง่ของการชาร์จ EQE SUV สามารถรองรับการชาร์จ DC ได้สูงสุด 170 กิโลวัตต์ โดยทางบริษัทฯ เปิดเผยว่าจะสามารถเดินทางได้สูงสุด 220 กม. หลังจากชาร์จ DC 15 นาที พร้อมรับประกันแบตเตอรี่เป็นเวลา 10 ปีหรือ 250,000 กม. ด้วย “ความจุที่เหลือที่กำหนดไว้” แต่ไม่ได้ระบุไว้

คล่องตัวในทางเรียบ ขับสนุกในทางออฟโรด

รองรับการขับขี่ทั้งถนนทางเรียบ และทางออฟโรด ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบ 4-Link และด้านหลังมัลติลิงค์แบบอิสระ ที่สามารถตั้งค่าได้ แต่ลูกค้าสามารถอัปเกรดเป็นโช้คอัพถุงลม AIRMATIC พร้อมระบบกันสะเทือนแบบ ADS+ ที่ปรับได้เป็นอุปกรณ์เสริม, ตัวรถรองรับการยกสูงจากพื้นเพิ่มได้อีก 30 มม.

โปรแกรม DYNAMIC SELECT ในรุ่นมาตรฐาน ประกอบด้วย ECO, COMFORT, SPORT และ INDIVIDUAL รุ่น EQE SUV ที่มี 4MATIC ยังมีโปรแกรม OFFROAD สำหรับการขับขี่แบบออฟโรดอีกด้วย

ตัวรถมาพร้อมระบบ Eco Assist จะสามารถปรับความแรงของเบรกโดยอัตโนมัติตามสภาพการจราจรโดยรอบ ซึ่งช่วยให้ขับขี่ด้วยแป้นเหยียบเดียวได้อย่างราบรื่น

นอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยล้อหลังที่มีมุมบังคับเลี้ยวสูงสุด 10 องศาเป็นอุปกรณ์เสริม

รวมถึงยังมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่รอบคัน ได้แก่ ATTENTION ASSIST, Active Brake Assist, Active Lane Keeping Assist, Parking Package พร้อมกล้องมองหลัง และระบบ Speed ​​Limit Assist เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะเดียวกันลูกค้าสามารถเพิ่ม Assistance Package และ Driving Assistance Plus Package ในฐานะอุปกรณ์เสริมได้


The new EQE SUV จะได้รับการขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน Mercedes-Benz Tuscaloosa, Alabama ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้ ส่วนราคาจะเผยให้ทราบในโอกาสต่อไป

เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง