คัดลอก URL แล้ว

Maserati GranTurismo เปิดม่านรถสปอร์ตไฟฟ้า 760 แรงม้า รุ่นแรกของแบรนด์

การกลับมาของสัญลักษณ์ที่แท้จริงของแบรนด์ Maserati พร้อมการเผยโฉม กรันทูริสโม (GranTurismo) ใหม่ นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ของสปอร์ตคาร์ขุมพลังไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์อย่างเป็นทางการ ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำมากมาย ลงตัวไปกับสมรรถนะสไตล์สปอร์ต และความสะดวกสบายในการเดินทางไกล

มาเซราติ กรันทูริสโม มาพร้อมกันสองเวอร์ชั่น ได้แก่ รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน อันทรงพลัง และสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Others Just Travel’ อันเป็นไฮไลท์หลักของรุ่นนี้

สมรรถนะอันจัดจ้านที่ซ่อนรูปลักษณ์ภายนอกอันเรียบง่าย และล้ำสมัย

Maserati GranTurismo Modena

งานดีไซน์ของ GranTurismo นำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีสุดในเซกเมนท์ สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ

ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซีที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่

ขุมพลังเบนซิน

Maserati GranTurismo Trofeo

ด้านขุมพลัง เริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เน็ททูโน (V6 Nettuno) ติดตั้งในสองรุ่นย่อย ได้แก่

ขุมพลังไฟฟ้า

Maserati GranTurismo Folgore

ส่วน กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300-kw จำนวน 3 ตัว และใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ ของรถแข่ง Formula E ผสานเข้ากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบ Torque Vectoring

แบตเตอรี่ความจุ 92.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถปล่อยกำลังไฟฟ้า 560 กิโลวัตต์-ชั่วโมง หรือ 760 แรงม้า แรงบิด 1,350 นิวตันเมตรลงสู่ล้อ หรือหากใช้ MaxBoost จะสามารถเค้นแรงม้าสูงสุด 830 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ถึง 2.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 320 กม./ชม.

ประสิทธิภาพในการชาร์จนั้นสามารถรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง หรือชาร์จเร็วได้สูงสุด 270 kW หรือเทียบเท่าชาร์จเพียง 5 นาที วิ่งได้ไกลสุด 100 กม. และสามารถรองรับการชาร์จไฟกระแสสลับสูงถึง 22 kW (Type 2)

รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่แบบ ‘T-bone’ หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถ กับความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ ‘zero compromise’ ตามสไตล์ มาเซราติ

ยกระดับวัสดุน้ำหนักเบา และเทคโนโลยีสุดล้ำรอบด้าน

สถาปัตยกรรมเชิงเทคนิคของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ผลลัพธ์ของโปรเจ็กต์ด้านนวัตกรรมในการนำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้ เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง ซึ่งการทำแบบนี้จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิต แลกกับการได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ

ความน่าสนใจของแพลตฟอร์มสำหรับกรันทูริสโม โฉมใหม่ ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 จะมีอัตราการกระจายน้ำหนักที่ 52/48 แต่รุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะกระจายน้ำหนักหน้า – หลังเท่ากันที่ 50/50 นับเป็นความได้เปรียบในด้านการกระจายน้ำหนักของรถยนต์รุ่นนี้

นอกจากนั้นก็ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที มาพร้อมระบบ cyber-security ระดับ 5 และฟีเจอร์ flash-over-the-air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้แก่คนขับ ในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360° เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ขับในทุกสถานการณ์

ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมเอาฟังก์ชั่นหลักของหน้าจอระบบสัมผัสแบบอินเทอร์เฟซ, นาฬิกาดิจิทัล และเทคโนโลยีระบบแสดงผลที่กระจกบังลมแบบ Heads-up Display (สามารถเลือกได้ตามความต้องการ)

มอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุดยอดชุดเครื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของมาเซราติ อันเกิดจากฝีมือการพัฒนานวัตกรรมของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์เสียงสมบูรณ์แบบในระบบ Sonus faber 3D ที่ถูกพัฒนาและออกแบบโดยช่างฝีมือชาวอิตาเลียนที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงโดยเฉพาะ ด้วยระบบเสียงที่มีให้เลือกสองออปชั่น กับลำโพงมากสุดถึง 19 ตัว และพลังเสียงสามมิติกำลังขับ 1,195 วัตต์ เพื่อมอบความคมชัดและความโดดเด่นของระบบเสียงรอบทุกทิศทางได้อย่างแท้จริง*


มาเซราติ กรันทูริสโม ผ่านการพัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงานมิราฟิออรี ในตูริน ประเทศอิตาลี สะท้อนถึง ‘ความหรูหราสมรรถนะแบบอิตาเลียน’

ทั้งนี้ ในวันเปิดตัว มาเซราติ จะเปิดให้จองรถยนต์ GranTurismo PrimaSerie 75th Anniversary รุ่นลิมิเต็ด ที่จะมาพร้อมเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 75 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัว Maserarti A6 1500 รุ่นแรกอีกด้วย

*มาตรฐานของระบบเสียง: ลำโพง 14 ตัว, เอาต์พุต 860 วัตต์ ระบบเสียงเพิ่มเติม: ลำโพง 19 ตัว, เอาต์พุต 1,195 วัตต์


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง