ฺBMW Group เปิดตัวเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบใหม่ ที่ช่วยให้วิ่งได้ไกลกว่าเดิม ชาร์จได้เร็วกว่าเดิม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีราคาที่ถูกกว่าเดิม อันเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Neue Klasse เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งพร้อมพัฒนา และจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ภายในปี 2025
ซึ่งแบตเตอรี่ใหม่นี้จะมาในรูปแบบเซลล์แท่งทรงกระบอกเส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มม. และสูงกว่าเซลล์แบตเตอรี่แบบแท่งปริซึมที่ใช้งานในปัจจุบัน โดยทางบริษัทฯ แบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้มีนิกเกิลมากกว่า ใช้โคบอลต์ในด้านแคโทดที่น้อยกว่าเดิม และเพิ่มซิลิคอนที่ด้านแอโนด ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
ส่งผลให้แบตเตอรี่ใหม่นี้มีราคาการผลิตถูกกว่าเดิมถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขายปลีกรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW และรถในเครือเดียวกันได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทฯ กำลังตั้งเป้าลดต้นทุนแบตเตอรี่ลง 30% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับ Tesla ได้
ด้านประสิทธิภาพนั้นจะช่วยให้รถสามารถวิ่งได้ไกลกว่าแบตเตอรี่เดิม 30% ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (WLTP) และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จได้เร็วกว่าเดิม 30% โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะรองรับเทคโนโลยี 800V พร้อมความสามารถในการชาร์จอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าของรถสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รุ่นใหม่นี้จาก 10% เป็น 80% ได้เร็วกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นปัจจุบันประมาณ 30 นาที
สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การผลักดันให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์จากกระบวนการผลิตแบตเตอรี่ลดลง 60% เมื่อเทียบกับการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในปัจจุบัน เนื่องจากกระบวนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ใหม่นี่ถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบหมุนเวียน โดยเฉพาะโคบอลต์ ลิเธียม และนิกเกิลที่อยู่ภายในจะรวมเปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบที่ไม่ได้ถูกขุดขึ้นมาใหม่ เนื่องจากวัสดุดังกล่าวมันได้ถูกสกัดและผลิตอย่างสมบูรณ์แล้ว
รวมถึงแร่หายากที่ขุดใหม่สำหรับเสริมส่วนที่เหลือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่จะมาจากเหมืองที่ผ่านการรับรองซึ่งให้ความโปร่งใสในกระบวนการผลิตอย่างสมบูรณ์ โดยเป้าหมายสูงสุดคือการใช้เซลล์แบตเตอรี่ที่รีไซเคิลได้ทั้งหมด
แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่นี้จะไม่วางจำหน่ายจนกว่าจะสิ้นสุดทศวรรษ เนื่องจากจำเป็นต้องสร้างโรงงานขนาดใหญ่ 6 แห่งทั่วโลกเพื่อสร้างเซลล์แบตเตอรี่ทรงกระบอกใหม่
ทั้งนี้ BMW กล่าวว่าได้ร่วมลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่ CATL และ EVE Energy เพื่อสร้างโรงงานสี่แห่งในจีนและยุโรป ในขณะที่โรงงานอีก 2 แห่งจะถูกสร้างขึ้นในเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (USMCA) โดยพันธมิตรที่ไม่ระบุชื่อ และตั้งเป้าโรงงานผลิตแบตเตอรี่แต่ละแห่งจะมีกำลังการผลิตสูงสุด 20 kWh ต่อปี
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com และ bmwblog.com