BMW ร่วมกับ Toyota Motor เดินหน้าพัฒนาและผลิตรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนฟิวเซลสำหรับจัดจำหน่ายภายในปี 2025 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าอาจจะพัฒนาในรูปแบบรถ SUV ที่ได้จากการต่อยอดของ iX5 Hydrogen ที่เผยโฉมในงาน International Motor Show Germany ในเดือนกันยายน 2021 ที่ผ่านมา
Mr. Pieter Nota หัวหน้าฝ่ายขายกล่าวกับ Nikkei โดยสรุปถึงการผลักดันของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันให้ผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ท่ามกลางกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้นในยุโรป และเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีขุมพลังไฮโดรเจนจะเป็นตัวเลือกใหม่ในอนาคต
และมีแนวโน้มว่ารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนฟิวเซลที่จะเป็นโฉมจำหน่ายจริงจะมาในรูปแบบของรถ SUV ขนาดใหญ่ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับขนาด สมรรถนะ การติดตั้งถังไฮโดรเจน รวมถึงประสิทธิภาพการเติมเชื้อเพลิงที่จะทำได้เร็วการชาร์จไฟฟ้าของรถ EV
อิงจาก BMW iX5 Hydrogen ได้เผยคร่าว ๆ ว่าประสิทธิภาพการเติมไฮโดรเจนจะเร็วถึง 3-4 นาที เทียบเท่ากับระยะเวลาเติมน้ำมัน รวมถึงสามารถติดตั้งถังความจุ 6 กิโลกรัมสองถังเพื่อรองรับการเดินทางไกลโดยเฉพาะ และมีแผนเริ่มการผลิตรถ SUV ภายในสิ้นปี 2022 เป็นต้นไป
แต่ปัญหาสำคัญที่ยังคงจับตามองอยู่ก็คือปัญหาการขาดแคลนวัสดุ และชิ้นส่วนสำคัญจากผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และปัญหาในด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในแต่ละภูมิภาค
Mr. Pieter Nota ได้กล่าวเสริมว่า บีเอ็มดับเบิลยูตั้งเป้ายอดขายยนต์ไฟฟ้าให้มีมากถึง 50% ของรถใหม่ทั้งหมดรวมทั้งแบรนด์ MINI และ Rolls-Royce จะเป็นรถ EV ทั้งหมดภายในปี 2030 ในขณะเดียวกันกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์สันดาปภายใน รวมถึงรถยนต์ไฮโดรเจนฟิวเซล จะมียอดขายประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มรถใหม่ทั้งหมดภายในปี 2030 เดียวกัน เนื่องด้วยทางบริษัทฯ ไม่ต้องการเบนเข็มลงทุนรถยนต์ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ต้องการการะจายความหลากหลายให้เหมาะสมกับตลาด และสถานการณ์ในปัจจุบัน
เครดิตข้อมูลจาก asia.nikkei.com
