Ford Performance ยกระดับความแรงให้กับ F-150 Raptor เจนเนอเรชั่นที่ 3 ให้เร้าใจยิ่งกว่าใคร ด้วยการเปิดตัว Ford F-150 Raptor R ที่ในครั้งนี้ได้นำขุมพลัง V8 ซูเปอร์ชาร์จจาก Mustang Shelby GT500 พร้อมเซ็ตช่วงล่างใหม่ให้คุณสนุกกับการลุยยิ่งขึ้น
ถ่ายทอดขุมพลังจากมัสเซิลคาร์ สู่มอนสเตอร์ทรัคที่ให้สมรรถนะสูงขึ้น
โดยหัวใจสำคัญของรถรุ่นนี้คือการนำเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.2 ลิตร พ่วงซูเปอร์ชาร์จ ที่ได้รับการปรับแต่งให้รองรับการใช้งานในรถกระบะออฟโรดโดยเฉพาะ โดยให้กำลังสูงสุด 700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 868 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับ Raptor รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร EcoBoost ที่ทำได้เพียง 450 แรงม้า เรียกว่าสูงอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งการปรับแต่งดังกล่าว จะเน้นที่แรงบิดเพิ่มขึ้นจากเดิม 847 นิวตันเมตร (ส่วนต่าง 21 นิวตันเมตร) แต่แรงม้าลดลงจากเดิม 760 แรงม้า (ส่วนต่าง 60 แรงม้า) รวมถึงสามารถส่งแรงบิดได้สูงในรอบต่ำและกลาง เพื่อให้สามารถวิ่งในเส้นทางออฟโรดได้เต็มที่
ยกเครื่องเซ็ตช่วงล่าง พร้อมลุยยิ่งขึ้น
Raptor R มาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบ 5-Link พร้อมอาร์มยาวพิเศษเพื่อรักษาตำแหน่งเพลาบนสภาพถนนที่ขรุขระ ในขณะที่แพนฮาร์ด บาร์ และสปริงขนาด 24 นิ้ว ได้รับการปรับแต่งเพื่อความมั่นคง กับโช้ค FOX Live Valve ได้รับการปรับให้สมดุลกับคุณภาพการขับขี่ และควบคุมการโคลงทั้งในท้องถนนจนถึงเส้นทางวิบากที่หลากหลาย
ชุดแดมเปอร์ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับเซ็นเซอร์ความสูง ทำหน้าที่ตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และปรับจูนให้เหมาะสม ซึ่งสามารถปรับความสูงของล้อหน้าได้สูงสุด 330 มม. และความสูงของล้อหลังถึง 358 มม. และสามารถตั้งค่าแคมเปอร์ผ่านโหมด Baja ที่เพิ่มอัตราสปริงด้านหน้าได้ถึงห้าเปอร์เซ็นต์เพื่อคุณภาพการขับขี่ที่ดีขึ้น
Ford F-150 Raptor R มาพร้อมความสูงใต้ท้องรถใหม่ถึง 333 มม. โดยส่วนหนึ่งมาจากยางขนาด 37 นิ้วมาตรฐานที่ส่งตรงจากโรงงาน
ระบบเกียร์เป็นแบบ SelectShift 10 สปีด พร้อมการปรับเทียบใหม่ มีทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ แดมเปอร์เทอร์ไบน์และชุดเฟืองส่งกำลังแบบ four-pinion เพื่อมอบแรงบิดที่นุ่มนวลขึ้น
ขณะเดียวกัน เพลาหน้าได้ปรับปรุงให้แข็งแรงขึ้น ฝาครอบเกียร์ที่มีโครงสร้างเป็นโครงอะลูมิเนียม กับเพลาขับที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งช่วยจัดการแรงบิดที่เพิ่มขึ้นของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังอัปเกรดท่อร่วมไอเสียสแตนเลสหล่อ, ตัวทำความเย็น และตัวกรองน้ำมันที่มีออกแบบเฉพาะ ถาดรองน้ำมันที่ลึกกว่าซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับทางชัน, ปริมาณอากาศเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 ด้วยช่องดักอากาศที่กว้างขึ้น และตัวกรองอากาศทรงกรวยที่มีอัตราการไหลสูง
รวมถึงโหมดขับขี่ทั้ง 4 โหมด ได้แก่ Normal, Quiet, Sport และ Baja ยังเชื่อมโยงกับระบบปรับวาล์วแบบแอคทีฟในท่อไอเสีย เพื่อสร้างเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังได้ในแต่ละโหมด
บ่งบอกตัวตนที่เหนือชั้นด้วยการตกแต่งพิเศษ
Ford F-150 Raptor R มาพร้อมบุคลิกใหม่ที่สะท้อนความแตกต่างจาก Raptor รุ่นอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ R สี Code Orange ที่กระจังหน้า พาวเวอร์โดม และประตูท้าย, ดีคอลบนกระบะท้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นทะเลทรายที่แตกร้าว
แต่สิ่งที่เป็นซิกเนเจอร์เด่นที่สุดคือฝากระโปรงหน้ามีส่วนของ “Power Dome” ที่สูงขึ้นจากฝากระโปรงหน้าหนึ่งนิ้ว พร้อมโลโก้ และแถบสีส้มตรงฐานด้านล่าง กับกระจังหน้าสีดำใหม่
ส่วนภายในจะได้รับเบาะ Recaro หุ้มด้วยหนังสีดำและ Alcantara, ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์แท้บนแผงประตู กับแผงคอนโซลหน้า จออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12 นิ้วพร้อมเทคโนโลยี SYNC 4 ที่สามารถอัปเดตผ่าน Over-the-Air และรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay กับ Android Auto ได้
ครบครันด้วยฟีเจอร์ช่วยพ่วงท้าย
Ford F-150 Raptor R มาพร้อมชุดเทคโนโลยีสำหรับงานบรรทุก และพ่วงท้ายที่ครบครัน อาทิ Trail Turn Assist ที่ช่วยลดรัศมีการเลี้ยวได้ดียิ่งขึ้น และ Ford Trail Control ทำหน้าที่เหมือนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด
ขณะที่ Trail 1 Pedal Drive จะช่วยลดความเร็วลงโดยอัตโนมัติอย่างนุ่มนวลเมื่อคนขับปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง
Ford F-150 Raptor R จะถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน Dearborn ของ Ford และมีให้เลือกทั้งหมด 8 สี รวมถึง Avalanche และ Azure Grey Tri-Coat ซึ่งมีจำหน่ายเป็นครั้งแรกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Raptor โดยได้เปิดสั่งจองล่วงหน้าแล้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 109,145 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 3.99 ล้านบาท ทั้งนี้ตัวรถจะเริ่มผลิตในฤดูใบไม้ร่วงนี้
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com