BMW Group ได้เปิดตัว All-New BMW X1 ยนตกรรมคอมแพ็คครอสโอเวอร์หรูที่พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สมัยใหม่ ขุมพลังที่ครอบคลุมตั้งแต่เครื่อง ICE – ไฮบริด และไฟฟ้าในรุ่น iX1 เสมือนประตูสู่โลกอนาคตที่คุณสัมผัสได้
ดีไซน์ใหม่ สง่างาม ทันสมัยลงตัว
BMW X1 โฉมใหม่ แม้จะได้รับอิทธิพลการออกแบบสมัยใหม่ของแบรนด์ แต่ได้ทำการปรับปรุงเพื่อให้มีบุคคลิกที่ดูเรียบง่าย ไม่หวือหวา โดยเฉพาะกระจังหน้าไตคู่ที่มีขนาดใหญ่กำลังดี รับกับโคมไฟหน้า LED กันชนหน้าสไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว
รายละเอียดด้านข้างยังมาพร้อมกับแนวไหล่ที่ชัดเจน พร้อมซุ้มล้อแนวหลังที่โดดเด่น และยังคงมี Hofmeister Kink ส่วนด้านท้ายมาพร้อมกับไฟท้าย LED ทรง L-Shape สปอยเลอร์ท้ายแนวเดียวกับหลังคา กันชนท้ายดีไซน์ดุดัน สำหรับล้อจะมีขนาดมาตรฐาน 18 นิ้ว แต่สามารถเลือกเป็นขนาด 19 -20 นิ้วเพิ่มเติมได้
BMW X1 โฉมใหม่ มาพร้อมกับมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความยาว 4,400 มม. (ยาวขึ้น 43 มม.) ความกว้าง 1844.04 มม. (กว้างขึ้น 22.9 มม.) ความสูง 1,640 มม. (สูงขึ้น 43 มม.) และระยะฐานล้อ 2692.4 มม. (ยาวขึ้น 22.9 มม.) ส่งผลทำให้พื้นที่ภายในมีความกว้างขึ้นกว่าเดิม
ด้านค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศทำได้ต่ำสุดเพียง 0.27 Cd ซึ่งน้อยกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น iX1 ด้วยส่วนต่างที่ 0.01 Cd
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสีตัวถังใหม่ ได้แก่ Blue Bay Lagoon, Cape York Green, Utah Orange, Space Silver และ BMW Individual Frozen Pure Grey
ลดปุ่มควบคุม เพื่อความกว้างขวาง และสนุกกับเทคโนโลยีสุดล้ำ
ไฮไลท์สำคัญของ All-New BMW X1 คือการออกแบบภายในที่เหมือนนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาใส่ไว้ในรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์ระดับเริ่มต้น ผลลัพธ์ที่ได้คือความกว้างขวาง ใช้งานได้สะดวกสบาย
เริ่มจาก จอดิจิทัลทรงโค้งขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจอเรือนไมล์ 10.25 นิ้ว และจออินโฟเทนเมนต์ 10.7 นิ้ว มาพร้อมระบบปฏิบัติการ iDrive 8 ที่เน้นการตอบสนองต่อคำสั่งทั้งการสัมผัส และสั่งการผ่านเสียง ส่งผลให้การออกแบบปุ่มควบคุมระบบต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยเฉพาะแป้นหมุน iDrive ที่หายไป ตัวคววบคุมเกียร์ก็เปลี่ยนใหม่ ให้อารมณ์เหมือนรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งขึ้น
ประกอบกับได้มีการออกแบบแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบใหม่ที่คอนโซลกลาง ซึ่งมาพร้อมกับตัวล็อก และรองรับการซิงค์สู่จออินโฟเทนเมนต์แบบไร้สายได้ ไม่ว่าจะเป็น Apple Carplay หรือ Andriod Auto ส่วนเยื้องด้านหน้าจะมาพร้อมกับพอร์ท USB Type C จำนวน 4 พอร์ท, ปลั๊กไฟ 12V
รวมถึงได้รับระบบผู้ช่วยส่วนตัว, แผนที่นำทางเสริม, ระบบอัปเดท Over-the-Air, Digital Key, กล้องภายในห้องโดยสาร ซึ่งตัวกล่องดังกล่าวจะทำหน่าที่ตรวจสอบสภาพผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ตรวจจับการเคลื่อนไหวในรถ ไปจนถึงถ่ายรูป Snapshots ของผู้โดยสารในระหว่างเดินทาง เป็นต้น
ขุมพลังอันหลากหลายที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ และความคุ้มค่า
BMW X1 จะมีขุมพลังให้เลือกที่หลากหลาย ประกอบด้วย
เครื่องยนต์เบนซิน
X1 sDrive18i ใช้เครื่องยนต์เบนซินสามสูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 136 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร
X1 xDrive23i ใช้เครื่องยนต์เบนซินสี่สูบ 2.0 ลิตร 4 เทอร์โบ พร้อมด้วยเทคโนโลยี Mild Hybrid 48 โวลต์ ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร
เครื่องยนต์ดีเซล
X1 xDrive18d ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลสี่สูบ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร
X1 xDrive23d ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลสี่สูบ 2.0 ลิตร พ่วงเทคโนโลยี Mild Hybrid 48 โวลต์ กำลังรวมสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
ปลั๊กอินไฮบริด – EV
ประกอบด้วย X1 xDrive25e ใช้เครื่องยนต์เบนซินสามสูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ และระบบไฮบริดปลั๊กอิน ให้กำลัง 245 แรงม้า แรงบิด 477 นิวตันเมตร และ xDrive30e ที่เพิ่มกำลังสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิด 477 นิวตันเมตร โดยจะวางจำหน่ายในยุโรปเดือนพฤศจิกายนนี้
และ BMW iX1 มาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า Gen5 ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้า – หลัง ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร กับชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 64.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางระหว่าง 413 ถึง 438 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
สำหรับ BMW X1 xDrive28i สเปคอเมริกา มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ที่ปรับปรุงใหม่ ด้ยเทคโนโลยีที่ทำให้วาล์วไอดีเปิดในระหว่างช่วงจังหวะการอัด ซึ่งช่วยให้เกิดแรงอัดกับแรงดันของเทอร์โบมากกว่าลูกสูบ และยังมีระบบหัวฉีดแบบคู่แบบใหม่ กับรูปทรงของห้องเผาไหม้ที่ปรับปรุงใหม่
เพื่อให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ในระหว่าง 4,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิด แรงบิด 400 นิวตันเมตร ระหว่าง 1,500 – 4,000 รอบ/นาที เมื่อใช้ร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ DCT 7 สปีด สามารถให้อัตราเร่งจาก 0–96 กม./ชม. ได้ใน 6.2 วินาที และที่ขาดไม่ได้ จะได้รับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอพชั่นมาตรฐาน
สำหรับตัวเกียร์เองก็ได้รับการปรับรุงให้ใช้งานได้ดีขึ้นตามภูมิประเทศเส้นทางของคุณ นั่นหมายความว่าระบบจะช่วยคุณควบคุมเกียร์ที่เหมาะสมในระหว่างขึ้น – ลงเนิน
นอกจากนี้ หากเลือกเสริมแพ็คเกจ M Sport จะได้รับแป้นเปลี่ยนเกียร์, ฟังก์ชัน Sport Boost ที่ปรับการตั้งค่าระบบส่งกำลัง และแชสซีให้เหมาะสมสำหรับ “การเร่งความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” และ ได้รับล้อขนาด 20 นิ้วพร้อมยางรันแฟลตเป็นออพชั่นมาตรฐาน
ปรับปรุงช่วงล่างใหม่เพื่อการขับขี่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ด้านช่วงล่างในรุ่น BMW X1 xDrive28i จะได้รับระบบกันสะเทือนจาก M ที่สามารถปรับระดับได้ โดยลดความสูงของรถลง 0.6 นิ้ว และเพิ่มแร็คพวงมาลัยที่ไวต่อความเร็วได้เร็วกว่า รวมถึงพัฒนาส่วนประกอบเพลาหน้าและเพลาหลังมาตรฐานขึ้นเพื่อลดแรงบิด และช่วยลดน้ำหนักได้ 2.72 กก.
สำหรับช่วงล่าง ได้เผยว่าระบบกันสะเทือนหลังแบบ 3 Link พร้อมเหล็กกันโคลง และฟีเจอร์เพิ่มพรีโหลด รวมถึงยังได้ออกแบบลูกปืนล้อใหม่เพื่อลดแรงเสียดทาน และมีน้ำหนักเบากว่าเดิม และยังได้ติดตั้งระบบป้องกันล้อลื่นไถล (Near-Actuator Wheel Slip Limitation) ที่ทำได้เร็วขึ้นกว่าเดิมสิบเท่า
All-New BMW X1 จะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปปลายปีนี้ ขณะที่ BMW X1 xDrive28i สเปคอเมริกา จะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 38,600 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 1.32 ล้านบาท
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com