เมื่อนึกถึงคำว่า “ป้าข้างบ้าน” จะนึกถึงไปในทางแง่ลบเสียมากกว่า เพราะหลายๆ คนต้องเผชิญกับความวุ่นวายของป้าข้างบ้านที่ชอบมายุ่งเรื่องส่วนตัว ถามเรื่องที่ไม่ควรถาม, เปรียบเทียบความสำเร็จของลูกตัวเองกับลูกคนอื่น เช่น ทำงานอะไรได้เงินเดือนเท่าไร พอตอบไปก็ขิงกลับว่าลูกป้าได้เยอะกว่านี้นะ, เมื่อไหร่จะมีแฟน ทำไมยังไม่แต่งงานสักที, ทำไมอ้วนขึ้น ดำขึ้น ไปเรียนหรือไปทำอะไร, ฯลฯ ไม่ว่าจะตอบอะไรไปคุณป้าข้างบ้านจะยกคำตอบกลับมาว่าลูกตัวเองนั้นดีกว่าเหนือกว่าเสมอ เพราะอะไรบางคนถึงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น เรื่องนี้มีผลงานวิจัยมาให้อ่าน
วิจัยเผย คนชอบสอดรู้สอดเห็น ทำให้เกิดพลังงานและความตื่นเต้น
มีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในสหรัฐอเมริกา เผยว่า 72 % ของคนสหรัฐ มักจะชอบมองสอดแนม ว่าบ้านของเพื่อนบ้านมีมูลค่าเท่าไหร่ มีอะไรที่บ้านบ้าง มีรถแบบไหน การตกแต่งบ้าน สวนเป็นยังไง มีอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรบ้างในบ้าน
ทั้งนี้ การสอดรู้สอดเห็นพูดคุยนินทาเรื่องคนอื่นนั้น สร้างความรู้สึกตื่นเต้น ส่งผลให้เกิดพลังงาน ซึ่งร่างกายจะมีฮอร์โมนหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับการลดความเครียด และความกังวล เมื่อได้รู้ก็เสมือนได้สนองความต้องการของตัวเอง ได้คลายข้อสงสัย ส่งผลช่วยทำให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงขึ้น ค่าเฉลี่ยอายุของคนที่ชอบสอดแนมบ่อยๆ ก็สูงขึ้นตามไปด้วย หรือหมายถึงว่า คนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนั้นจะมีผลทำให้อายุยืนขึ้นหรือตายช้าลงได้นั่นเอง (เพราะแบบนี้สินะจึงทำให้ป้าข้างบ้านหลายๆ คนชอบที่จะยุ่งเรื่องคนอื่น ทั้งตื่นเต้น ทั้งสนองความต้องการ แถมยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นไปอีก)
ทำไม มนุษย์ป้าดูเหมือนจะรู้ไปหมดทุกเรื่อง
สันนิษฐานว่า ด้วยวัยของป้าข้างบ้านอยู่ในวัยเกษียณ จึงทำให้มีเวลาว่าง ในการสอดส่องชีวิตบ้านใกล้เรือนเคียง ใครมาใครไป ใครซื้ออะไร มีอะไรก็เห็น และในแต่ละเขตป้าข้างบ้านไม่ได้มีคนเดียว ดังนั้นจึงทำให้มีการพูดคุย อัปเดตข้อมูลกันอยู่ตลอดว่าบ้านนั้นบ้านนี้ใครเป็นยังไงบ้าง?
วิธีรับมือกับ ป้าข้างบ้าน
เป็นไงลูก กลับมาแล้วเหรอ เรียนเป็นยังไง ได้เกรดเท่าไร/ ทำงานที่ไหน/ ได้เงินเดือนเท่าไร/ มีแฟนรึยัง?/ เมื่อไรจะแต่งงาน/ แต่งงานนานแล้ว ทำไมไม่มีลูกสักทีละ? ฯลฯ คำถามที่ไม่ว่าคุณจะตอบอะไร ลูกหลานของคุณป้าข้างบ้านก็จะดีกว่าเสมอ อย่างไรก็ตามคนบ้านใกล้เรือนเคียงถ้าจะมีปัญหากันก็คงจะอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย ลองมาดูวิธีรับมือกับป้าข้างบ้านกันไว้ก่อนแล้วกัน
1.อันดับแรก ถ้าไม่อยากตอบ ก็ยิ้มตอบกลับไปเบาๆ
2.แต่ถ้ามนุษย์ป้ายังไม่หยุดสงสัย ยังยิงคำถามมาไม่หยุด แต่ไม่อยากตอบคำถาม ก็ให้เลี่ยงๆ ไปเลย ตอบกลับไปก็ได้ว่า หนูขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ/ นะครับ
3.ถ้าใช้มุกเดิมซ้ำๆ ว่ามีธุระคงไม่รอดไปได้ทุกครั้ง อาจจะตอบคำถามกลับไปเลยก็ได้ เค้าจะได้เลิกสงสัย
4.ยังไม่จบ ยังคงมีคำถามมาสร้างความอึดอัดใจให้อยู่ อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องรู้สึกอึดอัดหรือกดดัน เราทุกคนมีสิทธิที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองถ้ารู้สึกว่าเค้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ก็ให้บอกไปตรงๆ เลยว่า เป็นเรื่องส่วนตัวขอไม่ตอบนะคะ/นะครับ
อย่าเป็นศัตรูกับป้าข้างบ้าน บ้านใกล้กันผูกมิตรกับป้าไว้ (ถึงจะสร้างความน่ารำคาญใจบ้าง) เผื่อยามจำเป็นอาจมีเรื่องต้องช่วยเหลือกันและกันก็ได้นะ!
คำถามของ ป้าข้างบ้าน สะท้อนปัญหาอะไรบ้างในสังคมไทย
เรียนที่ไหน ได้เกรดเท่าไร / ลูกป้าเรียนที่นี่ ดีกว่าอีก ได้เกรดเยอะกว่าด้วย | ทำงานที่ไหน ได้เงินเดือนเท่าไร / ลูกป้าทำงานที่นี่ได้เงินเดือนเยอะกว่านะ
จะเห็นได้ว่า คำถามและคำตอบของป้าข้างบ้าน เชิดชูคนที่มีการเข้าถึงทรัพยากรมากกว่า มีโอกาสมากกว่า ไม่ว่าจะเรื่องสถาบันการเรียน การทำงาน ฐานะความร่ำรวย ไม่เห็นใจและเคารพในวิถีชีวิตของคนอื่นแต่กลับพูดเปรียบเทียบว่าตัวเองนั้นเหนือกว่า ยิ่งสะท้อนให้เห็นไปถึงความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคมไทย หลายคนมองข้ามเรื่องนี้ไป ว่าควรจะมีสวัสดิการจากรัฐ ในการที่ทำให้ทุกคนมีโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน ในทุกๆ เรื่อง
ที่มาบางส่วนจาก : dailymail