คัดลอก URL แล้ว
Thai-Künstler Ittharong กับเบื้องหลังของตำนานที่ยังมีลมหายใจใน Germany

Thai-Künstler Ittharong กับเบื้องหลังของตำนานที่ยังมีลมหายใจใน Germany

วันนี้ขอพาข้ามน้ำข้ามทะเลมาชมผลงาน
ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “โต๊ะทอง” ซอย 22
เมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

ความเจ๋งของที่นี่ คือ สไตล์ร้านที่โดดเด่นเสมือนเราเดินผ่านประตูวิเศษไปไหนก็ได้ของโดราเอม่อน แล้วว๊าบมาโผล่กลางซอย ได้ชิลกับบรรยากาศตลาดเก่า ตามรอยไทยในอดีต

ที่สำคัญร้านนี้ถูกรังสรรค์ผลงานโดยช่างศิลป์ชาวไทย

ถ้าไม่แอบดูภาพเฉลย ที่โชว์ทรงหยั่งกะบอยแบรนด์ คงไม่มีใครตอบถูกแน่นอน ว่าก่อนมาเป็นช่างศิลป์ในต่างแดน คุณกฤต ฐนันท์ณัฐ อิทธะรงค์ คือ หนึ่งในสมาชิกวง B team นักร้องแห่งค่าย House of fun Record ก่อนยุค Y2K ตัวจริงเสียงจริง

จากเด็กช่างศิลป์เดินสายล่ารางวัล ประกวดร้องเพลง คร่ำหวอดในแวดวงดนตรีมาจนได้เป็นนักร้องออกอัลบั้มตั้งแต่เรียนปี 1 สถาบันราชภัฏจันเกษม ไปจนถึงทำดนตรี แต่งเพลง ทั้งยังเป็นคอรัสอยู่เบื้องหลังให้ศิลปินหลายท่าน แล้วกลายมาเป็นจิตรกรในต่างแดนได้อย่างไร มาทำความรู้จักเค้าไปพร้อมกันเลย

อดีตนักร้อง ปัจจุบัน นักสร้างงานศิลป์

ถ้าคุณเกิดทันซิทคอมสุดฮิตอย่าง “บางรักซอยเก้า” พี่กฤตนี่แหละ คนแต่งเพลงไตเติ้ล “ คือคำว่ารักเธอ ” ร้องโดยคุณแจ็ค สุขารมณ์ และถ้าคุณเคยฟังเพลงดังอย่าง “ คิดถึง” ของพี่ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน เค้าทั้งร้องคอรัส แต่งทั้งเนื้อเพลงและทำนอง

“ เพื่อนร่วมรุ่นที่จันทรเกษม นั่งเรียนมารุ่นเดียวกันที่เป็นศิลปินก็มี วงไอแซ็ค ทั้งวง แจ็ค ธรรมรัตน์ มือกีต้าร์ ที่มีรางวัลการันตีระดับโลก นี่ก็ห้องเดียวกัน” พี่กฤตเล่าเพลินเมื่อย้อนนึกถึงอดีต

พี่เกิดมาในครอบครัวศิลปิน พ่อก็ทำงานอยู่ในแวดวงศิลปะ เราเห็นงานพวกนี้และซึมซาบมาตั้งแต่จำความได้ จะเรียกว่า มันอินและหลงใหลการวาดภาพมาตั้งแต่วัยเยาว์ก็คงไม่ผิด

พอเลือกเรียนเลยตั้งใจสอบสายนี้ ไปติดโควต้า เรียนวิจิตรศิลป์ ที่วิทยาลัยอาชีวะศึกษา ลำปาง จบแล้วก็มาต่อโรงเรียนไทยวิจิตรศิลป์ สาขาออกแบบตกแต่งภายใน

เป็นไงมาไงถึงโยกย้ายมาลงหลักปักฐานอยู่เยอรมนีคะ

“เอ้อนั่นสิ ย้อนไกลเลย ตอนนั้นยังเป็นนักร้องในวง B team ละอ่อนมาก ช่วงต้นยี่สิบ เป็นคนประเภทดื้อสุดโต่ง แตกแถวหน่อยนะ ที่ค่ายในตอนนั้นคงเหนื่อยกับเราน่าดู แล้วถึงช่วงใกล้หมดสัญญาว่าจะไปต่อหรือไม่ พอดีรุ่นพี่ที่เรียนร้องเพลงที่สยามกลการมาด้วยกัน เค้าไปร้องเพลงที่นั่น ก็ชักชวนให้มาช่วยวาดรูปที่ผับเยอรมันให้หน่อย ตอนนั้นงานจะเป็นภาพแนว สนุกๆ ฟีลอีโรติกนิดๆอย่างภาพโจ้กเก้อร์ ผู้หญิงนั่งในถ้วยแชมเปญ

การบินมาต่างประเทศครั้งแรก ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต เพราะได้เห็นโลกใบใหม่ สังคมใหม่ๆ ในอีกมุมมองที่ต่างออกไป แม้แต่ในมุมของสังคมคนไทยเราเอง ในต่างแดนก็แตกต่างจากที่เมืองไทยหลายอย่าง เช่น ที่ไทยส่วนใหญ่จะแนวป๋ามาคล้องพวงมาลัยสาวๆใช่มั้ย อยู่เยอรมัน กลับตาลปัตร เราได้เจอสาวๆรุ่นป้ามากรี้ด มาเปย์ เหน็บเงินให้เราแทน ตอนร้องเพลงคาราโอเกะ เป็นความทรงจำที่สนุกดี

พี่อยู่ในสายเอนเตอร์เทนมานาน เหมือนอยู่ในสายเลือด ได้ควักประสบการณ์ที่มีจากตอนทำงานที่ไทยมาใช้เต็มที่ พออยู่นานเข้าก็เริ่มมีคอนเนคชัน รู้จักคนนู้นคนนี้มากขึ้น เลยทำร้านคาราโอเกะ แนวดิสโกเธคแบบไทย

ซึ่งฟีดแบคดีมาก เพราะสมัยก่อนไม่ค่อยมีใครแหวกแนว ให้คนทึ่งได้เท่าเรา อย่างตอนเชิญ ก็อต จักรพันธ์ มาร้อง พี่แกะสลักโฟมทำซุ้มทางออกเปิดตัวศิลปินแบบอลังการเลย

พี่กฤตเล่าว่า คลุกคลีอยู่ในธุรกิจกลางคืนมาเรื่อย จนถึงจุดอิ่มตัวจึงตัดสินใจกลับมาที่เมืองไทยไปเปิดร้านกาแฟ เจอน้ำท่วมต้องปิดกิจการ เท่านั้นยังไม่พอ มีประกาศล็อคดาวน์กรุงเทพเนื่องจากปัญหาการเมืองอีก เลยพับโปรเจ็ค กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดปู่ย่าที่จังหวัดชัยนาท

“มีบุญได้บวชกับเค้า เล่าแล้วยาว ตอนนั้นน้ำท่วมหนัก ระดับน้ำแทบจะถึงหลังคาโบสถ์ พายเรือไปบิณฑบาตก็ไม่ได้ ต้องดำน้ำออกมารับถุงยังชีพ กินนอนกางเต้นท์บนนั่งร้าน เป็นช่วงชีวิตที่สุดโต่งมาก

พอสึกมาเราได้อะไรกลับมาปรับใช้ในชีวิตเยอะ สงบลง มีสติขึ้น คำที่โบราณว่า สุขทุกข์อยู่ที่ใจ ประโยคนี้ไม่เกินจริง ”

แล้วก็มีเหตุให้ได้หวนคืนสู่เยอรมนีอีกครั้งเพราะได้งานวาดภาพ พอพร้อมลงหลักที่นี่จริงจัง ก็มาคิดว่า เราจะเลือกเดินเส้นทางสายศิลปะนี้แหละ ให้ไปตื้ดๆดีดๆสังคมกลางคืนท่ามกลางแสงสี ไม่ใช่เราละ

กว่าจะเป็น “ช่างกฤต 500”

ด้วยความเป็นคนมีของ ผลงานที่โชว์ลายเซ็นอันโดดเด่น หาตัวจับยากในยุโรป จนเป็นที่ยอมรับนับถือและรู้จักกันดีในแวดวงนักธุรกิจชาวไทย ทั้งร้านนวด ร้านอาหารไทยในเยอรมันทั่วหัวเมืองน้อยใหญ่ ล้วนผ่านมือทองของเค้าในการออกแบบตกแต่งมาแล้วนับไม่ถ้วน

แว่วมาว่าถึงขั้นต้องจองคิวข้ามเดือน ข้ามปีทีเดียว ชั่วโมงบินสูงชนิดที่มาหน้างานปุ๊บ ก็สามารถเคาะเป็นช็อต พร้อมคำแนะนำอย่างมือโปรเลยว่า ตรงนี้ควรจะทำกี่ห้อง โทนสีอะไรแบบไหน

เรื่องเสกเรือนไทย ตกแต่งงานไม้ งานวาดลงลายไทยสไตล์ ทำให้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว ต้องยกให้เค้าจริงๆ

“สมัยก่อนถ้าใครติดตามเฟสพี่ก็จะเห็นตลอด ว่า เดี๋ยวช่างกฤตจะลากกระเป๋าเดินทางไปทำร้านไหนอีก พี่ตะลุยขึ้นรถไฟไปแต่ละเมืองด้วยกระเป๋าลาก 2 ใบ ใบหนึ่งคือ อุปกรณ์ทำมาหากิน อีกใบไว้ใส่ของใช้ส่วนตัว ทำงานที่ไหนก็นอนมันที่นั่น ”

งานพี่จะให้ตีราคาเป็นชั่วโมงแบบพวกฝรั่งก็ไม่ได้ เพราะบางชิ้นงานวาดทีสองอาทิตย์ ใครเค้าจะจ่ายไหว เลยชินกับการบอกราคาแบบง่ายๆ 500 ยูโร หรือราวๆ 20,000 บาท บางร้าน น้องถามทำไงดี ไม่ชอบเสามันเกะกะร้าน เราก็ โอเค มาเดี๋ยวจัดการวาดให้ คิด 500 พอ เอาเเค่เค้าอยู่ได้ เราอยู่ได้ ช่วยๆกัน

แต่พี่ทำถวายหัวจนกว่าจะสวยสมใจให้เลยล่ะ เลยได้ฉายาว่า “ช่างกฤต ห้าร้อย” ทุกวันนี้ก็ยังคิดแค่ค่าแรงอย่างเดียวไม่เปลี่ยน แต่จะดูตามความยากง่ายของเนื้องานเป็นหลัก”

วัสดุอุปกรณ์ที่เอามาทำลวดลายไทย หายากมั้ยในต่างแดน

พวกงานไม้แกะสลักบางอย่างสั่งมาจากไทยเพื่อไม่ให้คาเเร็กเตอร์ของงานเสีย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวัตถุดิบที่หาเอาจากที่นี่ ลายบางอย่างต้องตัดเอง เพื่อให้พอดีกับหน้างาน ซึ่งสั่งจากไทยก็แพงไป มันเลยยากไปอีกขั้น

ตอนเริ่มทำใหม่ๆ งานไม้เนี่ย ปราบเซียนที่สุด เพราะตอนที่เรียนมาเราไม่ได้ฝึกด้านนี้ ตัดพังไปเยอะ ไม่แน่นเกิน ก็หลวมไป ต้องทิ้งจนเสียดายไม้ แต่เดี๋ยวนี้เชี่ยวละ ทุกชิ้น พี่จะพยายามตัดให้เสียหายน้อยที่สุด

ทีมงานเยอะมั้ย

พอเห็นงานแทบทุกคนแหละเค้าจะนึกว่าพี่มีคนร่วมทีมสักห้าหกคน แต่เปล่าเลย โซโลเดี่ยวแบบสแตนอัพคอมเมดี้ ครบจบในร่างเดียว มีช่วงหลังๆพี่ถ่ายทอดวิชาให้ภรรยาด้วย ทุกวันนี้เค้าเก่งละ ช่วยตัดไม้ได้โปรมาก รวมถึงเรื่องเอกสารต่างๆด้วย เลยสบายไปร้อยแปด เราไปไหนไปกัน ทั้งทีมสองคนถ้วน

เลือกรับงานอย่างไร

พี่จะสัมภาษณ์คุยกับเจ้าของก่อนรับงานทุกครั้ง เงื่อนไขแรกขอถามเลยว่า ใครเป็นเจ้าของโปรเจ็ค เพราะจ้างแล้วต้องไว้ใจปล่อยจอยให้เราทำ พอตกลงเรื่องคอนเซปท์เสร็จสรรพว่าเค้าต้องการแบบไหน ก็คิดแบบในหัว ร่างแบบจำลองภาพต่างๆ ขึ้นมา แล้วทำตามแพลนนั้น ส่วนมากเจ้าของจะได้เห็นร้านเค้าตอนงานเสร็จเลย

งานถนัดของ Thai-Künstler คือ วิเคราะห์โครงสร้าง มองคาแรกเตอร์สถานที่ก่อน ว่ามันพอจะเป็นไปได้แบบไหนจะเหมาะสมที่สุด เป็นการใช้ศิลปะมา Renovate ตกแต่งเพิ่มเติม จะให้ไปรื้อทุบตึกทำใหม่หมดเลยนี่ไม่ใช่ทางของเรา

แต่ละสถานที่ต่อให้ห้องสี่เหลี่ยมคล้ายกันแต่ดีเทลจะไม่เหมือนกัน ทั้งกระจก ประตูหน้าต่าง ตำแหน่งต่างกัน เราก็มีลูกเล่นมาทำให้งานแต่ละร้านออกมาไม่ซ้ำ ให้มีเอกลักษณ์ในแบบฉบับของร้านนั้นๆต่างกันไป

Thai-Künstler Ittharong Styles

“เป็นไทยโมเดิร์น ดูแล้วรู้ว่าไทยแต่เป็นไทยแบบที่ฝรั่งชอบ ไม่เน้นไทยแบบไม้โบราณ งานของเราจะใช้สีอคิลิค เล่น mood & tone ให้โมเดิร์น ช่วยให้ดูร่วมสมัยขึ้น ไม่ดูเก่า ดุดันมาก

ที่เลือกสไตล์ไทยเพราะ ความเป็นไทยเราเนี่ยคลาสสิคตลอดกาล เป็นสิ่งที่ต่างชาติยอมรับ เพียงแค่คนไทยมองข้ามสิ่งเหล่านี้”

ทั้งร้านนวด ร้านอาหาร ถ้าได้รับการดีไซน์ดีดีก็เหมือนแม่เหล็กชั้นเยี่ยมที่เชื้อเชิญ ดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านเกินครึ่งทางแล้ว

“ตั้งแต่กระแสละครบุพเพสันนิวาสเปรี้ยงปร้างเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ก็มีทัศนคติเปลี่ยนไป เริ่มให้ความสำคัญกับอาชีพตัวเองและการตกแต่งร้านสไตล์ไทยมากขึ้น พี่เพียงแค่ลากสายป่านต่อเท่านั้นเอง”

เป็นอย่างไรบ้างกับงานออกแบบล่าสุดที่ร้านโต๊ะทอง แรงบันดาลใจมาจากอะไร

ก่อนตกปากรับคำมาทำโปรเจ็คนี้ พี่ได้เข้ามาเห็นโครงสร้างของร้าน ซึ่งมีความโปร่ง ภายในโล่งกว้างมาก บวกกับเพดานสูงด้วย ร้านปรกติเราจะไม่ค่อยเจอชั้นลอย ภาพที่ปิ๊งมาในหัว บอกได้แค่ว่า ให้เป็นร้านน่ะ มันธรรมดาไป เราต้องยกทั้งซอยมาไว้ที่นี่

พี่เลยยื่นไอเดียพร้อมหยิบภาพตลาดร้อยปี มาให้เจ้าของร้านดู เขาก็ยังไม่เชื่อ แถมถามกลับมาว่า มันจะเป็นไปได้รึ พี่บอกนั่นคืองานของเรา ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่ตอบโอเค แล้วแวะมาตอนจ่ายตังค์ซื้อของ กับตอนงานเสร็จก็พอ (ฮา) ก็เลยออกมาอย่างที่เห็น

งานร้านโต๊ะทองจะเป็นไทยแบบย้อนวันวาน จัดเต็มทุกมุม พยายามถ่ายทอดให้ออกมาสมบูรณ์แบบตรงคอนเซปท์มากที่สุด ส่วนไหนตัดโฟมก็ต้องตัด บางมุมมีที่ต้องวาดต้องเพ้นท์ งานสติกเกอร์ก็มา ดีเทลละเอียด ใช้เวลานานเหมือนกัน

ตั้งแต่ป้ายโค้ก ยันตู้ไปรษณีย์ พี่กับภรรยาช่วยกันทำเองทุกอย่าง จนพวกฝรั่งหัวทองเพื่อนเจ้าของร้านเกาหัวเลย บอกผมบริหารร้านอาหารมาเป็นสิบปี มีแต่ลงทุนร้านหรูๆ ยังไม่เคยเห็นอะไรที่ดีไซน์แบบนี้มาก่อน

“เดินวนมาดูอยู่นั่นแหละ สักพักเดี๋ยวก็พาเพื่อนมาดูเราทำงานอีกละ ว้าวสายไฟที่ขดพันๆเป็นก้อน ว้าวจิ้งจกปลอม แล้วบอกว่า คิดได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นซอยได้เลย คุณเสกมันขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว ได้ยินแล้วก็อดดีใจไม่ได้

เค้าบอกว่าอาหารน่ะกินที่ไหนก็ได้ รสกลางๆกลมกล่อม ทานได้ ก็จบ แต่การได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เสพย์ความสุนทรีรื่นรมย์ด้วยสายตาบวกรสชาติไทยเรานี่แหละ เป็นสิ่งที่ชาวไทยในต่างแดนและชาวต่างชาติที่หลงรักเมืองไทยต่างโหยหา”

พาร์ทของพี่เสร็จไปแล้ว ตอนนี้ทางร้านแค่รอเรือ โต๊ะเก้าอี้ ที่สั่งอิมพอร์ตจากเมืองไทย แกรนด์โอเพนนิ่งเดือนมิถุนายน อดใจรอชม

ชีวิตศิลปินในต่างแดนเป็นอย่างไร

อยู่เยอรมันก็สบายๆ เป็นชีวิตที่เรียบง่ายดีนะ มันลงตัวแล้วด้วย อยู่มาตั้งเกือบยี่สิบปี โชคดีที่พี่ใช้ชีวิตติดดินมาแต่ไหนแต่ไร ทำงานตรงไหนก็นอนมันตรงนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมาตั้งรกราก ก็ไม่คิดว่าจะอยู่มาอย่างยาวนานขนาดนี้ เป็นจอมพเนจรร่อนเร่มาแต่เด็ก เวลานี้ ถึงจะมีบ้านช่องแล้ว ก็ยังพเนจรในเรื่องงานอยู่ ตามวิถีชีวิตที่ต้องเป็นไป

ไม่ค่อยเห็นคนไทยในสายอาชีพนี้ ศิลปินชาวไทยมีเยอะมั้ยคะ

ถ้าถามหาช่างไม้น่ะมี แต่คนที่ทำเต็มตัวทั้งออกแบบดีไซน์ ตกแต่งภายในไปด้วยครบวงจรแบบพี่ไม่ค่อยเจอ

พี่ว่าโชคดีอย่างที่คนไทยเราเก่งอยู่แล้ว เรื่องวิชาสารพัดช่าง บ้านเราฝึกให้เด็กเป็นทุกอย่าง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี จึงสามารถประยุกต์นู่นนี่รอบตัวมาใช้ได้อย่างน่าทึ่ง

ถ้าเด็กรุ่นใหม่ ได้ฝึกลงมือทำจริงทุกขั้นตอนจะเยี่ยมยอดมาก เพราะวันนึงหากมีโอกาสย้ายมาต่างแดนก็จะมีหนทางทำกินได้มากกว่าชาวบ้านเค้า เพราะที่นี่ค่าจ้างช่าง ต่อชั่วโมง มันแพงเหลือเกิน พี่เป็นช่างที่ต้องทำเองทุกกระบวนการจริงๆ

ในวันที่ตัดสินใจจดเป็นห้างหุ้นส่วน รูปแบบบริษัท Thai-Künstler Ittharong GbR

ตอนไปยื่นเอกสารจดทะเบียนเป็นบริษัท
เจ้าหน้าที่บอกขอดูใบประกอบวิชาชีพกับผลงานหน่อย จะได้ให้คำแนะนำได้ถูกว่าควรจะจดทะเบียนรูปแบบไหนดี พอยื่นภาพงานเราให้ดู เค้าก็อึ้งไป แล้วเดินไปเรียกเพื่อนร่วมงานมามุงกันใหญ่ พูดว่า งานของคุณมันระดับมาสเตอร์พีซ คงไม่มีใครทำแบบคุณได้หรอก และมีสิ่งหนึ่งที่คุณน่าจะยังไม่ทราบ ซึ่งเป็นข้อห้ามสำหรับงานประเภทนี้ เจ้าหน้าที่เว้นวรรคให้เราหายใจไม่ทั่วท้องสักสามวิ

จากนี้ไปคุณไม่สามารถวาดบนผนังได้ เพราะเป็นกฏหมายที่สงวนไว้สำหรับคนเยอรมันเท่านั้น วาดได้บนไม้ หรืออะไรก็ได้แต่ห้ามวาดบนผนัง

“โล่งใจไปเลย ที่ความพยายามทั้งหมดไม่สูญเปล่า เค้าช่วยดำเนินการให้อย่างดี เรื่องเอกสารผ่านฉลุย เพราะถ้าไม่ให้ก็อดได้ภาษีจากเราสิ (หัวเราะ)

ทำงานสะสมมามากๆจึงมีข้อดีตรงนี้ เรียนจบอะไรมา มีใบประกาศมั้ย ก็ไม่ต้องดูให้มากความ เพราะผลงานเราตอบจบจนไร้ข้อกังขาไปหมดแล้ว ”

การทำงานในเยอรมนี ประเทศที่มีกฏระเบียบที่เข้มงวดมากมาย สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ต้องศึกษาระเบียบทุกอย่างให้ชัดเจน
ทำตามกฏระเบียบที่เค้ากำหนดไว้ แล้วชีวิตจะง่าย

สำคัญที่สุดเลย เราต้องเสียภาษี

อย่างเช่น สมมติพี่ต้องการรับพนักงานมาช่วยทาสี ก็ต้องไปยื่นสัญญาจ้างงานกับทางอำเภอเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าเราจ้างเค้าระยะเวลานานแค่ไหน คิดรายชั่วโมง เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เป็นต้น

บริษัทเราจะยื่นเอกสารการเงินทั้งหมด ให้กับสำนักงานตรวจภาษี แล้วเค้าจะจัดการทุกอย่างให้ ก่อนส่งเอกสารต่อไปยังกรมสรรพากรเอง

ลูกค้าส่วนใหญ่เค้าหาพี่เจอจากไหน

ตลอดระยะเวลาการทำงาน พี่ชอบโพสเก็บภาพ before & after ลงโชว์ผลงานเรื่อยๆ มีทั้ง Instragram ทั้ง Facebook ขยายกลุ่มคนที่ชอบงานของเราได้กว้างขึ้น แต่ส่วนมากเราไปทำงานเสร็จ เค้าก็ประทับใจ เลยจะเป็นปากต่อปากกันซะมากกว่า มีงานไม่เคยว่างเว้นเลย พอใกล้จบโปรเจ็คเมืองนี้ อีกงานจะต่อทันที เป็นแบบนี้มาตลอด แม้แต่ช่วงโควิด พี่ก็อาศัยทำงานในร้านเอา ซึ่งไม่เจอใครอยู่แล้ว เลยสะดวกหน่อย

หนทางศิลปินตลอดเส้นทางที่โลดแล่นมากกว่า 20 ปี เจออุปสรรคอะไรบ้าง

“ไม่ว่าจะได้งานเมืองไหน เค้าก็มีช่างเจ้าถิ่นใช่มั้ย เป็นธรรมดาที่เราเป็นช่างพเนจรมาจากต่างถิ่น ใครเขาจะเชื่อล่ะว่าผู้ชายตัวเล็กๆดูปอนๆแบบเราจะทำได้”

แต่ของแบบนี้พี่กฤตยืนยันกับเราว่าข้ามได้หมดด้วยใจที่แข่งแกร่ง งัดฝีไม้ลายมือมาสู้กับเค้า เอาชนะทุกอุปสรรคด้วยผลงาน แลกมันมาด้วยความอดทนจากสายตาที่บางครั้งเค้าก็มองเราอย่างดูถูก

“จะเดินคอยืดได้เมื่องานเสร็จ เรียกว่า เปิดพลาสติกที่คลุมงานออกแล้วต้องอึ้งทั้งซอย นั่นล่ะ โคตรสะใจ และสุขยิ่งกว่า พอเห็นสายตาเจ้าของร้านประทับใจผลงาน เดินมากอดแน่น ขอบคุณเรา แววตาเปล่งประกายแห่งความสุขที่มองกลับมานี่แหละ ที่ต่อพลังใจให้หายเหนื่อย และรู้สึกว่าภารกิจส่งมอบสมบูรณ์แล้ว”

มีอะไรอยากบอกน้องๆรุ่นหลังที่อยากมาทำงานต่างแดนมั้ยคะ

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการทำงาน

อันดับหนึ่ง คือ ความเป็นมืออาชีพ ความซื่อสัตย์ สัจจะ จากนั้นก็ปล่อยของให้เต็ม คาลเบล

สอง คุณต้องมีความรู้รอบทิศ ถึงจะเอาอยู่ พยายามให้งานมันจบที่เรา

สาม ต้องมีความตั้งใจ อดทนอดกลั้น ถึงจะรอด และจงใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าระแวงแต่ต้องระแวดระวังเสมอ

ถ้ายังอยู่ไทยตอนนี้น่าจะทำงานอะไรอยู่คะ

น่าจะยังอยู่ในวงการเพลงเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่การมาอยู่ในต่างแดน เป็นเหมือนพรหมลิขิตว่าเราต้องอยู่เพื่อทำอะไรบางอย่างที่ธรรมดาแต่สำหรับพี่มันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่

หวังแค่อย่างน้อย พลังศิลปะที่ติดตัวเรามา ได้ช่วยให้คนไทยได้มีกิจการดี มีหน้าร้านสวยๆให้ชาวต่างชาติเค้าไม่ดูถูกดูแคลนงานนวดแผนไทยอย่างแต่ก่อน

“พี่ภูมิใจนะที่ได้เป็นจิ๊กซอว์ตัวเล็กๆช่วยยกระดับศิลปะวัฒนธรรมไทย และการนวดไทยที่เป็นถึงมรดกโลก โชว์ให้ต่างชาติได้เห็นอัตลักษณ์ วัฒนธรรมของชาติเรา ปิดจ็อบแล้วแต่ผลงานยังคงต่อยอดให้เกิดภาพลักษณ์ดีงามในสายตาต่างชาติต่อชาวไทยในต่างแดน

และพี่จะทำมันต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะปีนขึ้นบันไดไปวาดไม่ไหวนั่นแหละ”

นี่เป็นเหมือนสัญญาใจกับตัวเองจากปากของพี่กฤต ที่คนฟังเองสัมผัสได้ว่ากลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง