คัดลอก URL แล้ว

รีวิว The Cheese Sisters : ภาพยนตร์ที่จุดประกายแรงบันดาลใจ และจะทำให้คุณอบอุ่นช่วงสิ้นปีนี้

เราได้มีโอกาสไปร่วมงานกาล่าภาพยนตร์ The Cheese Sisters ซึ่งผลิตโดย iAM FILMs ที่เราคุ้นเคยอย่างค่าย iAM ต้นสังกัดศิลปินไอดอลหญิงวง BNK48 และศิลปินไอดอลหญิงวง CGM48 ที่จับมือกับสตูดิโอคำม่วนและ บริษัท แฮปปี้ฮับ เอนเตอร์เทนเม้นจำกัด

โดยครั้งนี้ทางค่ายนำเสนอ The Cheese Sisters บอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพ การเดินทางของความสัมพันธ์ หากจะถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงจะต้องชื่อว่าชีส คงเป็นเพราะกว่าจะได้มาเป็นชีสแต่ละชนิด เราจะต้องใช้เวลาในการผลิตตั้งแต่การเลี้ยงโคนม การเลือกนมที่มีคุณภาพ ส่วนผสมที่เหมาะสม และเวลาบ่มเพาะที่พอดี ถึงจะได้ชีสที่ออกมาสมบูรณ์แบบ หนังเรื่องนี้ถูกแบ่งเป็น 4 พาร์ท 4 เรื่อง ราว 5 ผู้กำกับ โดยในแต่ละพาร์ทก็จะมีเรื่องราวมีรสชาติที่แต่งต่างกันออกไป

ถ่ายทอดโดย 8 นักแสดงนำ น้ำหนึ่ง – มิลิน ดอกเทียน BNK48 รับบท ฝน, เนย- กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล BNK48 รับบท เฟิร์น, เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ BNK48 รับบท ไอริน, ปัญ – ปัญสิกรณ์ ติยะกร BNK48 รับบท นาว, วี-วีรยา จาง BNK48 รับบท ปราง, ฟ้อนด์ – ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา BNK48, คนิ้ง – วิทิตา สระศรีสม CGM48, มามิ้งค์- มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์ CGM48

และในงานยังได้ฟังเพลงประกอบแบบสด ๆ เลยทั้ง 4 เพลง ข้าง ๆ จาก ตาหวาน, Cheese จาก ปัญ, Bye Bye จาก วี-ฟ้อนด์ และ ลาลารัก จาก แชมพู บอกเลยว่าเพราะมากกกก

ก่อนที่จะได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกับทั้ง 5 ผู้กำกับ ถึงที่มาที่ไปและคอนเซปต์ในแต่ละพาร์ทของตัวภาพยนตร์

พาร์ทที่ 1 Dairy Farmer – ฝน (น้ำหนึ่ง), เฟิร์น (เนย)
กำกับโดย ตั๊ก – ฉันทนา ทิพย์ประชาติ

“ เหมือนการเติบโตผ่านของการเป็นผู้ใหญ่ จุดเริ่มต้นเรื่องราวความสัมพันธ์ สะท้อนกระบวนการผลิตนมวัว ต้องมีวิธีการดูแลวัว การรีดนมวัวให้ถูกวิธี วัตถุดิบนมวัวที่ดีนำไปจำหน่ายเป็นอย่างไร แน่นอนที่สุด นมวัวนำไปแปรรูปเป็นอาหารทั้งคาว หวาน และความสัมพันธ์ของเด็กสาวสองคนก่อความสัมพันธ์พัฒนาไปในทิศทางใดได้บ้าง ตนเองเป็นผู้กำกับพยายามไม่ให้ผู้ชมเดายากจนเกินไป เคมีที่ลงตัว ของสองนักแสดงในฐานะผู้กำกับรู้สึกประทับใจ ทั้งสองนักแสดงถ่ายทอดเรื่องราวครอบครัว สภาพสังคมและเศรษฐกิจสอดคล้องกับความเป็นจริงในยุคปัจจุบันได้ดี แม้จะสลับคาแรคเตอร์ให้น้ำหนึ่งกับเนย ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเห็นฝนสดใสส่งพลังให้เฟิร์นในเรื่องเพื่อให้คนรอบข้างใช้ชีวิตอยู่ต่ออย่างมีความหวัง ด้าน เฟิร์น ในแววตาจะมีการตั้งคำถาม นิ่งนิ่งใบหน้าแลดูอมเศร้าแต่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาในบทเรื่องนี้เฟิร์นจะมีความดราม่าต้องมีสภาวะผู้นำ ”

พาร์ทที่ 2 Cheese Makeไอริน (เจนนิษฐ์), นาว (ปัฐ)
กำกับโดย อั้ม – ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์

” โดยการเติบโตผ่านการบ่มเพาะ สำหรับไอริน คาแรคเตอร์มีกรอบที่ครอบครัววางไว้ ด้วยพื้นฐานครอบครัวรับราชการ ต้องการออกจากชีวิตแบบเดิมเดิม ไร้แรงบันดาลใจจึงตัดสินใจเพื่อเดินทางเรียนรู้อะไรใหม่ใหม่เพิ่มมากขึ้นจนมาเจอความสัมพันธ์แบบใหม่ กับ นาว ที่ตนเองจะมาพักที่ Farm Stay แต่ดันปิด นาว เป็นลูกสาวเจ้าของ Farm Stay มีอุปนิสัยรักพ่อแม่มากมาก เมื่อสองคนพบเจอกันแล้วทำให้แลกเปลี่ยนมุมมองชีวิต ทั้งสองเติมเต็มสิ่งที่แต่ละคนขาดหายได้อย่างลงตัว ไอรินและนาว ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำชีส นอกจากจะเรียนรู้การทำชีสแล้วยังได้เรียนรู้หัวใจของกันและกัน ซึ่งผมในมุมผู้กำกับเจนนิษฐ์ กับ ปัญ มีวินัยทั้งคู่ ส่วนอารมณ์ก็จะมาคุยหน้าเซ็ท ปรับการทำงานช่วงถ่ายทำมีความเป็นมืออาชีพสูงและทำงานร่วมด้วยง่าย ”

พาร์ทที่ 3 Deliver – ปราง (วี), นิว (ฟ้อนด์)
กำกับโดย มะเดี่ยว – ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุ

“ เหมือนการเติบโตผ่านการปล่อยวาง ผู้ชมจะสัมผัสสองเพื่อนเก่าที่ไม่รู้ความรู้สึกตนเองว่าสถานะเป็นอะไรกันแน่ ระหว่างปรางกับมิว ระยะเวลาที่ห่างหายกันไปหลังเรียนจบ ความรักที่ไม่รู้ว่าใช่สถานะแฟนหรือไม่ ? ติดค้างอยู่ในใจของปรางมาตลอด จนวันหนึ่ง ปราง ขับรถรับส่งนมวัวเพื่อไปส่งยังที่ต่างๆใช้ชีวิตไปเรื่อยเรื่อยในจังหวัดเชียงใหม่ จนวันหนึ่งเจอมิวอีกครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่าตกใจและติดค้างในใจปราง ว่าสถานะระหว่างตนเองกับมิวเป็นอะไรกันแน่เมื่อเคยคบกันจนมิวหายจากชีวิตปรางไปหลายปี ครั้งนี้ มิวขอติดรถปรางเพื่อมาลงในอำเภอเมือง ในการขึ้นรถไฟกลับกรุงเทพฯ หาคนรักที่เป็นผู้ชาย การเจอกันของมิวครั้งนี้ทำให้ปรางย่อมเกิดความรู้สึกสับสน มีความรู้สึกเกินเพื่อน ไม่กล้าบอกมิว ผุดขึ้นมาอีก ในฐานะผู้กำกับทุกคนล้วนมีประสบการณ์ความรัก ซึ่งผู้ชมมีวิธีการจัดการรูปแบบความรักนี้อย่างไรบ้างในเหตุการณ์ลักษณะนี้ ส่วนโลเคชั่นถ่ายทำ outdoor ผู้ชมจะได้เห็นภาพวิวสวยงาม สดชื่น สำหรับการร่วมงานกับ วี เคยร่วมงานกันแล้วในภาพยนตร์ผ้าผีบอก ครั้งนี้ตั้งใจทำงานอย่างมาก วีเองค่อนข้างพัฒนาและรอบรู้สอบถามเพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ด้านฟ้อนด์ร่วมงานครั้งแรก บุคลิกน้องมีเสน่ห์ ลักษณะคาแรคเตอร์ที่ทำให้ผู้ชมชื่นชอบ เก่ง มีวินัยสูง อนาคตไกลครับ ”

พาร์ทที่ 4 Baker – เมจิ (คนิ้ง), แพท (มามิ้งค์)
กำกับโดย ตู้ – อัศฎา ลิขิตบุญมา และ นัท – สรวิชญ์ เมืองแก้ว

“ เป็นการเติบโตผ่านการเผชิญหน้ากับความรู้สึก ซึ่งมีความน่าสนใจเรื่องราวของเด็กสาวข้างบ้านที่ชอบรุ่นพี่ที่บ้านติดกัน เมจิ เด็กสาวสดใส อุปนิสัยซุกซน แต่งตัวคอสเพย์ญี่ปุ่น รักแรกพบกับพี่สาวข้างบ้าน ที่เป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ สไตล์มินิมอล คาเฟ่เล็กเล็ก แพทเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ค่อนข้างเก็บตัว เมจิต้องการใกล้ชิดแพทให้มากจึงให้แพทสอนทำเค้ก เรื่องราวความป่วน สนุกก็เกิดขึ้นระหว่างความสัมพันธ์สองคนจะพัฒนาไปอย่างไร? นับว่าเป็นพาร์ตที่โรแมนติกคอมเมดี้ ละมุนหัวใจ ฟินทั้งสี่พาร์ตเพื่อให้ผู้ชมภาพยนตร์สัมผัสรสชาติความอบอุ่น ทั้งนี้สองนักแสดง คนิ้ง กับ มามิ้งค์ มีความน่ารัก สดใสเต็มเต็ม ทั้งสองนักแสดงมีความตั้งใจทำงานสูงนับว่าเป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการบันเทิงที่น่าจับตามอง ”

หลังจากฉากจบของภาพยนตร์คำแรกในความคิดเลยคือ ‘FEEL GOOD’ และลุกขึ้นเดินด้วยรอยยิ้ม ต้องยอมรับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้จริง ๆ ทั้งความน่ารักของนักแสดง และความรู้สึกที่อิ่มเอมใจ ในทุก ๆ พาร์ทของเรื่องจะทิ้งเราไว้กับคำพูดบางอย่างที่จุดประกายความคิด ให้เราได้ตั้งคำถามและลองตอบคำถามนั้นกับตัวเอง

บรรยากาศที่ถ่ายทำทั้งเรื่องจะเป็นเชียงใหม่ มีตั้งแต่ในตัวเมืองไปจนถึงยอดดอย ได้เห็นความเขียวขจีของธรรมชาติที่กว้างใหญ่ในจุดนี้ยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นมากขึ้นไปอีก ทีมงานเลือกมุมกล้องกับโลเคชั่นได้คุ้มค่าเลยทีเดียวเพราะนอกจากจะได้เห็นความน่ารักของนักแสดงแล้วยังได้เห็นความสวยงามของสถานที่และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

ด้านนักแสดงเรารู้ว่าน้องทั้งมีประสบการณ์และไม่มีประสบการณ์ แต่หลาย ๆ ซีนก็ทำให้เราอึ้งกับการแสดงอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะซีนอารมณ์ของฟ้อนด์และคนิ้ง อันนี้ขอออกปากชมส่วนตัวเลย เราทึ้งจนเกือบเสียน้ำตาตาม และสำหรับคู่ที่ทำให้เราเขินจนเกือบจะจิกเบาะโรงหนังขาดก็คือปัญกับเจนนิษฐ์ เคมีธรรมชาติมากความน่ารักของคู่นี้ทำเรายิ้มไม่หุบเลยจริง ๆ ส่วนที่เหลือไม่ใช่ว่าทำได้ไม่ดี แต่ด้วยตัวบทที่สั้น อย่างที่รู้ว่าใน 2 ชม. จะต้องแบ่งออกเป็น 4 พาร์ท แต่ละพาร์ทจะได้แอร์ไทม์ประมาณ 30-40 นาทีเอง บางปมถูกก่อเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ถูกเฉลย บางเรื่องก็ตัดจบรวบรัด แต่เราก็เข้าใจได้ด้วยข้อจำกัดของเวลาที่มี

โดยรวมของ The Cheese Sisters เป็นภาพยนตร์ Feel Good ที่จะทำให้คุณอมยิ้มและแอบซับน้ำตาในบางครั้ง มวลเหล่านี่แหละที่มันก่อให้เกิดเป็นความอบอุ่นอยู่ในใจ ให้เราได้คิดและตอบคถามถึงการเดินทางของชีวิต และความสัมพันธ์ที่มันทั้งดีและเป็น Toxic เราเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ช่วงสิ้นปีของมีความสุขแน่นอน

หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราอยากบอกว่าอย่าเชื่ออะไรที่เราพิมพ์เลย จนกว่าคุณจะได้ลองมันด้วยตัวเอง

The Cheese Sisters เข้าฉายแล้วทุกโรงภาพยนตร์


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง