ผายลม หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ตด” นั้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติ คนเราจะผายลมเฉลี่ยประมาณ 10-20 ครั้งต่อวัน การผายลมที่มากหรือน้อยกว่านั้น อาจแสดงว่าเกิดความผิดปกติขึ้น ซึ่งมีทั้งที่ไม่ได้ก่อให้เกิดโทษแก่ร่างกาย และความผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย ซึ่งเราควรจะต้องใส่ใจและรู้เอาไว้ และการตดนั้นหากกลั้นไว้ จะทำให้รูสึกอึดอัดภายในท้อง ก๊าซในปอดก็จะถูกระบายออกมาทางปาก เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องเขินอายเพราะการตดน่ะเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะบ่งบอกถึงสุขภาพของคุณแล้วยังมีประโยชน์แบบไม่น่าเชื่อด้วย และนี่คือ 5 ประโยชน์ของการตด ที่ดีต่อสุขภาพ
1.บรรเทาอาการท้องอืด
หลายคนแม้ว่าจะรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ก็ไม่วายต้องเจอกับอาการท้องอืด โดยเฉพาะหากคุณรับประทานถั่วและถั่วฝักยาว ยิ่งทำให้ท้องอืด แต่โชคดีที่ร่างกายมนุษย์มาพร้อมกับวาล์วปล่อยความดัน ดังนั้น คุณต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
การผายลม เสมือนการปล่อยก๊าซ เมื่ออาหารไม่ได้ย่อยจะทำให้เกิดแก๊ส คุณสามารถแก้ไขด้วยวิธีการดังนี้ คือการนอนหงาย และดึงเข่าข้างหนึ่งไปยังหน้าอกของคุณ ตำแหน่งนี้เรียกว่า “pawanmuktasana”
2.เช็กสุขภาพผ่านกลิ่นของการผายลม
หากคุณเป็นคนที่มีสุขภาพดี การผายลมส่วนใหญ่จะมีกลิ่นที่ไม่แย่ แต่หากเริ่มมีกลิ่นเน่าเหม็น คุณจะต้องเริ่มให้ความสนใจในสุขภาพของตัวเองแล้ว เพราะสิ่งเหล่ามันอาจจะเป็นสัญญาณการแพ้แลคโตส อาหารไม่ย่อย หรือการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
3.การสูดดมกลิ่นผายลมเป็นเรื่องที่ดี
อ่านแล้วอย่างเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะเวลาที่ผายลมออกมา จะมีสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ออกมาด้วย ซึ่งได้มีการวิจัยพบว่าการสูดดมก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ในปริมาณน้อยๆ จะสามารถลดความเสียหายของเซลล์ในระยะยาวได้ แถมยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโรคไขข้อ และโรคหัวใจด้วย
4.การผายลมเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพ
จุลินทรีย์มีบทบาทสำคัญกับสุขภาพในหลายแง่มุมเพราะมันเป็นระบบภูมิคุ้มกันของคุณ อีกทั้งยังควบคุมสารเคมีในสมองและควบคุมน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแน่นอนว่า คุณไม่สามารถดูจุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณได้ หรือแม้ว่าคุณจะสามารถดูได้ แต่จุลินทรีย์จะไม่สามารถแจ้งให้คุณทราบได้ว่าทุกอย่างในร่างกายคุณโอเค ซึ่งการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซเป็นวิธีเดียวที่ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้จะได้รับสารอาหาร
5.การผายลมทำให้รู้ว่าขาดสารอาหาร
ถ้าคุณไม่ค่อยผายลม นั่นก็เป็นเพราะ จุลินทรีย์ในลำไส้ของคุณไม่ได้รับสารอาหารที่พวกเขาต้องการ นั่นหมายความว่าคุณต้องกินคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้น เช่น ถั่ว เมล็ดธัญพืช กะหล่ำปลี หัวหอม เป็นต้น
ทั้งนี้ หากคุณอยู่ในวัยใกล้วัยหมดประจำเดือน คาดว่าความถี่ในการผายลมจะเพิ่มขึ้น การทานอาหารจำพวกโปรไบโอติกเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะรักษาลำไส้ ให้คุณมีสุขภาพดีในระยะยาวได้
ที่มา : www.thaihealth.or.th, พญ. ผุสดี โรจน์พลากร โรงพยาบาลสมิติเวช,