ช่วงหน้าฝน แบบนี้ อีกหนึ่งปัญหาสำหรับแม่บ้านก็คือ กลิ่นผ้าเหม็นอับ ซึ่งเมื่อสวมใส่แล้วก็จะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เกิดความไม่มั่นใจ ในบทความนี้ รวบรวม วิธีแก้ปัญหาผ้าเหม็นอับ ช่วงหน้าฝน หลากหลายวิธีมาให้แล้ว ลองไปเลือกใช้กันดูนะคะ
สาเหตุของ ผ้าเหม็นอับ
ช่วงหน้าฝน ทำให้สภาพอากาศมีความชื้น แสงแดดไม่เจิดจ้า เวลาตากผ้าอาจจะทำให้แห้งไม่สนิท ส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ในความเป็นจริง เจ้ากลิ่นอับไม่ได้เกิดจากสภาพอากาศอับชื้นอย่างเดียว อาจเกิดจากการหมักผ้าที่ปั่นเสร็จแล้วไว้ในเครื่องซักผ้าข้ามคืน การตากผ้าในที่ร่ม ตากผ้าในห้อง ตากผ้าตอนฝนตก หรือการเก็บผ้าพับเข้าตู้ทั้ง ๆ ที่ผ้ายังแห้งไม่สนิทดี
ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มชนิดเข้มข้น หรือสูตรช่วยลดกลิ่นอับ
ตอนนี้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีให้เลือกหลายยี่ห้อมาก ถ้ากลิ่นหอมที่มีสูตรเข้มข้นจะติดทนนานกว่าสูตรธรรมดา สำหรับผู้ที่ไม่ชอบใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคสำหรับเสื้อผ้า โดยใส่ในน้ำสุดท้ายของขั้นตอนการซักเพื่อขจัดกลิ่นอับชื้นแทนได้ แต่ถ้าลองใช้แล้วยังไม่หายลองทำอีกหลายๆ วิธีแก้ปัญหาผ้าเหม็นอับ ดังต่อไปนี้
ผึ่งเสื้อที่เปียกให้แห้งก่อนอย่าโยใส่ตะกร้า
หลังจากออกไปข้างนอกแล้วกลับถึงบ้านด้วยเสื่อซกเหงื่อมาทั้งวัน ห้ามโยนเสื้อลงตะกร้า ควรผึ่งให้แห้งก่อน เพราะการหมกเสื้อเปียกเหงื่อในตะกร้าไว้นานๆ ทำให้สิ่งสกปรกและคราบเหงื่อต่างๆ ถูกหมักหมม ก่อให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรีย สาเหตุของกลิ่นเหม็นอับอบอวลชวนเวียนหัวที่บางครั้งซักแล้วกลิ่นก็ยังอยู่
แยกผ้าขาวออกจากผ้าสี
แยกผ้าสกปรกมาก ผ้าเหม็นอับ ออกจากผ้าตัวอื่น ไม่ให้แบคทีเรียกระจายตัว ก่อนนำไปซักปกติ จะทำให้เสื้อสะอาดไร้กลิ่นได้อีกหนึ่งทาง
สารส้ม
ใช้สารส้มแกว่งในน้ำก่อนจะใช้ซักผ้าประมาณ 10 นาที แล้วค่อยซักตามปกติ หากคุณชอบใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ควรเลือกพิจารณาน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นอ่อนๆ เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหอมแรงจะเป็นตัวกระตุ้นให้กลิ่นผ้าที่เหม็นอับอยู่แล้วส่งกลิ่นยิ่งเยอะกว่าเดิม
ซักผ้าในปริมาณน้อยแต่บ่อยขึ้น
การซักผ้าแต่ปริมาณน้อย จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการตากผ้า ไม่ต้องแขวนผ้าเบียดกัน ช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว และไม่มีกลิ่นอับ
ไม่ควรเก็บเสื้อผ้าไว้นาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่สัมผัสกับละอองฝน แบคทีเรียที่มักจะสะสมอยู่ในเสื้อผ้า เมื่อรวมตัวกับความเปียกชื้นก็จะทำให้เกิดปัญหากลิ่นอับติดเสื้อผ้า บางครั้งอาจก่อให้เกิดเป็นคราบสกปรกต่างๆ ฝังแน่นบนเสื้อผ้าและทำให้เสื้อผ้าหมองและเก่าเร็วขึ้น และอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองแก่ผิวหนังได้
แช่ผ้าช่วยได้
ก่อนซักเสื้อที่เคยชุ่มไปด้วยเหงื่อ ให้ลองนำมาแช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำซึมเข้าสู่เส้นใยผ้าอย่างทั่วถึง ก่อนขยี้เบาๆ บิดผ้าหมาดๆ แล้วจึงนำผ้าไปซักจริงอีกรอบตามขั้นตอนปกติ วิธีนี้จะช่วยให้คราบเหงื่อไคลและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนผ้าหลุดออกไปบางส่วน ทำให้การซักเสื้อผ้าสะอาดขึ้นอีกระดับ
แช่ในนมเปรี้ยว
ซักผ้าหน้าฝน ก็จะทำให้ผ้าเกิดกลิ่นอับได้เช่นกัน วิธีแก้ก็คือนำผ้าที่มีเชื้อรา กลิ่นอับ ไปแช่ในนมเปรี้ยว ทิ้งข้ามคืนก่อนนำไปซักตามปกติ และที่สำคัญไม่แนะนำให้ ตากผ้าในห้อง เพียงเท่านี้กลิ่นอับก็จะหายไปพร้อมๆ เชื้อราแล้ว
ถ้าผ้ามีเชื้อรา
ใช้แป้งข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 2 ช้อนชา + น้ำมะนาว ½ ลูก กับเกลือ คนให้เข้ากัน แล้วป้ายบนผ้าที่มีเชื้อราทั้ง 2 ด้าน ก่อนตากแดดจัด ๆ ให้แห้งสนิท แล้วนำเสื้อผ้าไปซักปกติ ก็จะช่วยให้กลิ่นอับหมดไปได้
สูตรน้ำส้มสายชู
ลองผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงลงไปกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าด้วย หรือ ถ้าผ้าที่คุณซักเป็นผ้าเช็ดตัว หรือผ้ายีนส์ อาจจะนำผ้าเหล่านี้ไปแช่น้ำที่ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วงตวงต่อน้ำ 1 แกลลอน หรือน้ำยาฟอกขาว สัก 2-3 ชั่วโมงก่อนนำไปซักตามปกติ และใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นหอม ๆ เสร็จแล้วก็นำผ้าไปตากในที่ที่มีแดดจ้า หรืออย่างน้อย ๆ ก็ตากในที่ที่มีลมโกรกอยู่ตลอดก็ได้จ้า
ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเป็นประจำทุก 1-2 เดือน หรือซักผ้าไปแล้วประมาณ 20-30 ครั้ง
การล้างถังซักเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการล้างถังซักช่วยทำให้การซักผ้าสะอาดล้ำลึกมากขึ้น โดยสามารถเลือกใช้วิธีธรรมชาติหรือผงล้างเครื่องซักผ้าสำเร็จรูปได้ตามความสะดวก หนึ่งในวิธีธรรมชาติที่สามารถทำตามได้ง่ายๆ ด้วยของใช้ที่มีอยู่ในครัวเรือนคือการใช้น้ำส้มสายชู เพียงเติมน้ำส้มสายชูเข้าไปในเครื่อง จากนั้นเลือกโปรแกรมล้างถังซัก วิธีนี้จะช่วยกำจัดเชื้อโรคที่อยู่ตามซอกเล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการเกิดกลิ่นอับ นอกจากนี้ ควรเลือกใช้เครื่องซักผ้าที่มีประสิทธิภาพในการขจัดแบคทีเรียหรือสารตกค้างหลังการซัก ทำความสะอาดผ้าอย่างล้ำลึกและอ่อนโยน ช่วยลดการสะสมแบคทีเรียในถังซัก
ฆ่าเชื้อราในเครื่องซักผ้า
โดยนำผ้าหรือฟองน้ำมาจุ่มสารละลายของสารฟอกขาวและน้ำที่ผสมไว้ เสร็จแล้วนำไปเช็ดทำความสะอาดเชื้อราที่ติดอยู่กับตัวถังให้หมดไป อย่าลืมเปิดฝาเครื่องซักผ้าทิ้งไว้ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก แถมยังทำให้ เสื้อสะอาด ขึ้นด้วยนะคะ
เก็บผ้าให้ถูกวิธี
เก็บผ้าที่ตากไว้เมื่อมั่นใจว่าแห้งสนิทแล้วเท่านั้นจึงค่อยพับเก็บ หากเสื้อที่ต้องรีดให้เรียบ หลังจากทำการรีดเรียบร้อยแล้วควรแขวนผึ่งลมไว้สักครู่ เพื่อให้ไอน้ำหรือสเปร์ยรีดผ้าเรียบระเหยออกจากผ้าให้แห้งก่อนแล้วค่อยเก็บใส่ตู้ ที่สำคัญควรเลือกตู้เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ปริมาณเสื้อผ้าในตู้มีความพอดี ไม่หนาแน่น และตั้งอยู่ห่างจากห้องน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงความชื้นที่อาจทำให้เกิดเชื้อรา หนึ่งในสาเหตุของกลิ่นอับบนผ้า
ข้อมูลบางส่วนจาก : www.LGnewsroom.com