ใครกำลังควบคุมน้ำหนัก อาหารเหล่านี้จะช่วย ลดความหิว ของคุณลงได้ บางครั้งแม้คุณเพิ่งรับประทานอาหารมาแต่ก็ยังไม่รู้อิ่มเพราะปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ความเครียด ความวิตกกังวล ความดันโลหิตผิดปกติ จึงทำให้เกิดความรู้สึกหิวตลอดเวลา ทั้งที่ความจริงคุณอาจแค่ต้องการทานอาหารเพียงเล็กน้อย มีอาหารบางอย่างที่สามารถลดความหิวของคุณลงได้นะ! มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1.อะโวคาโด
ผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อะโวคาโดสามารถช่วยลดการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร และลดความอยากอาหารลงได้
2.เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์ หรือ แฟลกซ์ซีด จัดเป็นซุปเปอร์ฟู้ด เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหารและไขมันดี การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เป็นประจำนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก คุณสามารถรับประทานเมล็ดแฟลกซ์เมื่อคุณรู้สึกหิวเพราะจะช่วยลดความอยากอาหารของคุณลงได้
3.เนยถั่ว
รับประทานเนยถั่วสักหนึ่งช้อนเมื่อคุณรู้สึกหิวอยากกินอะไรขึ้นมา เนยถั่วเพียงหนึ่งช้อนก็จะช่วยลดความหิวของคุณลงได้ เนยถั่วอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน อร่อยแถมมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
4.ถั่วพิสตาชิโอ
เป็นแหล่งพลังงานชั้นดีและมีสารอาหารมากมายที่จะช่วยลดน้ำหนัก ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารและยังช่วยบำรุงสมอง โดยเฉพาะพิสตาชิโอสามารถช่วยลดความหิวของคุณได้ทันทีโดยทำให้กรดในกระเพาะมีความเป็นกลางมากขึ้น
5.กรีกโยเกิร์ต
มีโปรตีนสูงมากและยังมีน้ำตาลน้อยกว่าโยเกิร์ตปกติอีกด้วย กรีกโยเกิร์ตอุดมไปด้วยแบคทีเรียชนิดดีต่อลำไส้จึงช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น กรีกโยเกิร์ตยังช่วยปรับสมดุลของลำไส้และการรับประทานกรีกโยเกิร์ตยังช่วยให้คุณเอาชนะความหิวได้อีกด้วยนะ นอกจากอิ่มแล้วยังไม่ทำให้อ้วนเพราะแคลอรี่ต่ำ ไขมันต่ำ และมีน้ำตาลน้อยมาก
6.พริก
หากคุณหิวอยู่ตลอดเวลาลองเพิ่มพริกลงไปในอาหารของคุณดูสิ! จากการศึกษาวิจัยพบว่า การทานพริกสีเขียวและพริกสีแดงจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น โดยทำให้กรดในกระเพาะอาหารมีความเป็นกลางมากขึ้น อีกทั้งพริกยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกายได้ดีอีกด้วย
7.ข้าวโอ๊ต
อาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายคนชอบทานข้าวโอ๊ตในตอนเช้า ข้าวโอ๊ตอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตให้พลังงานสูงแต่มีไขมันต่ำแถมยังมีเส้นใยอาหารในปริมาณมากอีกด้วยดังนั้นการรับประทานข้าวโอ๊ตจึงทำให้รู้สึกอิ่มท้องและช่วยควบคุมความอยากอาหาร
ที่มา: https://www.onlymyhealth.com/