คัดลอก URL แล้ว
ยูกันดาพบผู้ป่วยอีโบลาเพิ่ม 15 รายในเมืองหลวง – หลายชาติยกระดับเฝ้าระวัง

ยูกันดาพบผู้ป่วยอีโบลาเพิ่ม 15 รายในเมืองหลวง – หลายชาติยกระดับเฝ้าระวัง

KEY :

สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในขณะนี้ มีรายงานการพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในประเทศยูกันดา ซึ่งพบการระบาดแล้วใน 5 เขตด้วยกันประกอบด้วย เมือง Mubende และบางส่วนในเมือง Bunyangabu, Kyegegwa, Kassanda และ Kagadi

โดยแนวโน้มยังคงพบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรายงานการพบผู้ป่วยในเมืองกัมปาลา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศยูกันดาและมีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่น

ยูกันดาพบผู้ป่วยเพิ่ม 15 ราย

สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศยูกันดามีแนวโน้มในการพบผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดทางการยูกันดายืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาเพิ่มขึ้นอีก 15 ราย ในกัมปาลา เมืองหลวงของประเทศยูกันดา ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมในยูกันดาอยู่ที่ 90 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 28 ราย โดยมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ทั้งหมด 28 ราย และมีผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ยังคงติดตามเฝ้าระวังอยู่ 1,830 ราย

ในขณะมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวน 9 ราย ในระยะเวลา 48 ชม. ที่ผ่านมา โดย 7 รายมาจากครอบครัวในเมือง Masanafu นั้นถือเป็นชุมชนแออัดที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และผู้เสียชีวิตนั้นเป็นผู้ป่วยที่พบความเชื่อมโยงมาจากเมือง Kassanda ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสองพื้นที่เขตที่พบการระบาดสูงทั้ง คาสซานดา และ มูเบนเดนั้น ยังคงอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ และการประกาศเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมการระบาดไปแล้ว

ส่วนผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งรายนั้น ดร. Jane Ruth Aceng Ocero, รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของยูกันดาระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่เปิดคลินิกส่วนตัวอยู่ในเมือง Seguku

ภาพ – ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (ECDC)

ซึ่งสถานการณ์ในยูกันดาในขณะนี้ ทางการยังคงระบุว่า สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะในกรุงกัมปาลา และยังไม่จำเป็นที่จะต้องมีการล็อกดาวน์แต่อย่างใด โดยการระบาดส่วนใหญ่พบรายงานพื้นที่ของเมือง Mubende และบางส่วนในเมือง Bunyangabu, Kyegegwa, Kassanda และ Kagadi

อย่างไรก็ตาม ทางการยูกันดาได้แจ้งขอความร่วมมือจากประชาชน โดยขอให้ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อ หรือเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย แยกกักตัวและแจ้งต่อทางการเพื่อเข้าควบคุมการระบาดของโรคโดยเร็ว และการรักษาโดยการพึ่งพายาสมุนไพร หรือหมอผีในเมือง จะทำให้มีความเสี่ยงในการระบาดและควบคุมโรคได้ยากขึ้น

สำหรับในเมืองกัมปาลาของยูกันดา ถือเป็นเมืองหลวงและมีประชากรราว 1.7 ล้านคน ซึ่งผู้ป่วยรายแรกที่มีรายงานการพบรายแรกในเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นผู้ป่วยที่เป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่การระบาดเข้ามายังเมืองหลวง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทำให้ทางการยูกันดา มีคำสั่งให้ล็อกดาวน์พื้นที่การระบาด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมควบคุมโรคประกาศยกระดับเฝ้าระวัง

ทางด้านของกรมควบคุมโรคของไทยได้มีการยกระดับเฝ้าระวังที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดย

  1. ตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกทุกราย โดยการตรวจวัดและลงบันทึกอุณหภูมิ พร้อมให้แจ้งที่อยู่ที่ชัดเจนในประเทศไทย หมายเลขโทรศัพท์ วันเดือนปีสุดท้ายที่ออกจากประเทศคองโก
  2. ผู้ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ภายใน 21 วัน ให้เขียนใบรายงานตัว และปฏิบัติตัวตามบัตรเตือนสุขภาพ (Health beware card) พร้อมสังเกตอาการตนเอง
  3. ผู้ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ภายใน 21 วัน เมื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วมีอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป พร้อมกับมีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อย เพลีย และมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้สงสัยป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ให้แจ้งหัวหน้าด่านฯ สุวรรณภูมิ เพื่อพิจารณาส่งต่อไปยังสถาบันบำราศนราดูร
  4. กองโรคติดต่อทั่วไป จะประสานเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อติดตามข้อมูลการคัดกรองผู้เดินทางจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกทุกสัปดาห์ และทำการประเมินสถานการณ์โรค
  5. ให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ถ่ายสำเนาหน้าพาสปอร์ตที่ประทับตราเข้า-ออกประเทศ ในผู้ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ภายใน 21 วัน เพื่อความชัดเจนในการติดตามข้อมูลของทีมสอบสวนโรค

“องค์การอนามัยโลก ยังไม่แนะนำให้จำกัดการเดินทางหรือการค้าระหว่างประเทศสำหรับผู้ที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรค ซึ่งได้ประเมินว่านักเดินทางระหว่างประเทศยังมีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำมาก เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มีการติดเชื้อโดยตรงจากการสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงพยาบาล จากการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ (เข็มและหลอดฉีดยา) ที่ปนเปื้อนเชื้อ รวมถึงไม่มีการป้องกันเมื่อมีการสัมผัสกับสารคัดหลั่งที่ติดเชื้อ” นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว


ที่มา :


ข่าวที่เกี่ยวข้อง