คัดลอก URL แล้ว
“ผ่าวิสัยทัศน์คนดัง สู่สนามเลือกตั้ง 66”

“ผ่าวิสัยทัศน์คนดัง สู่สนามเลือกตั้ง 66”

เปิดวิสัยทัศน์คนดังที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง แจงนโยบายเด่นที่เป็นประเด็นดราม่าในสังคม พร้อมถามหาความเป็นไปได้ ทั้งการยกเลิกเกณฑ์ทหาร แจกเงิน 10,00 บาท ลดค่าไฟ และพรบ.กัญชา”

ในรายการเจาะข่าวเด็ด The Day News Update Special ทางช่อง Mono 29 พิธีกร คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ พูดคุยกับ คนดังในสนามเลือกตั้ง ทั้ง คุณเพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล คุณ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คุณแมน ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และคุณก้อง อรรฆรัตน์ นิติพน ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มาร่วมถกปมร้อน ประเด็นนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง ทำได้จริงหรือไม่ และประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร รวมทั้งฟังวิสัยทัศน์การลงสมัครรับเลือกตั้งของคนดังที่ผันตัวมาเป็นนักการเมือง

พิธีกร : ณ ตอนนี้สนามเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น คนที่อยู่ในแวดวงศิลปิน ดาราพิธีกร ก็เข้าสู่แวดวงการเมืองกันพอสมควรในยุคนี้ วันนี้จึงชวนมาร่วมพูดคุย หลายคนคงมีประเด็นคำถามมากมายว่าดาราจะเข้ามาช่วยอะไรได้บ้าง เรามาดูวิสัยทัศน์บนเวทีแห่งนี้ เริ่มจากคุณก้อง อรรฆรัตน์ จากพรรคเพื่อไทยคุณก้องทำอายุน้อยร้อยล้านมา วันนี้ลงสนามเลือกตั้งตัดสินใจนานหรือยัง

ก้อง อรรฆรัตน์ : ตัดสินใจสักระยะครับ ตอนแรกก็คิดว่าชอบในการที่บอกว่านำเรื่องราวทำให้คนอยู่ดี กินดี สร้างงาน สร้างอาชีพ ตอนนี้นอกจากชอบแล้ว ลงพื้นที่ผมรักเลยครับ ถ้าเราสามารถใช้สิ่งที่เรามีได้ช่วยเหลือประชาชนในเขตประเวศของเราครับ

พิธีกร : ต่อมาคุณเพชร กรุณพล ครับ ลงสมัครเมื่อรอบที่แล้วเลือกตั้งซ่อมเกือบได้นะ เราเป็นยังไงตอนนี้ ใจที่เข้ามาสู่การเมืองนานแค่ไหน ยังไงแล้วตอนนี้
เพชร กรุณพล : สัก 2 ปีได้แล้วครับ ก็มาช่วยงานอยู่เบื้องหลัง

พิธีกร : เห็นบอกว่าเข้ามาสู่ก้าวไกลนานแล้ว
เพชร กรุณพล : ใช่ครับ ก็คือทำงานพื้นที่ เก็บประเด็น แล้วก็ลงเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ ตอนนั้นพรรคก็เห็นว่าน่าจะช่วยในเรื่องการแนะนำนโยบายกับเรื่องบุคลิกภาพของผู้สมัครทั่วประเทศ

พิธีกร : จริงๆ คุณเพชรเขา 2 ปีกว่า เลือกตั้งซ่อมเมื่อปีที่แล้วเอง ก่อนหน้านั้นเห็นบอกว่าแฝงตัวอยู่ในพรรคก้าวไกล แต่ไปสืบราชการลับของพรรคอื่นๆ หลายๆ พรรคด้วย

เพชร กรุณพล : ใช่ครับ ไม่ว่าจะเป็นพรรคนี้ พรรคนู้น พรรคไหน ไม่ ก็มีเพื่อนอยู่เขาก็ชวน เขาก็เห็นว่าเราก็สนใจ ออกมา Call out ทางการเมืองเยอะ เขาก็ชวนไป แต่เราก็ไม่ได้บอกเขาว่าจริงๆ เราก็เป็นผู้สมัครพรรคก้าวไกลนะ ตอนนั้นเขาก็ยังไม่ได้เปิดตัวยังไม่ได้มีผู้สมัคร

พิธีกร : ทางคุณแมน ศุภกิจ ครับ พรรคภูมิใจไทย เป็นยังไงกับพรรคนี้ครับ
แมน ศุภกิจ : ก็ถือว่าเป็นพรรคการเมืองที่ดีนะครับ นโยบายดี โดยส่วนใหญ่แล้วก็ทำได้จริง เราก็ทำมาแล้ว ทำมาแล้วค่อยมาเล่าให้ฟัง มาบอก แต่คอนเซปต์ตอนนี้คือพูดแล้วทำ เราจะทำต่อไป

พิธีกร : คุณฟิล์ม รัฐภูมิ ครับ อยู่กันมาหลายพรรคการเมืองเช่นเดียวกัน สนใจการเมืองมานานพอสมควร นานกว่าคนอื่นนะ เพราะว่าคุณฟิล์มนี่ตั้งแต่สมัครสมัยที่แล้วเลย อยู่มา 4 พรรคแล้วนะครับผม เป็นยังไงครับ ความสนใจด้านการเมือง อะไรดลใจทำให้คุณฟิล์มเข้ามาสู่สนามการเมืองตั้งนานแล้ว

ฟิล์ม รัฐภูมิ : ด้วยความที่ลงพื้นที่มาตลอดตั้งแต่เป็นนักร้อง ตั้งแต่อายุ 17 ปี ทางต้นสังกัดก็บอกว่าให้เราต้องตอบแทนประชาชน ตอบแทนผู้มีพระคุณทั้งหลายที่ทำให้ผมมีวันนี้ เราก็ลงพื้นพี่ก็ช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด มันเลยเกิดการรัก เพราะว่าผมเป็นทูตของ Habitat ด้วย สร้างบ้านให้กับผู้ยากไร้ทั่วโลก ในไทยก็สร้างมาหลายร้อยหลัง ผมก็ทำประโยชน์มาตลอด แต่ตอนหลังพอเรามาในภาคของธุรกิจเรามองว่าถ้าการเมืองมันสั่นคลอน หรือว่ามันไม่ดีมันกระทบต่อธุรกิจมากๆ เราก็เลยมองว่ามันเกี่ยวกัน ก็เลยศึกษาการเมืองมาตลอด แต่ว่าวันหนึ่งก็ได้ผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายชวนเข้าไปอยู่ตามพรรคต่างๆ ทุกพรรคดีหมด สุดท้ายมาเปลี่ยนพรรคพลังประชารัฐ เหตุผลที่มาพรรคนี้เพราะว่า เข้าไปคุยกับท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณแล้วถูกใจในสิ่งที่เขาจริงใจ แล้วสิ่งที่เขาพูดกับเราไม่มีสักคำที่บอกว่าทำเพื่อพรรค มีแต่บอกว่าทำเพื่อประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมเลยชอบ แล้วผมก็รู้สึกตรงนี้ถูกทาง แล้วพรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุนซอฟพาวเวอร์และมีนโยบาย ผมถนัดผมก็เลยชอบ

ก้อง อรรฆรัตน์ : ด้วยความเคารพครับ พรรคเพื่อไทยก็มีซอร์ฟพาวเวอร์นะครับ 1 ครอบครัว 1 ซอร์ฟพาวเวอร์ครับ มาพรรคเพื่อไทย ทุกครอบครัวดึงศักยภาพนะ

พิธีกร : ซอร์ฟพาวเวอร์ต่างกันยังไง
ฟิล์ม รัฐภูมิ : อยากจะบอกว่าทุกพรรคดีหมด แต่พรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุนให้เป็นสิ่งที่สำคัญคือเป็นวาระแห่งชาติ ยกตัวอย่างก็คือเรื่องของบันเทิงหรือง่ายๆ ก็คือเรื่องของซอร์ฟพาวเวอร์ ก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่ประเทศไทยแข็งแรงแต่ว่าไม่มีใคร หยิบยกขึ้นมา เช่น นวดไทย กับมวยไทย คนมองด้วยความชินตา คนก็เลยไม่ได้ไปสนใจ แต่จริงๆ แล้วมวยไทยเวลานักมวยวิ่งตามเขตต่างๆ คนนึกว่านักเลงวิ่งนะทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นต้องสนับสนุนยกขึ้นมา

พิธีกร : คุณแมน ศุภกิจเขาก็บอกว่า ถึงแม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่มีซอร์ฟพาวเวอร์ก็ตาม ไม่ได้เป็นนโยบายหลัก แต่ตัวเองก็จะลงไปทำเรื่องนี้
แมน ศุภกิจ : ใช่ครับ เพราะว่าหนึ่งก็คือผมเป็นคนบันเทิงอ่ะนะ อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้ง 30 กว่าปี ก็คิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็จะทำให้มันเรื่องวัฒนธรรมไทย เรื่องอาหารไทย เรื่องศิลปิน นักแสดง นักร้องไทย ผมว่ามันควรจะต้องสนับสนุนโดยภาครัฐ เพื่อจะไปสู่ตลาดโลก มันจะได้คล้ายเหมือนว่าทำไมเราถึงต้องเสพของเกาหลี เช่นเรื่องซีรีย์ หนัง ละคร ศิลปิน แล้วก็คนไทย อย่างเช่น น้องลิซ่า ก็ไปดังที่เกาหลีและดังระดับโลก โดยที่ยังไม่มีใครสนับสนุนด้วยซ้ำ

พิธีกร : แต่ว่านโยบายหลักๆ อยู่ที่พรรคเพื่อไทยนะครับ
ก้อง อรรฆรัตน์ : เพื่อไทยสนับสนุนอย่างเป็นระบบ เราสร้างไทยแลนด์ครีเอทีฟ คอนเทนต์ เอเจนซี่ นั่นหมายความว่าทุกบ้าน 22 ล้านครัวเรือน เราเลือกหนึ่งคนนะครับที่สามารถสร้างศักยภาพ

พิธีกร : ทำยังไงทำให้ทุกบ้านสามารถเป็นคอนเทนท์ ครีเอเตอร์ได้
ก้อง อรรฆรัตน์ : วางภาพใหญ่ก่อนนะครับ ใครมีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ มีศักยภาพอยู่ อาหาร ศิลปะ มวย กีฬาต่างๆ แต่ไม่ได้ถูกการบ่มเพาะอย่างเป็นระบบระเบียบ เราสร้างครีเอทีฟคอนเทนท์ขึ้นมา นั่นหมายความว่าเราทำสิ่งนี้ ทุกๆ บ้านสามารถส่งขึ้นมาได้ เพื่อสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง ทำงานในอนาคต มันทำเป็นระบบครับ ถ้าพรรคเพื่อไทยพูดภาพรวมทั้งหมดเราประกาศสงครามกับความยากจน นั่นหมายความว่าอันแรกเราต้องใส่ 10,000 บาทเข้าไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สอง Up Skill – Re Skill ของคนที่อยู่ในแรงงาน สามเราต้องมีศูนย์เรียนรู้อยู่ในทุกๆ ที่ ถ้าไม่มี เราก็ใช้อาชีวศึกษาเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อบริหารศักยภาพ

พิธีกร : พี่เพชรเห็นด้วยไหมซอร์ฟพาวเวอร์
เพชร กรุณพล : เห็นด้วยทุกคน แต่ทุกคนมองภาพของนักแสดง ศิลปิน บริษัทบันเทิง พรรคก้าวไกลเองเรามองถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง อย่างเช่น ตากล้อง ครีเอทีฟ โปรดิวเซอร์ คือทุกคนเห็นแล้วว่าเราเคยเล่นละคร เคยอยู่ในทีวี ไม่ใช่แค่ส่งเสริมอย่างเดียว ทุกวันนี้รายได้ของแต่ละคนไม่เพียงพอ ถ้ายิ่งกองถ่ายละครหรือหนัง รายได้ของคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านหรือว่าคนทำงาน เวลาถ่ายไม่ได้ถ่ายแค่ 8 ชั่วโมงเหมือนคนทำงานในออฟฟิศ แต่ใช้เวลายาวไป 12 ถึง 18 ชั่วโมง คนเหล่านี้ไม่ได้โอที เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการคือปรับลดในเรื่องการได้โอที การได้สวัสดิการ ผมทำทันที 450 บาทเมื่อเป็นรัฐบาล

พิธีกร : มาดูนโยบายกันดีกว่า นโยบายแต่ละพรรคที่เด็ดๆ เริ่มจากเรื่องของค่าไฟกันก่อน พรรคพลังประชารัฐบอกว่า ณ ตอนนี้ที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่ ค่าไฟยังอยู่ที่ 4.70 บาท หลังจากนี้พอกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง 2.50 บาท เป็นยังไงคุณฟิล์ม
ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือมันเป็นสิ่งที่เราจะลดตั้งแต่ต้นน้ำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลดราคาน้ำมันให้เบนซินเหลือ 18 บาทต่อลิตร และดีเซล ลด 7 บาทต่อลิตร ข้ามมาในส่วนของแก๊สหุงต้มก็ลดราคาลง แล้วก็เรื่องของค่าไฟตอนนี้ ก็จะไปลดค่าปุ๋ยทางการเกษตร มันเป็นสิ่งที่ทางพรรคมีนโยบายมาอยู่แล้ว

พิธีกร : คำถามคือจะลดได้ภายในกี่เดือน
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ทางอาจารย์มิ่งขวัญเขาบอกเลยว่าเขาลด 4 ข้อ ก็คือเข้าไปคุยแก้ปัญหากับผู้ผลิตรายใหญ่ในฝั่งเอกชนและผู้ผลิตเอกชนรายเล็ก และการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ลุงป้อมคุยได้ คือวันนี้มันต้องดูที่ผู้นำครับ ว่าผู้นำใครที่จะเข้าไปคุยกับตรงนี้ได้ เพราะว่ากลุ่มพลังงานจริงๆ เรารู้อยู่แล้วว่าเบื้องหลังตัวจริงคือใคร ใครอยู่เบื้องหลัง ใครอยู่เป็นกลุ่มพลังงาน ลุงป้อมก็จะไปคุยกับคนนั้น
เพชร กรุณพล : คนนั้นใช่นายทุนของพรรคพลังประชารัฐไหมครับ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่ การันตีว่าไม่ใช่

พิธีกร : ก้าวไกลคุณบอกว่าจะลดค่าไฟเหลือ 4 บาท แล้วก็ไปติดตั้งโซล่าเซลล์ใช่ไหม
เพชร กรุณพล : ตอนนี้ปัญหาของเราคือเรามีกำลังไฟสำรองค่อนข้างสูงแล้วที่สำคัญคือในไตรมาสแรกเราต้องจ่ายค่ากินเก่าของโรงไฟฟ้า 13 โรงที่มีอยู่ 7 โรงไม่ได้ผลิต 8,000 ล้านบาทนะครับ

พิธีกร : แต่คุณสู้เขาไม่ได้ เพราะเขา 2.50 บาทนะ
เพชร กรุณพล : มันน่าแปลกใจตรงที่ต่อให้ลุงป้อมมาเป็นรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลผสมอยู่ดี แล้วก่อนหน้านี้ 4 ปี ก็บอกว่าทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลผสม

พิธีกร : ทำไมลุงป้อมถึงคิดตัดสินใจจะกลับมาอีกรอบครับ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือทุกคนรู้อยู่แล้วในบริบทการเมือง ถ้าเป็นรัฐบาลผสมมันยากตรงที่ว่าถ้าเกิดว่าเราจะสั่งการไปว่าให้ตรงนะ แต่อีกคนบอกให้ไปซ้ายขวา
เพชร กรุณพล : แต่ว่าครั้งนี้พลังประชารัฐหรือรัฐบาลพรรคเดียว
ฟิล์ม รัฐภูมิ : เรามีความหวัง เอาอย่างนี้ดีกว่า เรามีความหวังว่าถ้าพี่น้องประชาชนให้พลังเรามา เราก็อยากเป็น

พิธีกร : แล้วเพื่อไทยจะให้กี่บาทครับค่าไฟ
ก้อง อรรฆรัตน์ : คิดใหญ่ทำเป็นครับ คือเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ขยายโอกาส ลดพลังงานเป็นเรื่องอยู่แล้ว สร้างรายได้มีอยู่แล้ว นั่นหมายความว่า นอกจากการเพิ่มรายได้จากชิ้นส่วนต่างๆ แล้ว สาธารณสุข 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส นั่นหมายความว่าในชีวิตคนเราถ้าเกิดเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพนี่คือการลดค่าใช้จ่ายนะ การเดินทางของคนกรุงเทพฯ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

พิธีกร : ทำได้จริงหรือครับ
ก้อง อรรฆรัตน์ : ผมถึงต้องบอกจริงๆ แล้วว่าพรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ทำเป็นและทำมาแล้ว ที่ไม่เคยทำก็อาจจะนึกไม่ออก

พิธีกร : ภูมิใจไทย
แมน ศุภกิจ : นี่ของผมนี่ยังไม่แก้เลย ผมบอกว่ารถไฟฟ้าไม่เกิน 40 บาทตลอดสาย
เพชร กรุณพล : นี่เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเป็น 10 ปีนะ พรรคเขาจะทำรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดสาย เป็นมา 10 ปีแล้วยังทำไม่ได้เลยนะ ครั้งหน้าเขาจะทำให้ได้นะ ลองคิดดู
แมน ศุภกิจ : มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมันมีเป็นรัฐวิสาหกิจ มีเอกชนมาร่วมลงทุนรถไฟฟ้า แล้วก็มี กทม.ด้วย
เพชร กรุณพล : ตอนนี้คือสายสีเขียวก็ยังเป็นหนี้อยู่ตั้ง 30,000 กว่าล้านบาท

พิธีกร : แสดงว่าพรรคก้าวไกลเห็นทางออกแบบนี้ไม่เห็นเหมือนกัน
เพชร กรุณพล : ใช่ครับ ไม่เห็นครับ

พิธีกร : ภูมิใจไทยเห็นไหมครับ
แมน ศุภกิจ : เราก็เลยบอกว่าไม่เกิน 40 บาทไงครับ เพราะมันยังทำได้ ตลอดสายทำได้ แต่ 20 บาทตลอดสายผมว่ามันยาก
ก้อง อรรฆรัตน์ : ด้วยความเคารพครับ ครั้งที่แล้วที่บอกว่าเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทเป็นไปได้ไหม 30 บาทรักษาทุกโรคที่ผ่านมาบอกว่าเป็นไปได้ไหม ก็เป็นไปได้ ถามว่าทำง่ายนิดเดียวครับ 14 พฤษภาคมเข้าคูหากาพรรคเพื่อไทยครับ
เพชร กรุณพล : ต้องยอมรับนะว่าที่ผ่านมาเพื่อไทยเค้าทำทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค ทำทั้งนโยบายต่างๆ แต่เรายังไม่เห็นอะไรที่เพิ่มเติมมากกว่า 30 บาทรักษาทุกโรค แต่สิ่งที่เราเห็นของภูมิใจไทยคือกัญชาเสรีเราเห็นชัดเจนครับ
แมน ศุภกิจ : แต่ 30 บาทเราจะทำต่อคือรักษาได้ทุกโรงพยาบาล ไปที่ไหนก็ได้เพราะไม่อย่างนั้นประชาชนเดือดร้อนคือเจ็บป่วยต้องไปแค่โรงพยาบาลรัฐบาล ซึ่งใกล้บ้านหรือไม่ทันเวลา
ก้อง อรรฆรัตน์ : 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส ใช้บัตรประชาชนใบเดียว

พิธีกร : ค่าไฟแล้ว ค่าโดยสารรถไฟฟ้ามีนโยบายไหมพลังประชารัฐ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : มีครับ แต่ว่ารอประกาศหลังจากราคาปุ๋ย ซึ่งคุณมิ่งขวัญจะเป็นแนวการตลาด จะประกาศทีละลอต ตอนนี้เฟส 4 ก็คือราคาปุ๋ยการเกษตรแล้ว ซึ่งจะประกาศก่อนการเลือกตั้งการเลือกตั้ง
เพชร กรุณพล : แต่สิ่งหนึ่งคือเราต้องรู้ก่อนว่าทำไมไฟฟ้าเราถึงแพง หนึ่งคือเรามีโรงไฟฟ้าเอกชนที่ไม่ได้ผลิตไฟ แต่ต้องจ่ายค่าในการเตรียมพร้อมผลิตไฟ สองคือ LNG ที่เอาเข้ามานั้น จะมาให้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วก็เป็นค่าก๊าซหุงต้มของประชาชน เรากลับเอาไปให้บริษัทปิโตรเคมี โดยที่ให้ภาคประชาชนและโรงไฟฟ้าไปซื้อเข้ามาโดยการที่จะขุดได้จากอ่าวไทยให้ประชาชนใช้ แต่กลับมาให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ มันเลยทำให้ค่าความต่างของราคาการนำเข้าประมาณ 7 บาท แต่ขุด 2 บาท ประชาชนใช้ 7 บาท โรงงานอุตสาหกรรม ใช้ 2 บาท ควรจะปรับปรุงโครงสร้างนี้
ฟิล์ม รัฐภูมิ : มีหลายอย่างที่บอกไงครับ มีซื้อไฟจากต่างประเทศด้วย
เพชร กรุณพล : ซื้อไฟจากต่างประเทศทั้งๆ ที่เรามีกำลังในการผลิตเกินถึง 60% และหลายครั้งที่เราบอกว่า
แมน ศุภกิจ : ซื้อมาทำไมครับ
เพชร กรุณพล : นั่นไงครับต้องถามรัฐบาลที่เพิ่งซื้อ และที่สำคัญคือเราบอกว่าจะใช้ไฟฟ้าสะอาด แต่ไม่ให้ประชาชนเอาโซล่ารูฟท็อปขึ้น เขาบอกว่ามันจะไม่เสถียรแต่รัฐบาลเพิ่งจะเซ็นสัญญาให้ใช้โซล่ารูฟท็อปของบริษัทเอกชน 5000 เมกะวัตต์

พิธีกร : สรุปว่าจะให้ประชาชนเข้ามาทำโซล่ารูฟท็อปเอง
เพชร กรุณพล : ถูกต้องครับ
ฟิล์ม รัฐภูมิ : ขอพูดนิดหนึ่ง เพราะว่าพอบอกว่ารัฐบาล ประชาชนจะเข้าใจผิดทุกครั้งเลย คิดว่าเป็นลุงป้อม คือลุงตู่กับลุงป้อมคนละพรรคกันนะครับ

พิธีกร : อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องกัญชา ณ ตอนนี้เห็นเสียงมันเปลี่ยนไปพอสมควรสำหรับพรรคภูมิใจไทย กัญชาเสรีเหมือนกับไม่ใช่แนวนี้แล้ว แต่ว่าจะมาสนับสนุนด้านการแพทย์
แมน ศุภกิจ : จริงๆ แล้วมันเป็นนโยบายเมื่อคราวที่แล้วเรื่องกัญชาเพื่อจะนำมารักษาโรค มาแปรรูปจะมาใช้กับการแพทย์ สาธารณสุข เอา CBD ไปส่งออกแล้วไปใช้เป็นยา กันชงมี CBD เยอะกว่ากัญชา ซึ่งจริงๆแล้วกันชงเนี่ยเป็นหลัก กัญชาเป็นรอง แต่สารที่มันเมามันคือสาร THC อันนั้นคือถ้าเสพหรือสูบมันจะเมา เราไม่ได้สนับสนุนให้คนมาเสพมาสูบ

พิธีกร : แต่ตอนนี้ทั่วบ้านทั่วเมืองเลยนะ

แมน ศุภกิจ : ก็มีคนไปขยี้มันไงครับแล้วก็ตัวกฎหมายควบคุมกัญชาเสรี มันมี 2 พรรคการเมืองที่ยังไม่ได้เซ็นคือพรรคสีแดงกับพรรคสีฟ้าที่ยังไม่ยอมเซ็นเพื่อให้ ครม.มันผ่าน ให้กฎหมายมันผ่าน มันก็เลยเป็นสุญญากาศทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเสรีนั้นทำอะไรก็ได้ จริงๆ มันไม่ใช่ครับ
เพชร กรุณพล : แต่จริงๆ เราออกพระราชกำหนดก็ได้นะครับ
แมน ศุภกิจ : ก็ต้องมีคนเซ็นครบครับ
เพชร กรุณพล : ไม่ๆ ออกในนามของคณะรัฐมนตรีเลย
แมน ศุภกิจ : ก็นั่นแหละมันออกไม่ได้
เพชร กรุณพล : แต่พรรคสีแดงเขาไม่ได้เป็นรัฐบาลไง
แมน ศุภกิจ : ก็นั่นแหละมันต้องมีลายเซ็นครบทั้งหมด

พิธีกร : แล้วเรื่องนี้เดินหน้าอย่างไรต่อเสรีไหม
แมน ศุภกิจ : ไม่ครับ ไม่ได้สนับสนุนให้มันเสรีอยู่แล้ว มันเพื่อการแพทย์
ก้อง อรรฆรัตน์ : ในฐานะที่ลงพื้นที่นะครับ พรรคเพื่อไทยขอประกาศสงครามกับยาเสพติดครับ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมในฐานะที่เป็นคุณพ่อคนหนึ่ง มีเยาวชนหลายคนการเข้าถึงยาเสพติดเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยครับ

พิธีกร : กัญชาถือว่าเป็นยาเสพติดไหมสำหรับพรรคเพื่อไทย

ก้อง อรรฆรัตน์ : ถ้านอกจากใช้ทางการแพทย์ ถ้าใช้เพื่อสันทนาการเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงครับ

แมน ศุภกิจ : ก๋วยเตี๋ยวเรือ

เพชร กรุณพล : ใส่ก๋วยเตี๋ยวเรือก็ไม่ได้ครับจริงๆ แล้ว เพราะว่ามันไม่ใช่เพื่อการแพทย์ ไม่ใช่การรักษาโรค มันไม่ควรใส่

แมน ศุภกิจ : เราจะเอา CBD ไปส่งออกเพื่อให้เขาไปใส่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

เพชร กรุณพล : แต่ปัญหามันคือการบังคับใช้ไงครับพี่ ทุกวันนี้ส่งเสริมให้ปลูกทุกบ้าน และสามารถเอามาเก็บใช้ เพื่อบอกว่ารักษาโรค แต่เรามีการบังคับใช้ยังไงว่าไอ้ที่ปลูกที่บ้านใช้รักษาโรค

แมน ศุภกิจ : มันใช้ไม่ได้ มันต้องมีกฎหมายออกมาควบคุม

พิธีกร : พลังประชารัฐก็อยู่ในรัฐบาลนี้เหมือนกันที่สนับสนุนร่วมกับภูมิใจไทยด้วย มีแนวทางกับกัญชายังไงครับ

ฟิล์ม รัฐภูมิ : เราสนับสนุนกันเชิงการแพทย์แต่ว่าไม่ได้ไปสนับสนุนเรื่องเสรีแบบนี้และพลังประชารัฐก็ค้านเสมอว่า ไหนมาพูดเหมือนขายฝันว่าปลูกแล้วรวย ยังไม่เห็นใครรวยสักบ้านเลย คือเหมือนมันรวยแค่กลุ่มที่มีใบอนุญาตที่เป็นนายทุน อันนี้เราเห็นต่างแต่เราไม่ได้ทะเลาะกันนะ เราเห็นต่างว่าการแพทย์สนับสนุน แต่เสรีไม่ เราไม่สนับสนุน

เพชร กรุณพล : อันนี้ก็ผลักดันกลับเข้าไปสู่ยาเสพติดแน่นอน แต่ว่าในเมื่อตอนนี้เราไม่สามารถคุมได้ ว่ามีการปลูกค่อนข้างมากเพราะฉะนั้นในส่วนที่จะใช้เพื่อสันทนาการจำเป็นต้องออกใบอนุญาตให้ชัดเจนและก็มีพื้นที่ชัดเจนเหมือนประเทศเนเธอร์แลนด์ที่คนที่จะเข้าใช้จำเป็นต้องมีบัตรประชาชนและจะต้องมีจำนวนขั้นต่อวันที่สามารถใช้ได้ และที่มาของกัญชาควรจะต้องควบคุมว่ามาจากแหล่งไหนไม่ใช่ปลูกกันหลังบ้านเอง

ก้อง อรรฆรัตน์ : สำคัญที่สุดคือเราต้องเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย นั่นหมายความว่ามุมมองอีกอย่างหนึ่งตอนนี้ทุกคนสามารถเข้าถึงยาเสพติด ณ เวลานี้มันง่ายมาก เพราะนั่นคือเปลี่ยนคำว่าผู้เสพเป็นผู้ป่วยคืนคนเข้าสู่ครอบครัว

เพชร กรุณพล : แต่จะบอกว่าจริงๆแล้วกัญชายังไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนนะปัญหาเร่งด่วนยาบ้าทุกวันนี้เม็ดละ 10 บาท 15 บาท 20 บาท ซึ่งการที่เราจะบอกว่า หัวหน้าพรรคคุณบอกว่าแค่หนึ่งเม็ดก็กลายเป็นผู้ค้า เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าไม่เห็นด้วยเลยครับ เนื่องจากว่ามันสามารถที่จะมีการยัดยา รีดเงินกันได้จากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่ว่ากี่เม็ดถึงจะเป็นผู้ขาย แต่วิธีการจัดการ มันไม่ใช่ว่าจับคนที่มียาบ้า 1 หรือ 2 เม็ดเข้าคุก เพราะไม่อย่างนั้นสุดท้ายเราต้องไปหาก่อนว่าสาเหตุอะไรคนถึงมาหายาเสพติด มันคือปัญหาเศรษฐกิจที่คนไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีอนาคต ไม่มีความฝัน

พิธีกร : เพื่อไทยจะเอายังไงกับยาบ้า

ก้อง อรรฆรัตน์ : ผมว่าปราบอย่างเด็ดขาดครับ

เพชร กรุณพล : แต่การปราบอย่างเด็ดขาดมันก็จะมีกลุ่มคนที่คิดว่ามันมีการฆ่าตัดตอน มันมีคนที่ถูกฆ่าโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาบ้า ตายเสร็จแล้วมียาบ้าอยู่ข้างตัวทั้งทั้งที่ไม่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด ก้าวไกลเราเชื่อว่าการปฏิรูปตำรวจและปฏิรูปกองทัพจะสามารถสกัดยาบ้าที่เข้ามาตามตะเข็บชายแดนได้ เพราะว่าทุกวันนี้การเข้ามามันเข้ามาจากบริเวณรอบนอก ถ้าเรา จัดการให้การซื้อขายตำแหน่งหายไป ตำรวจ ทหาร ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาเงินนอกระบบมาในการวิ่งซื้อขายตำแหน่ง ยาเสพติดจากส่วนนี้ที่จะเข้ามาผ่านข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร มันก็จะน้อยลง แล้วก็บังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนที่เป็นแหล่งต้นต่อของยาเสพติด มันจะทำให้ยาที่เข้ามาสู่เมืองมันน้อยลง

ฟิล์ม รัฐภูมิ : เสริมจากพี่เพชรแล้วกันครับ จริงๆ แล้วเนี่ยคือถึงไปแก้จากตำรวจหรือวงจรต่างๆ มันก็ไม่หมดไปหรอกครับ เพราะจริงๆ แล้วพ่อค้ายาเขาก็อยากรวย ไม่ใช่ตำรวจอยากรวย มันก็ต้องแก้ทั้งระบบในการจับกุมทั้งหมด เพิ่มโทษครับ ให้บทลงโทษมันแรงขึ้น คนก็จะไม่กล้าค้าและเสพ

เพชร กรุณพล : การเพิ่มโทษ พอคนออกมาจากคุก หนึ่งคือพอติดคุกไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีโอกาส มันก็จะทำให้เขาวนกลับไปเข้าคุกด้วยการขายยาอีก วิธีการสำหรับก้าวไกลก็คือก่อนที่จะออกจากคุก ไม่ใช่ให้เขามาใช้ชีวิตด้วยการขุดลอกคูคลองหรือลอกท่อ แต่เราจำเป็นที่จะต้องให้เขาได้ออกมาและทำงานโดยได้เงินเดือนขั้นต่ำต่อวัน คือการที่เขาออกมาเขาต้องได้เงินและต้องเป็นเงินที่เพียงพอกับการที่จะเป็นเงินเก็บ

พิธีกร : ผมหยิบนโยบายเด่นของแต่ละพรรคเอามาให้ถกกัน เช่นยกเลิกการเกณฑ์ทหารก็ต้องพรรคก้าวไกล

เพชร กรุณพล : ใช่ครับ ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่พรรคก้าวไกล แต่เพื่อไทยเองก็มีนโยบายนี้มานานแล้วกับการยกเลิกเกณฑ์ทหาร แต่ของเราที่เราไม่เห็นด้วยควรจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารให้เหลือแต่การสมัครใจเท่านั้นเพราะว่าทหารเกณฑ์ตอนนี้เรามีทหารประจำการอยู่ 350,000 คน ในขณะที่กัมพูชามีอยู่ 120,000 คน ลาวมีอยู่ 60,000 คน พม่ามีอยู่ประมาณ 300,000 คนแต่มีสงครามภายใน และเรามีรัฐกันชนตามแนวชายแดน เพราะฉะนั้นการที่จะใช้กำลังทหารมากถึง 350,000 คนมันมากเกินไป แล้วเราก็เห็นว่าเราขอลดลงเหลือ 300,000 คน ลดลงแค่ 50,000 คนเอง แล้ว 300,000 คนนั้นเพียงพอกับการใช้งาน เพราะว่าประเทศไทยเรามีพื้นที่ใหญ่กว่าประเทศอื่น ลดจำนวนลงแล้วเอาเงินเดือนของทหารเกณฑ์เดือนละ 9,900 บาทมาใส่ในสวัสดิการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ สวัสดิการเด็กแรกเกิด จนถึงเด็กในวัยเรียน ผู้ป่วย แล้วก็ผู้พิการ

พิธีกร : ผมมาถามพลังประชารัฐลุงป้อมว่ายังไงเรื่องนี้

ฟิล์ม รัฐภูมิ : จริงๆ แล้ว มันแบ่งเป็นสองส่วนเลยว่าจะเอาความถูกใจหรือเอาความถูกต้อง ถ้าความถูกใจสำหรับผมเป็นวัยรุ่นผมก็คงไม่อยากเกณฑ์ทหาร แต่จริงๆ แล้วมันก็มีวิธีหลากหลายโดยการเรียน รด.ก็ได้ ก็ไม่ต้องเข้าไปในการเกณฑ์ทหาร ส่วนความถูกต้องผมมองว่าก็อาจจะเห็นต่าง เพราะว่าทางพรรคไม่มีนโยบายเลยว่าจะมายกเลิก เพราะว่าจริงๆ แล้วทางพรรคก็มองในมุมของผู้ใหญ่ว่ามันยังมีความจำเป็นทางด้านความมั่นคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชายแดน ตะเข็บชายแดน หรือความมั่นคงในเรื่องของสถาบันต่างๆ ที่มันจะมีการแทรกแซงเข้ามาตลอด เพราะว่าไทยเราก็ไปทำพันธมิตรกับหลากหลายประเทศ เพราะบางทีมันก็อาจจะทำให้ประเทศต่างๆ เกิดการไม่พอใจ และอาจจะเข้ามารุกล้ำเขตแดนของเราได้

แมน ศุภกิจ : คือผมเองก็เรียน รด.นะ 3 ปี เพราะว่าเราก็ไม่อยากเกณฑ์ทหาร เพราะว่ารู้ว่ามันก็จะลำบากมากในเวลา 2 ปีนั้น แล้วก็ห่างพ่อ ห่างแม่ ห่างครอบครัวก็เลยเรียน รด.ครบ 3 ปี ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่บางคนผมก็ยังมีคำถามว่าโรงเรียนเค้าอาจจะไม่มีเรียน รด.หรือไม่ ก็เลยคิดว่าถ้าสมัครใจมันก็ดี เพราะถือว่าเต็มใจอยากรักษาชาติ วันนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่อาจจะปรับนิดนึงในเรื่องของตัวเลขที่มันมากไปหรือน้อยไปหรือไม่ ให้มันบาลานซ์ เพราะอย่าลืมว่าหากสมมุติว่าวันนึงมีสงครามขึ้นมาจริงๆแล้วเราจะทำยังไง

เพชร กรุณพล : ปัญหาคือที่คนเรียน รด. เพราะไม่อยากเป็นทหารแต่ทำไมเราถึงบังคับให้คนอื่นที่อาจจะตกหล่นทางการศึกษา อาจจะไม่มีเงินที่จะเรียน รด. กลับกลายเป็นว่าเขาเหล่านั้นต้องถูกบังคับไป แต่เราปล่อยวางเพราะมีเงินเรียน รด. มีเงินที่จะซื้อชุด รด. เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งการที่บอกว่ากองทัพมันจะเล็กลง นั่นคือกองทัพต้องปรับตัวสิครับ ว่าทำไมร้านๆ หนึ่งไม่มีคนมากิน คุณจะโทษว่าคนไม่มาต้องบังคับกันมากิน แต่ทำไมไม่คิดจะปรับตัวว่าทำยังไง สวัสดิการน้อยไปไหม ฝึกไม่เหมาะสมกับสภาพการรบในปัจจุบันหรือเปล่า ยุทโธปกรณ์ไม่พร้อมหรือเปล่า คือถ้ากองทัพเริ่มปรับตัวคนจะหันมา เหมือนทุกวันนี้การสอบนายสิบ นายร้อยคนสมัครจนล้น จนต้องคัดออก แต่ทำไมพอมาเป็นทหารชั้นผู้น้อยคนไม่เอาเพราะรายได้น้อย

ก้อง อรรฆรัตน์ : เห็นเหมือนกัน สมัครใจครับ

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือฝั่งทหารเขาก็มีการปรับตัวตลอดนะครับ ในปัจจุบันนี้ก็พยายามเอาหนังที่เกี่ยวกับทหารมาสร้างแรงจูงใจให้เด็กเกิดความรักชาติ เรื่องที่สังคมว่ากันในกลุ่มวัยรุ่นคือเขาจะว่าทำไมเอาทหารที่อยู่ตามต่างจังหวัดที่เป็นคนจนไปรับใช้ แต่ทหารคนรวยก็อย่างที่บอกว่าเรียน รด.ได้ แต่จริงๆ แล้ว รด. ก็แบ่งไปอีกว่าเรียนเพราะอยากได้ยศ ตำแหน่ง อยากได้ความเป็นระเบียบ แต่ว่าอีกฝั่งที่เป็นฝั่งคนจนก็บอกว่าเอามาแต่ชื่อแล้วรับเงินเดือน ที่สังคมพูดกันในกลุ่มวัยรุ่นนั้นคืออยากจะบอกว่ามันเป็นแค่ส่วนน้อยมากๆ

พิธีกร : อีกหนึ่งนโยบายคือ 10,000 บาท เงินดิจิทัล

ก้อง อรรฆรัตน์ : ภาพใหญ่ก่อนเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการอยู่ดีกินดีปากท้องของประชาชนเราอยากจะขับเคลื่อนประเทศเข้าสู่สังคมบ็อกซ์เชน นั่นหมายความว่าอนาคต เทคโนโลยีมันมาอยู่แล้วบ็อกเชนข้อดีก็คือเป็นสมาร์ทคอนแทค เพื่อสามารถที่จะทดสอบวัดผลทุกอย่างได้ด้วยเทคโนโลยีทางดิจิทัล เรื่องที่สองมันเป็นงบในการที่จะอัดฉีดแบบเร่งด่วนคนป่วยต้องการโรสซี่แลนด์ ถ้ามองในระดับโลกอเมริกาใช้ประมาณ 25% ของค่าใช้จ่ายสิงคโปร์ใช้ 18% ของค่าใช้จ่าย ไทยให้ 10,000 ใช้ประมาณ 11% จะให้หลังจากที่เราเป็นรัฐบาลแล้วก็จะใช้เวลาเตรียมการสักระยะ นี่คือเรื่องเร่งด่วนจำเป็นจะต้องใช้ภายในระยะเวลา 6 เดือน อันนี้มันจะสามารถทำให้เศรษฐกิจติดเครื่องกลับมาก่อน

แมน ศุภกิจ : ให้ทุกคนเลยเหรอ

ก้อง อรรฆรัตน์ : 16 ปีขึ้นไปครับ

พิธีกร : แล้วมันจะมีเงินพอใช่ไหม ได้คุยกับที่พรรคหรือยัง
ก้อง อรรฆรัตน์ : 540,000 ล้านบาทครับ อันที่หนึ่งเป็นงบที่ต้องใช้อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่นโยบายเดียวนะครับ เป็นนโยบายแรก อันที่สองเราต้องสร้างงานไง 20 ล้านตำแหน่ง รับรองว่าทำได้ จากประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทยพรรคการเมืองที่คิดใหญ่ทำเป็นครับ

พิธีกร : ลงพื้นที่เป็นยังไง

ก้อง อรรฆรัตน์ : สิ่งหนึ่งที่ได้เจอประชาชนพ่อแม่พี่น้องในเขตประเวศ ทุกๆคนรอคอยกันมาของพรรคเพื่อไทย ทุกคนรู้สึกว่าอยากให้พรรคเพื่อไทยมาทำให้ปากท้องของพ่อแม่พี่น้องดีขึ้น ขอบคุณมากๆ เลยรู้สึกว่าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย
เพชร กรุณพล : ผมอาจจะลงเยอะกว่าคนอื่นเพราะลงทั่วประเทศ ไปทุกจังหวัด ทุกภาค สิ่งที่ได้ยินมาก็คืออยากให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะคนเบื่อกับการเมืองเดิมๆ เบื่อกับความไม่ชัดเจน เบื่อกับความไม่ตรงไปตรงมา แล้วก็อยากได้คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาพัฒนาประเทศ เขาก็บอกว่าขอบคุณมาก สิ่งหนึ่งที่ผมเจอคือจับมือขอบคุณมาก ฝากอนาคตลูกๆ หลานๆ ไว้กับคุณด้วย เจอน้องๆ เดินเข้ามาจับมือ บอกว่าอนาคตหนูอยู่ในมือพวกพี่นะ ต่างจากที่เราเป็นนักแสดงมาก บางครั้งเดินไปมีคนที่เป็นไรเดอวิ่งมาแล้วก็ถือขวดน้ำมาให้ บอกว่าพี่ผมมีเงินซื้อให้พี่เท่านี้นะ แต่ผมขอบคุณพี่มากที่ออกมาขับเคลื่อนเพื่อพวกผม

แมน ศุภกิจ : ส่วนตัวผม ผมรู้สึกมันเป็นโอกาสดีที่เราอยู่ในทีวีหรืออยู่ในจอเป็นคนบันเทิงและได้รับโอกาสนี้เป็นผู้สมัคร พอเราไปถึงบ้านเขา หรือไปที่ชุมชน หรือไปเจอผู้ป่วยติดเตียง หรือเจอเด็กวัยรุ่นก็แล้วแต่ มันมีความปีตินะที่เขาให้กำลังใจกลับมา สิ่งที่ผมให้เขาคือกำลังใจก่อน แล้วก็นโยบายที่ผมไปบอกว่าอันนี้มันดีนะคุณจะเลือกผมก็ได้หรือไม่เลือกผมก็ได้ ชอบพรรคก็เลือกพรรค ชอบบุคคลไหนก็เลือก

ฟิล์ม รัฐภูมิ : คือถ้าถามผู้ใหญ่คือกินขาดเพราะผู้ใหญ่ก็รักลุงป้อมอยู่แล้ว แล้วก็ด้วยตัวผมเองด้วย เพราะว่าครั้งนี้เป็นบัตรสองใบครับ ถ้าพรรคก็ 37 คนก็เบอร์ 1 แต่ว่าสิ่งที่ผมลงพื้นที่ไปผมเอานโยบายที่เป็นระดับจุลภาค เพราะว่าผมไม่ใช่ใช้แค่นโยบายของพรรค และผมก็ยังมีนโยบายในส่วนตัวของผมที่จะเอาไปพัฒนาท้องที่และท้องถิ่นของผมอีก ก็คือในเขตสวนหลวงผมก็จะปรับปรุงต่างๆ ไม่ใช่แค่ซอร์ฟพาวเวอร์ มีเรื่องของสุขภาพ เรื่องปากท้อง คือผมตั้งไว้เลยว่าสร้างรายได้ ลดรายจ่าย แล้วก็ต้องทันสมัยขึ้น เพราะว่าสวนหลวงจะต้องทันสมัยขึ้น จับต้องได้แล้วก็ไม่ขายฝัน


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง