“คนสนิท หม่ำ-จ๊กมก เล่านาทีหลอกล่อโจรเอาชีวิตรอด ขณะแพทย์แนะตั้งสติ เจรจาต่อรอง ชี้แม้แต่งตัวล่อแหลมก็ไม่ใช่ความผิดเหยื่อ ด้านหม่ำ ย้ำหากคนร้ายกลับใจจริงพร้อมรับเข้าทำงาน”
…
ในรายการเจาะข่าวเด็ด The Day News Update Special ทางช่อง Mono 29 พิธีกร คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ ได้พูดคุยกับ คุณลักษณ์ ช่างเสริมสวยและลูกน้องคนสนิทของคุณเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก ศิลปินตลกชื่อดัง หลังตกเป็นเหยื่อถูกจี้ชิงทรัพย์ และทำอนาจาร พร้อมเผยนาทีคิดแผนหลอกล่อโจรเพื่อเอาชีวิตรอด โดยในรายการยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับนพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต ที่มาแนะแนวทางการเอาตัวรอด หากเกิดเหตุไม่คาดคิด รวมทั้งพูดคุยกับคุณหม่ำ จ๊กมก ถึงความรู้สึกหลังทราบเหตุที่เกิดกับคนสนิท
พิธีกร : เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อไหร่
คุณลักษณ์ : วันที่ 16 ที่ผ่านมา เปิดร้านเสริมสวยตามปกติพื้นที่นนทบุรี มีคนสัญจรไปมาเยอะ ติดถนนใหญ่
พิธีกร : เคยได้ยินข่าวคราวของคนร้ายในพื้นที่นี้มั้ย
คุณลักษณ์ : ตอนอยู่ใหม่ๆเคยมีขโมย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มี เมื่อก่อนเปิดร้านดึกกว่านี้ แต่พอขยับร้านใหม่ก็ปิดเร็วขึ้นไม่เกิน 19.00 น. มีลูกค้ามาเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ เหตุเกิด 1 ทุ่ม เค้ามาดูลาดเลา มาตัดผมร้านผู้ชายตอนบ่าย 2 เป็นร้านที่อยู่ติดกัน แล้วเขามาเปิดประตูถามตอน 6 โมง แต่ผิดปกติเพราะเค้ามาจอดอยู่ร้านซักรีดใกล้ๆกันประมาณ 5 โมงเย็น วนอยู่แถวนั้น เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ตัดผมแล้วก็ไม่ไปไหนวนเวียนตั้งบ่าย2-3 ซึ่งไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นเพื่อนกับร้านตัดผมชายที่เพิ่งมาเปิดไม่ถึงเดือน ผิดสังเกตแต่ตอนนั้นลูกสาวอยู่ด้วย
พอซักพักลูกสาวไปสอนหนังสือ เราก็นั่งอยู่คนเดียวในร้าน ประมาณ 5 โมงเย็น เค้าก็ขยับรถมาร้านซักรีด เราไปนอนเล่นอยู่ตรงโซฟา พอเหลือบตาไปก็เห็นเค้ามองมาจึงขยับไปนั่งที่โต๊ะตัดผมเพราะรู้สึกกลัว จากนั้นประมาณ 6 โมงเค้าขับมอเตอร์ไซค์มาแล้วเปิดประตูร้านมาถามว่า พี่ครับจะปิดร้านหรือยัง ก็บอกว่าซักพักจะปิดแล้ว เค้าก็บอกว่า แฟนเพิ่งเลิกงานจะไปรับแฟนมาสระไดร์ ราคาเท่าไหร่ ก็บอกราคาไป เค้าก็บอกให้รอ
พิธีกร : เวลามีลูกค้ามาถามแบบนี้รู้สึกผิดสังเกตอะไรบ้างมั้ย
คุณลักษณ์ : คิดว่าลูกค้าทั่วไป ที่มาถามเวลาปิด กับถามราคา เค้าก็บอกให้รอก่อนเพราะแฟนเพิ่งเลิกงาน เราก็บอกว่าเร็วๆหน่อยนะ เพราะจะปิดร้านแล้ว
พิธีกร : เรารู้สึกว่าเค้าแปลกๆตั้งแต่มาองเค้ามาในร้านตอนบ่าย กับพฤติกรรมที่เค้าเปิดมาถามทำให้หายสงสัยอะไรมั้ย
คุณลักษณ์ : ก็คิดว่า สงสัยเค้ามารอแฟนก็เลยไม่เอะใจอะไร พอซักพักเค้ากลับมาอีกรอบ ซึ่งเค้าบอกว่าจะไปรับแฟน พอครั้งนี้เค้าไม่ได้เปิดประตูเข้ามา ก็เลยเปิดประตูไปถามเพราะจะปิดร้านแล้วและเห็นว่าร้านซักรีดก็ยังไม่ปิด พอถามเค้าก็บอกว่าแฟนกำลังมา
พิธีกร : ระยะเวลาหลังเค้าเข้าร้านมากับที่เปิดไปถามห่างกันแค่ไหน
คุณลักษณ์ : ประมาณ 10 กว่านาที เค้าก็บอกว่าอย่าเพิ่งปิดร้าน จะพาแฟนไปงานวันเกิด แฟนกำลังมา กำลังขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ เราก็ปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในร้าน ไม่ได้เอะใจ พอซักพักก็คิดว่าจะออกไปบอกว่าปิดร้านแล้ว แต่ตอนนั้นเค้าก็เปิดประตูเข้ามาเลย เค้าบอกว่าร้อนขอหลบร้อนหน่อย แล้วเค้าก็หยิบโทรศัพท์มาคล้ายโทรไปเร่งแฟน แต่เราก็ถามว่าทำไมไม่ไปรับ เค้าก็อ้างหลายเหตุผล เค้าน่าจะเริ่มรู้แล้วว่าเราเริ่มเอะใจ เค้าลุกขึ้นยืน
พิธีกร : ระหว่างที่เค้าบอกว่ารอแฟน เค้ามีท่าทีมองเค้ามาในร้านตลอดเวลามั้ย
คุณลักษณ์ : เหมือนเค้าหันหลัง กดโทรศัพท์ ตอนอยู่หน้าร้าน พอเข้ามาในร้าน เข้ารูดซิปกระเป๋าหยิบเงินออกมา ทำทีจะจ่ายเงินก่อน เราก็ไม่ได้รับเพราะขอดูสภาพผมก่อน เค้าเห็นว่าเราเริ่มเอะใจก็ลุกขึ้นยืนบังขวางหน้าร้าน เผอิญร้านซ่อมรถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามปิดเร็ว เหมือนเค้ามองว่าไม่มีคนแล้ว ตอนนั้น
พิธีกร : แล้วเค้าทำอะไรเราตอนนั้น
คุณลักษณ์ : เค้าก็หยิบเงินทำทีว่าจะจ่ายเงินก่อน ตอนนั้นเห็นแล้วว่าเค้าพยายามจะเดินมาให้ เราก็รู้สึกไม่ดีแล้ว เค้าก็ชักมีดออกมาข่มขู่ทำร้าย เราก็ตั้งสติถามว่าปล้นพี่เหรอ ตอนนั้นในความรู้สึกคือจากที่เคยดูข่าว หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วเราต่อสู้ เราตายแน่
พิธีกร : เพราะเค้ามีอาวุธเนอะ
คุณลักษณ์ : ใช่ค่ะ มีมีดยาวประมาณฝ่ามือ แหลมๆ เป็นมีดสแตนเลส หลังจากนั้นเค้าก็ล็อกคอ ตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย มือขวาเค้าถือมีดจ่อไว้ที่เอวเรา มือซ้ายเค้าล็อกคอลากเราเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นนึกถึงลูกว่าหากลูกอยู่แล้วเค้าทำลูกเรา เราอายุป่านนี้แล้ว ผ่านอะไรมาเยอะ เราคิดว่าลูกเรายังเด็ก ถ้าเป็นลูกโดนแบบนี้เค้าจะสู้ยังไง แล้วก็คิดว่าถ้ามันแทงเรา ลูกเราจะอยู่ยังไง ตอนนั้นคิดถึงลูกอย่างเดียว
พิธีกร : เค้าลากเราไปห้องน้ำแล้วยังไง
คุณลักษณ์ : มันมืด เค้าก็ถามว่าไฟเปิดตรงไหน เราก็บอกไปอยู่ข้างนอก ก็พูดกับเค้าดีๆ ตอนนั้นคิดว่าต้องโดนข่มขืนแน่
พิธีกร : ทำไมถึงคิดว่าต้องโดนข่มขืน
คุณลักษณ์ : เพราะเค้าจ้องเราตั้งแต่กลางวันแล้ว และสายตาที่เค้าจ้องหน้าอกตอนที่เอามีดจ่อ ก็ยอมรับว่าเราเป็นคนแต่งตัวล่อแหลม วันนั้นใส่เสื้อกล้าม พอไปถึงมันก็บอกให้เราถอดเสื้อผ้า เราก็ถกเสื้อลงมาที่เอว ข้างในเป็นเกาะอก ก็ถกลง ยอม เค้าก็เอามือเค้ามาจับมาถู
พิธีกร : ความรู้สึกเราตอนที่เริ่มถูกลวนลาม
คุณลักษณ์ : เราก็แก่แล้ว ก็เลยถอดขนตาเลย เพราะคิดว่าถ้าเค้าเห็นผู้หญิงแก่ๆคนนึงก็ไม่น่าทำอะไรเรา อยากให้เห็นสภาพที่แท้จริงว่าเราแก่แล้ว แล้วเค้าก็บอกให้ถอดกางเกง เราใส่กางเกงยีนส์ แต่มีผ้ากันเปื้อนคาดเอวอยู่และโชคดีที่มีประจำเดือนพอดี ก็เลยตัดสินใจรูดซิปเอามือปิดแล้วล้วงดึงผ้าอนามัยออกมาให้ดูว่ากำลังมีประจำเดือน
พิธีกร : จังหวะนี้ที่ทำให้คิดว่าโชคดีที่มีประจำเดือนวันนั้น
คุณลักษณ์ : ใช่ค่ะ เค้าเห็นแล้วเค้าก็ผลักเราออก เค้าก็กลัว เราก็รีบดึงผ้าขึ้น แล้วเค้าก็ถกกางเกงของเขา สั่งให้เราสสำเร็จความใคร่ให้ เราก็ไม่มอง
พิธีกร : ขอไปที่คุณหมอ ภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นกับพี่ลักษณ์ ทุกครั้งที่เล่า มีคำแนะนำเพื่อเยียวยาความรู้สึกยังไงบ้าง
นพ.วรตม์ : ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี้กับตัวเอง แต่ต้องชื่นชมที่มีสติดีมาก ทำให้ปลอดภัยมาได้ อยากให้ใครที่ดูอยู่เอาเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง
ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หากหนีได้ก็ขอให้หนีออกมา แต่ถ้าหนีไม่ได้ ก็อาจจะต้องตั้งสติ มีการเจรจาต่อรอง มีความเชื่อว่าคนที่เค้าจะทำร้ายเรา เค้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง เราพูดด้วยความเข้าใจแม้ในใจเราจะกลัวก็ตาม เพราะคนที่เค้าทำแบบนี้ บางทีขณะที่เค้าทำแบบนี้เค้าก็กลัว ถ้าเราสงบกว่า เราจะถือไพ่เหนือกว่าเหมือนที่คุณลักษณ์ทำ
พอเรามีสติแบบนี้ ก็จะแก้ปัญหาได้ เรื่องหนึ่งที่อยากฝากบอกว่าการแต่งตัวยังไงก็ตามไม่เกี่ยวกับเหตุการณืที่เกิดขึ้น หากย้อนไปดูเหตุการณ์ที่มีการล่วงละเมิดทางเพศ หลายรายก็แต่งตัวมิดชิด ตรงนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณลักษณ์ เป็นความผิดของคนก่อเหตุ ไม่เกี่ยวเรื่องการแต่งตัว ไม่อยากให้โทษตัวเองเรื่องนี้ เพราะผู้ก่อเหตุเค้าก็ไม่ได้เลือก เค้าแค่ผิดปกติ และต้องการก่ออาชญากรรม ส่วนตัวคุณลักษณ์ที่ยังมีความเครียดความกังวล แนะนำให้พูดคุยกับคนใกล้ชิด เพื่อระบายความรู้สึก
พิธีกร : ระบายยังไง เล่าเรื่องนั้นหรือยังไงดี
นพ.วรตม์ : ระบายเมื่อเราพร้อมที่จะระบาย คนฟังไม่ต้องซักไซ้มาก แนะนำคุณลักษณ์ออกรายการทีวีน้อยลงได้ก็จะดี คนอื่นซักเยอะๆ ถ้าเราไม่พร้อมจะตอบก็บอกปัดไปก่อนว่า ไม่อยากรื้อฟื้น สำหรับคนใกล้ชิดก็ไม่ควรถามว่ารู้สึกยังไง ถ้าพร้อมจะเล่าค่อยเล่า คนรอบข้างไม่ต้องไปกระตุ้น แต่หากเล่าแล้วไม่หายค่อยพบผู้เชี่ยวชาญ
พิธีกร : หลังเรารู้สึกว่าเราพ้นแล้ว เหมือนคนร้ายเริ่มกลัว เค้าทำอะไรต่อ
คุณลักษณ์ : เค้าบอกว่าเค้าอัดวิดีโอไว้แล้ว ถ้าแจ้งความ เค้าจะเอารูปไปประจาน เราก็บอกว่าไม่กลัวหรอกเพราะแก่แล้ว ใครจะเห็น แต่ถ้าทำอะไรมากกว่านี้เรื่องจะใหญ่นะ เค้าก็ฟัง เราก็บอกว่าอย่าทำอะไรเลย เค้าก็เลยขอของมีค่า เราก็ให้หมดเลย เค้าก็เดินออกไปจากห้องน้ำ เราก็รีบล็อกห้องน้ำ จากนั้นประมาณ 2 นาทีก็แอบดู เห็นเค้ารื้อของมีค่าทั้งโทรศัพท์กับกุญแจรถไป เค้าก็ชี้หน้าไม่ให้ออกมา เราก็ปิดประตูล็อกใหม่ ประมาณ 5 นาทีก็เปิดประตูออกมา เค้ากำลังสตาร์ทรถไปจากหน้าร้าน ก็รีบวิ่งขอความช่วยเหลือ โทรหาแฟนที่เป็นลูกน้องพี่หม่ำ ชื่อเจิดจ้า จ่าสิบเอก
พิธีกร : เห็นว่าพี่ลักษณ์ทำผมให้พี่หม่ำกับพี่มดมานานแล้ว
หม่ำ จ๊กมก : เป็นช่างตัดผมให้ ส่วนแฟนเค้าก็เป็นนักร้องในค่าย
พิธีกร : พอทราบข่าว เห็นว่าบ้านอยู่ใกล้ๆใช่มั้ย
หม่ำ จ๊กมก : พอรู้ก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปเลย
พิธีกร : ตอนนั้นคิดอะไรบ้าง
หม่ำ จ๊กมก : ความรู้สึกคือต้องไปดู ภรรยาก็นั่งรถตามหลังมา
พิธีกร : จังหวะที่เจอพี่หม่ำ รู้สึกยังไง
คุณลักษณ์ : เรารู้สึกปลอดภัยแล้ว
พิธีกร : ไปถึงสภาพคุณลักษณืเป็นยังไงบ้าง
หม่ำ จ๊กมก : ตอนนั้นพูดไม่รู้เรื่อง ก็บอกให้เค้าไปนั่งข้างในก่อน รอให้ภรรยาผมมาก่อน
พิธีกร : คุณมดว่ายังไงบ้างกับเหตุการณ์นี้
หม่ำ จ๊กมก : จริงๆแล้วคนร้ายคนนี้เค้าผิดร้าน มาล้วงคองูเขียว
พิธีกร : ได้บอกคุณลักษณ์ยังไงบ้าง
หม่ำ จ๊กมก : ก็บอกคุณลักษณ์ว่าถ้าใจยังไม่ดีก็อย่าเพิ่งเปิดร้าน
พิธีกร : มีอะไรอย่างจะบอกพี่หม่ำ พี่มดบ้าง
คุณลักษณ์ : ขอบคุณมากๆเลย วันนั้นถ้าไม่ได้พี่หม่ำ กับพี่มดก็ไม่รู้จะอยู่สภาพยังไง นึกถึงเป็นคนแรก คิดไว้ว่านึกถึงไม่ผิดคน พอเห็นหน้าพี่เค้ามาก็รู้สึกว่าเราปลอดภัยแล้ว เรารอดแล้ว
พิธีกร : ที่บอกว่าถ้าคนร้ายกลับใจจะให้มาทำงาน พูดจริงๆใช้มั้ย
หม่ำ จ๊กมก : ได้ แต่มันต้องกลับใจจริงๆนะ ก็ยินดี กำลังจะบอกว่าคนที่มีนิสัยแบบนี้คงจะกลับใจยาก เพราะคนละภพกัน นิสัยต่างกัน แต่ก็พร้อมให้โอกาส