คัดลอก URL แล้ว
“หลอกรักออนไลน์ ไม่ได้อยู่ในใจ แต่อาจไปอยู่ในคุก!” –  The Day News Update Special

“หลอกรักออนไลน์ ไม่ได้อยู่ในใจ แต่อาจไปอยู่ในคุก!” – The Day News Update Special

KEY :

ในรายการเจาะข่าวเด็ด The Day News Update Special ทางช่อง Mono 29 พิธีกร คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ ได้พูดคุยกับ คุณหนูยา หนึ่งในผู้เสียหาย จาก 15 ราย ที่ถูก ชายวัย 60 หลอกให้รัก พร้อมด้วยทนายรัชพล ศิริสาคร และพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มาเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อการหลอกลวงออนไลน์ ไม่ว่าจะหลอกเพื่อหวังทรัพย์สิน หรือหลอกให้รัก ที่อาจไม่ได้อยู่ในใจ แต่ต้องไปอยู่ในคุกแทน

พิธีกร : ไปเริ่มพัวพันกับชายวัย 60 ปี คนนี้ได้อย่างไร
ผู้เสียหาย : ประมาณเดือนสิงหาคม 2564 เขาแอดมาขอเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊ก ช่วงแรกยังไม่ได้ทักอะไรเลย มาเริ่มทักอีกทีในช่วงเดือนกันยายน ก็เป็นการทักมาพูดคุยปกติ จากนั้นก็กดเข้าไปดูในโปรไฟล์เห็นเป็นคนภาคเดียวกันจึงถามว่าเป็นคนใต้หรอ เขาก็ตอบว่าเป็นคนใต้

พิธีกร : ใครเริ่มคุยกับใครก่อน
ผู้เสียหาย : เขาเป็นคนเริ่มบทสนทนามาค่ะ เหมือนกับถามประมาณว่าอยู่ที่ไหน เหมือนกับเป็นคนรู้จักปกติ เป็นคนบ้านเดียวกัน

พิธีกร : อะไรที่ทำให้เราสานสัมพันธ์กัน เหมือนจะมีการนัดหมายกัน
ผู้เสียหาย : พอคุยไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็เริ่มจะพิมพ์มาว่าคิดถึง ฝันดีนะ และไปเอารูปเราจากเฟซบุ๊กมา และเอาเข้ามาส่งในช่องแชทว่าน่ารัก เราจึงได้ถามกลับไปตรงๆว่าจีบหรอ เขาจึงบอกว่าคุยประมาณนี้แล้ว ยังไม่รู้หรอว่าจีบ เราจึงบอกว่าเอางี้นะ โตแล้วไม่ใช่เด็ก ใช้สมองมากกว่าใจ ถ้าจะจีบขอความจริงใจไม่ใช่จะจีบเล่นๆ ก็เป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันดีกว่า เขาก็บอกว่าเอาจริง

พิธีกร : พี่หนูยาก็เข้าไปดูโปรไฟล์เฟซบุ๊กเขาพอสมควร และเป็นผู้อบรมการใช้งานด้านนี้ให้ผู้อื่น ไม่เจอเลยหรอว่าเขามีภรรยาแล้ว เขามีลูกแล้ว
ผู้เสียหาย : ในเฟซบุ๊กเขาจะไม่ลงอะไรมากเลยที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว เขาลงสถานะโสด

พิธีกร : อย่างที่เป็นข่าวมีเฟซบุ๊ก 8 แอคเคาท์ มีอินสตาแกรม 4 แอคเคาท์ มีไลน์ 3 แอคเคาท์ และมีโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เคยถามเขาไหมว่าพี่ไม่วุ่นวายกับชีวิตหรือมีหลายแอคเคาท์แบบนี้
ผู้เสียหาย : ตอนแรกก็ไม่ทราบค่ะ เพิ่งมาทราบตอนมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ได้คุยกับเขา และมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง จึงไปตรวจสอบว่าเป็นโสดจริงหรือไม่ ไปรื้อไปค้นมาจึงส่งข้อมูลมาหาพี่หนูยา

พิธีกร : ทำไมผู้เสียหายอีกรายถึงไปสืบค้นหาข้อมูลได้ ทำไมเราไม่เจอ
ผู้เสียหาย : คือของเราตอนนั้นเหมือนเป็นการพูดคุยกันปกติ ยังมีระยะห่างอยู่

พิธีกร : ตอนนั้นรู้หรือยังว่าเขามีภรรยาแล้ว ยังไม่เลิกกับภรรยา
ผู้เสียหาย : ยังไม่ทราบ เพราะถามไปเขาก็บอกว่าเลิกมา 8 ปีแล้ว

พิธีกร : พอรู้ว่าจับไต๋ได้ เป็นข่าวก็ยังไลน์คุยกับผู้เสียหายต่อด้วย
ผู้เสียหาย : ว่าเลิกกันแล้วแต่ยังไม่ได้หย่า มีหลักฐานในไลน์ให้ทนายดูแล้ว

พิธีกร : แล้วที่บอกว่าไม่หย่า ทำไมเขาถึงบอกว่าไม่หย่า
ผู้เสียหาย : เขาบอกว่า เขาไม่ต้องการให้ลูกขาดความอบอุ่น ลูกคนเล็กสุดอายุ 21 ปี เขาบอกว่าต้องการไม่ให้ลูกขาดความอบอุ่นเลยยังไม่หย่า แต่เลิกกันแล้ว

พิธีกร : มีความหมายนัยยะทางกฎหมายอย่างไร ยังไม่หย่าแต่เลิกกันแล้ว
ทนายรัชพล : มันต้องถามเขาว่าเขาให้คำนิยามอย่างไร ยังไม่หย่าแต่เลิกกันแล้ว คือ ยังไม่หย่าเลิกกันแล้วอยู่ด้วยกันก็ได้ หรือจะไม่อยู่ด้วยกันก็ได้ มันก็ตีความได้หลายความหมาย อาจจะต้องถามเขาลึกๆ ว่าเขามีพฤติกรรมของเขายังไง

พิธีกร : ในเซ้นส์ของเราการที่เขาบอกว่า ยังไม่หย่าแต่เลิกกันแล้ว เขาต้องการจะสื่ออย่างไร
ผู้เสียหาย : เขาบอกว่า พี่ไม่เข้าใจเขา เขาต้องการที่จะคุยกับเราต่อ เขาจะกลับไปอยู่บ้านที่นครฯ แล้วจะย้ายจากภรรยามาอยู่กับพี่ ซึ่งวันนั้นเราอยู่กับทนายรัชพลแต่เขาไม่รู้ ซึ่งวันนั้นยังไม่เป็นข่าว

พิธีกร : อะไรเป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องเอาคืนกับผู้ชายคนนี้ที่หลอกลวงเรา
ผู้เสียหาย : คือพอเรารู้ว่าเขามีครอบครัว อันดับแรกรู้แล้วว่าคบซ้อน พอคบซ้อนเราก็คิดว่าเราถอยออก แต่ในขณะที่ถอยออกก็ยังมีความอยากรู้ว่า คุณจะไปยังไงต่อ เช้าขึ้นมาก็ส่งดอกไม้ให้ทุกคน เพราะพวกเราผู้หญิงมาสร้างห้องไลน์ด้วยกันแล้ว และเราก็ส่งรูป และส่งรายละเอียดแบบเป็นวินาที วันสุดท้ายเรานั่งรอแถลงข่าวที่บ้านทนายวันอาทิตย์ เขายังส่งมาหาพี่หนูยา เขายังไม่รู้ ส่งเป็นดอกไม้สีแดงมา พี่จึงถามไปว่าเพื่ออะไร เขาถามว่าจะกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม

พิธีกร : ฟางเส้นสุดท้ายที่ได้ข้อมูลมาว่าที่พี่ต้องดำเนินการเปิดโปงเรื่องนี้เพราะถูกท้าทาย
ผู้เสียหาย : หลังจากที่เราคุยกับเขา และบอกว่าพี่คบผู้หญิงหลายคน และพี่ก็มีภรรยาแล้ว แล้วพออีกวันหนึ่งก็มีผู้หญิงในกลุ่มนี่แหละ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิงใครนะคะ ทำเฟซบุ๊กขึ้นมาหนึ่งเฟซ และมาขอเป็นเพื่อน ซึ่งเราก็คิดแล้วว่าน่าจะต้องเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกี่ยวข้อง พอรับเป็นเพื่อน ผู้หญิงคนนั้นก็เอารูปเขา รูปครอบครัวเขามาขึ้น และบอกว่าเตือนภัยผู้ชายคนนี้มีภรรยาแล้ว และหลอกจีบผู้หญิงทางโลกออนไลน์ซึ่งเยอะมาก ตัวผู้ชายเขาก็คิดว่าเป็นพี่ทำ

พิธีกร : เขาก็เลยคิดว่าแบบนี้ต้องเอาเรื่องคืนแล้ว
ผู้เสียหาย : เขาโทรหาบอกว่าจะแจ้งความหาว่าไปหมิ่นประมาทเขา และเอารูปลูก รูปภรรยาเขาไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก ถือว่าผิดกฎหมาย พี่เลยบอกว่า เอาอย่างงี้เนาะ หนูไม่ได้ทำ เขาบอกว่าเขาแจ้งความแล้วก็น้องในกลุ่มไปถามเขาเนอะ ว่าเขาจะทำอย่างไรกับเรื่องเฟซบุ๊กนี่ เขาก็บอกว่าเอาเรื่องแน่นอน ไม่ปล่อยแน่ ซึ่งพี่หนูยาให้อีกคนหนึ่งไปถาม แต่จริงๆแล้ว เรารู้กันหมด ทุกคนก็แคปหน้าจอมาส่งในกลุ่มไลน์ที่คุยกัน จากนั้นเขาก็บอกว่าเขาจะเอาให้ถึงที่สุด พี่เลยบอกว่าเอาอย่างงี้นะ พี่มั่นใจนะว่าพี่จะฟ้องหนูได้ ถ้าพี่มั่นใจพี่เอาหลักฐานมา ถ้าพี่เอาหลักฐานตรงนั้นมาฟ้องหนูไม่ได้ แค่หนูไปรับทราบข้อกล่าวหา แล้วเจอกันที่ศาล ถ้าพิสูจน์ออกมาว่า หนูไม่ได้เป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก หนูแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จให้ทุกข์กล่าวโทษ หนูไม่รับเป็นเงิน หนูให้พี่ขอโทษผ่านสื่อ มาคุยกับทนายผ่านสื่อ และขึ้นคัตเอาท์หน้าเทศบาลสมุทรปราการตรงใกล้ๆที่ทำงานหนูท้าเขาแบบนี้ แล้วหนูบอกเขาว่าคนอย่างหนู พี่ก็คนใต้หนูก็คนใต้คนอย่างหนูไม่ใช่หมาลอบกัด ถ้าหนูทำพี่หนูเอาแบบซึ่งๆหน้า แล้วหนูเปิดหน้าชก เอาให้พี่ไม่มีที่ยืนในสังคม เอาให้ลูกพี่อายที่มีพ่อเฮงซวยอย่างพี่ เขาตอบหนูว่าทำอะไรเขาได้ จัดเลย หนูบอกเขาว่าหนูมีเวลาว่างเยอะ

พิธีกร : ตอนนี้มีผู้เสียหาย 15 รายแล้ว พี่หนูยายังไปหาผู้เสียหายเพิ่มเติมอีกไหม
ผู้เสียหาย : ไม่ได้ไปหาผู้เสียหายมา คือ คนที่ 13 ที่เข้ามาก็เห็นจากการแถลงข่าววันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เข้าหาทนายรัชพลเองเลย พอไปออกรายการรายการหนึ่ง ทนายรัชพลก็บอกว่ามีเพิ่มมาอีกคนหนึ่งแล้ว พี่ก็คุยกับน้องเขา เขาก็เข้ามา เขาโทรมาเล่าพฤติกรรมก็พบว่าเหมือนกันเลย ซึ่งหากไม่แถลงข่าววันนั้นคนที่ 13 ก็คงยังไม่รู้ แล้วคนที่ 14 ก็คือคนที่ทำเฟซบุ๊ก แล้วก็เข้ามาบอกเราว่าเป็นคนทำเฟซบุ๊กหลังจากที่เป็นข่าวแล้ว ก็สารภาพว่าตัวเขาเป็นคนทำเฟซบุ๊กนั้นขึ้นมา

พิธีกร : อะไรที่ทำให้พี่ไปปรึกษาทนายรัชพล
ผู้เสียหาย : คือตอนที่เข้าไปคุยกับทนาย เพราะว่าเขาขู่มาว่า เขายังไม่ได้หย่ากับภรรยา เขาจะให้ภรรยาเขามาฟ้องผู้หญิงทุกคน ถ้าจะเอาเรื่องเขา เขาฟ้อง จะให้ภรรยากับลูกมาฟ้อง ก็เลยเข้าไปปรึกษากับทนายรัชพล ในส่วนของคนที่เป็นข้าราชการด้วย เพราะว่ามันสุ่มเสี่ยง เพราะเขาเขียนมาด้วยว่าคนที่ชื่อตาเป็นข้าราชการพี่จะให้ลูกและเมียพี่ไปฟ้องให้ออกจากราชการ มีข้อความแชทมา

พิธีกร : ทนายครับ ถ้าเป็นแบบนั้นป้องกันการถูกฟ้องร้องยังไงได้บ้าง
ทนายรัชพล : คือเราคงห้ามเขาไม่ให้ฟ้องไม่ได้นะครับ หมายถึงฝ่ายเมียหลวง แต่เราป้องกันไปลงบันทึกไว้ว่าเราไม่รู้จริงๆ ก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว ที่เข้าไปยุ่งเพราะเขาเข้ามาหลอกว่า เขายังไม่มีภรรยา ถ้าเกิดเขาฟ้องมา เราก็ยังมีเอกสารไปยื่นต่อศาลว่าเราได้ลงบันทึกประจำวันไว้

พิธีกร : แต่ว่าเราจะฟ้องเอาผิดเขาได้ไหมครับ
ทนายรัชพล : คือคำพิพากษาของศาล ปี 2488 เคยตัดสินมา เวลาที่ผู้ชายไปหลอกว่าจะแต่งงานด้วย แล้วไปมีเพศสัมพันธ์ ไม่สามารถที่จะไปเรียกร้องค่าเสียหายได้ แต่ในคำพิพากษานั้น ในศาลชั้นต้นเขาชนะมาแล้ว แต่ไปแพ้ในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา ซึ่งอาจจะเป็นการบรรยายไม่ครบ หรือ บรรยายไม่ดีก็ได้ ซึ่งในปัจจุบัน อาจจะมีการกลับก็ได้ ถ้าหากมีการฟ้องศาล

พิธีกร : แล้วเรามั่นใจไหมครับว่าเรื่องนี้ เราจะไปฟ้องเพื่อเอาผิดได้
ทนายรัชพล : จริงๆผมเห็นว่ามันน่าจะเป็นการละเมิดนะ เพราะว่าคุณไปหลอกลวงเขา เรื่องนี้คงจะต้องปรึกษากันในส่วนของผู้เสียหายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

พิธีกร : จะไปแจ้งความกับสถานีตำรวจ เหตุการณ์แบบนี้ต้องไปแจ้งอย่างไรครับ เพื่อเอาผิดกับผู้ชายคนนี้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : คือปกติลักษณะนี้ไม่ค่อยมีมาแจ้งความ จะมีในกรณีถูกหลอก อาจจะใช้โปรไฟล์ปลอมและหลอกลวงเอาทรัพย์สิน ไม่ได้เปิดเผยความเป็นจริง แต่อันนี้เท่าที่ทราบในโซเชียลมีเดียของผู้ชายคนนี้ เขาก็ใช้ชื่อจริง หน้าจริง และมีการคบหากัน คือ หลอกลวงให้พึงพอใจซึ่งกันและกัน อาจจะยังไม่ชัดเจน

พิธีกร : เห็นบอกว่าเรื่องนี้ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา มีคำพิพากษามาตั้งแต่ปี 2488 ว่าเอาผิดไม่ได้
ทนายรัชพล : ใช่ครับ คือ มันเป็นคดีแพ่งในการเรียกร้องค่าเสียหาย อันนั้นในชั้นต้นเขาชนะนะ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าเป็นการไปละเมิด แต่ศาลอุทธรณ์บอกว่า การบรรยายฟ้องอาจจะไม่ครบ หรือ ทำนองนั้น ผมไม่ได้อ่านตัวเต็ม แต่ว่าศาลท่านตัดสินมา ก็เลยไปแพ้อุทธรณ์-ฎีกา ถามว่าโอกาสชนะมีไหม เพราะศาลชั้นต้นก็เคยชนะมา โอกาสในปัจจุบันก็อาจจะเป็นไปได้อยู่ที่จะมีโอกาสที่ชนะ

พิธีกร : ดังนั้นการฟ้องร้องเรื่องนี้ สาวๆที่ตกเป็นเหยื่อของความรัก เรียกร้องอะไรได้
ทนายรัชพล : เรียกเป็นค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน สมมุติว่าความเสียหายที่เราเสียตัวไป อาจจะระบุเป็นจำนวนเงิน เช่นพี่หนูยาอาจจะเรียก 2-3 แสน คือไม่มีข้อกฎหมายกำหนดว่าจะเรียกได้เท่าไหร่ เพียงแต่ว่าเรียกเยอะก็จะมีค่าทำเนียมศาล ศาลอาจจะไม่ให้เต็ม สมมุติเรียกไป 3 แสน ศาลอาจจะให้ 5 หมื่นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

พิธีกร : พี่หนูยาเรายังไม่ได้เสียอะไร นอกจากความรู้สึกใช่ไหม
ผู้เสียหาย : ใช่ค่ะ

พิธีกร : พี่หนูยา อยากจะเรียกร้องเอาผิดเขามากแค่ไหนยังไง
ผู้เสียหาย : ของพี่หนูยา คือส่วนหนึ่งที่พี่หนูยาเสียความรู้สึก คือในส่วนที่เขาไปพูดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งว่าพี่หนูยาไปจีบเขา อันนี้ข้อที่หนึ่ง และข้อที่สอง เขาก็พูดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งว่า พี่หนูยาพยายามจะเข้าหาเขา ร้องห่มร้องไห้ ไปกอดไปจูบไปอะไรเขา มันเป็นการที่เอาเราไปประจาน ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าคุณมีอะไรกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง แล้วพอผู้หญิงอีกคนหนึ่งจับได้ คุณมาโยนความผิดให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งว่าเข้ามาหาเอง มันไม่แมนค่ะ

พิธีกร : 15 คนนี้มีการพูดคุยกันหรือยังว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกันจริงจัง หรือ เอาแค่อับอาย
ผู้เสียหาย : ในส่วนของทุกๆคนนะคะ บางคนเขาก็เป็นแม่หม้ายเลี้ยงเดี่ยวมีลูก และบางคนพอเหมือนกับว่าแยกย้ายกับผู้ชายคนนี้แล้วมีคนคุยก็เลยไม่กล้าที่จะเปิดโปงออกมา แต่ตัวพี่หนูยารวม 3 คนเอาจริง เพราะพี่หนูยาไม่มีใคร

พิธีกร : ทนาย มีความมั่นใจไหมครับ ตอนนี้มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างแน่นหนา
ทนายรัชพล : คือที่เขากล่าวหา อาจจะเป็นเรื่องหมิ่นประมาทผู้อื่นได้นะครับ เดี๋ยวลองปรึกษาทางตำรวจดูนะครับ

พิธีกร : หมิ่นประมาทแบบนี้เอาผิดได้ไหมครับ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ถ้าอย่างเป็นข้อความที่ทำให้ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ก็สามารถที่จะแจ้งความร้องทุกข์ได้ในเรื่องหมิ่นประมาท เพราะว่าทางเราเสียหาย อันนี้เป้นคดีอาญาสามารถแจ้งความร้องทุกข์ในสถานีตำรวจได้เลย

พิธีกร : โทษถึงขั้นไหนครับ ถ้าหมิ่นประมาทแบบนี้ เพราะเรื่องของการหลอกให้รัก ยังไม่ค่อยมีเรื่องแบบนี้มาแจ้งความเท่าไหร่
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ถ้าหมิ่นประมาทก็มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ครับ

พิธีกร : คนนี้ๆ ใกล้จะเกษียณอายุแล้วใช่ไหมครับ
ผู้เสียหาย : เขาส่งข่าวมาว่าจะทำงานเป็นวันสุดท้าย

พิธีกร : ไม่ใช่โดนไล่ออกเพราะพี่นะ
ผู้เสียหาย : ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อยากให้เป็นอย่างนั้น

พิธีกร : แต่อีกด้านหนึ่งที่ผมเรียนท่าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ มา เพราะเรื่องการหลอกให้รัก ถ้ารักอย่างเดียวไม่เท่าไหร่ แต่หลอกให้รักแล้วร่วมลงทุนเสียเงิน อยากจะมาเตือนเหมือนกัน ที่เรียกว่าโรแมนซ์สแกม โรแมนซ์สแกมเป็นอย่างไรครับ ณ วันนี้ ผ่อนคลายบ้างหรือยัง ทำไมสาวๆถึงโดนหลอก ผมเห็นโรแมนซ์สแกมมาเป็น 10 ปี
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ตัวเลขก็ยังเพิ่มขึ้น โรแมนซ์สแกม หรือ การหลอกรักออนไลน์ มีทั้งต่างชาติ และคนไทยด้วยกัน แต่มุ่งหวังในเรื่องของตัวเงิน และปกปิดตัวตน คือ หน้าไม่ตรงปก อาจมีการพูดคุย สร้างโปรไฟล์ที่ดูดี และมาจีบ สุดท้ายจะจบลงด้วยเรื่องเงินให้ฝ่ายหญิงโอนเงินมาให้

พิธีกร : อันนี้มีความเสียหายเรื่องของเงินทองแล้ว แล้วแบบนี้เข้าข่ายเอาความผิดได้อย่างไรบ้าง
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : อันนี้ชัดเจนครับ ข้อหนึ่งเป็นเรื่องฉ้อโกง ข้อสองจะกระทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ อีก แต่อันนี้อัตราโทษสูง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน

พิธีกร : ส่วนใหญ่แล้ว เขาจะเข้ามาแบบไหน เข้ามาหาใคร
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ส่วนใหญ่ถ้าเป็นโรแมนซ์สแกม หรือ การหลอกรักออนไลน์ เหยื่อจะเป็นผู้หญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่คนร้ายจะมีการปลอมตัวเป็นชาวต่างชาติ ชาวยุโรป หน้าตาดี มีเงินมีทอง และจะอ้างว่าภรรยาเสียชีวิต หรือไม่ก็เพิ่งเลิกร้างกับภรรยาอยากหาคนไทยมาเป็นคู่ชีวิต ในบั้นปลายชีวิต และก็ชวนคุย เรียกดาร์ลิ่ง มายเลิฟ สวีทฮาร์ท มีการแชทเป็นภาษาอังกฤษ แต่เมื่อไหร่ที่ขอวิดีโอคอลจะไม่ยอม จะอ้างกล้องเสีย เพื่อไม่ให้รู้ว่าตัวจริงไม่ใช่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวสีครับ

พิธีกร : ผมเห็นล่าสุดมีคนไปทำเรื่องราวของคนผิวสีเหล่านี้ ที่ไปหลอกเหยื่อ เขาบอกว่าเป็นอาชีพเขา ที่บ้านเขาไม่ผิดกฎหมาย จริงหรือครับ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ไม่แน่ใจครับ

พิธีกร : แล้วเราเอาผิดกับคนพวกนี้ได้ไหมที่มาหลอกสาวไทยให้หลงรัก และต้องเสียเงินเสียทอง
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ได้ครับ ทั้ง พรบ.คอมพิวเตอร์ ทั้งเรื่องฉ้อโกง อย่างที่ บก.ปอท.เคยไปจับ เราพบว่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งหลอกเป็นสิบๆ

พิธีกร : เขาอยู่ในเมืองไทยใช่ไหมครับ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : มีทั้งเมืองไทยและต่างประเทศ

พิธีกร : ถ้าอยู่ต่างประเทศ ตามไปเอาผิดเขาได้ไหม
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : มีบางเคสที่เรามีการประสานงาน เรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือประสานระหว่างประเทศ ก็สามารถที่จะดำเนินการได้

พิธีกร : ทำไมทุกวันนี้ ตัวเลขมันยังเพิ่มอยู่ครับ
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ต้องเรียนว่าเรื่องความรัก มันไม่เข้าใครออกใคร บางคนโหยหาความรัก และปรากฎว่าอยู่ๆมีชายหนุ่มที่ตรงสเปคเลยเข้ามาจีบ เข้ามาพูดคุยก็เผลอพูดคุยไป รู้ว่าเสี่ยงแต่บางทีก็อยากลอง

พิธีกร : พี่ยาเองตอนนั้นรู้สึกว่าเสี่ยงไหม
ผู้เสียหาย : ถามว่าตอนนั้นเสี่ยงไหม มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสี่ยงนะ เพราะว่าเขาใช้วิธีการที่แนบเนียนมาก มีการวิดีโอคอลคุย

พิธีกร : แต่ว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงกับการให้ร่วมลงทุน หลอกให้โอนเงิน คือยังไม่ถึง
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : จะแตกต่างจากโรแมนซ์สแกม อันนั้นคือหน้าไม่ตรงปก และพยายามหลอกลวงเรื่องเงิน แต่อันนี้หน้าตรงปก หมายถึงฝ่ายชายนะครับ ชื่อตรงปก และมีการพูดคุย แต่ว่า ยังไม่มีหวังประโยชน์ในเรื่องตัวเงิน จึงเอาผิดแบบโรแมนซ์สแกมไม่ได้

พิธีกร : แต่ถ้าเข้าข่ายลักษณะอย่างไหนที่เอาผิดได้
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ต้องเรียนกับประชาชนว่า การพูดคุยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเรื่องราวความรัก จริงๆความรัก เป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็อยากจะให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่ไปสร้างภาพอะไรต่างๆ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นห่วงประชาชน ได้เตือนภัย 5 ข้อว่า ถ้าไปจีบกันทางโซเชียลมีเดีย หรือ สื่อสังคมออนไลน์ จริงใจต่อกันดีกว่า และเตือน 5 อย่างที่ไม่ควรทำ คือ

  1. หลอกว่ามีทรัพย์สินร่ำรวย
    เช่นการถ่ายรูปกับรถสปอร์ต บ้านหลังใหญ่ๆ ซึ่งไม่ใช่ของเขาเลย และไปหลอกลวงอะไรต่างๆ
  2. แอบอ้างอาชีพ
    เช่น ข้าราชการตำรวจ ทหาร เอาเครื่องแบบมาใส่ มีความผิดตามมา เพราะมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ ต้องระมัดระวัง ถ้าทำไปถูกดำเนินคดีได้
  3. แอบอ้างวุฒิการศึกษา
    บอกว่าตนเองเป็นด็อกเตอร์ จบปริญญาโท หรือเอาชุดนักศึกษามาหลอกลวง
  4. อ้างว่าโสด ทั้งที่ความจริงมีคู่ชีวิตแล้ว
  5. การตัดต่อภาพให้ดูดี
    ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมาย ไม่ควรทำให้เกินจริงจนเกินไป

พิธีกร : ตอนนี้ล่าสุดมีการทำอะไรเพิ่มเติม
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : อันนี้เป็นคลิปเตือนภัยประชาชน คือ มีการนำหน้าของผู้อื่นมาทำให้ปากขยับ และใส่เสียงผู้อื่น

พิธีกร : ถ้าเกิดนำมาหลอกโดยการสนทนา วิดีโอคอลกับเรา
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ : ก็จะเนียนเหมือนกัน


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง