คัดลอก URL แล้ว

“กัญชาเอฟเฟกต์ เคลียร์ให้ชัด ใช้ยังไงไม่อันตราย”


“อ.อ๊อด ชี้หากใช้กัญชาผสมอาหารต้องระวัง เลี่ยงใช้ในเด็กเสี่ยงโง่ลง 8 เท่า ด้านพรรคเขียว แนะสาธารณสุขออกกฎเกณฑ์ให้ครอบคลุมหวังใช้กัญชาสันทนาการปลอดภัย”

ในรายการเจาะข่าวเด็ด The Day News Update Special ทางช่อง Mono 29 พิธีกร คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ ได้พูดคุยกับ รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคุณยุทธพงศ์ อรรคเศรษฐัง ตัวแทนพรรคเขียว ถึงมุมมองผลกระทบของกัญชา และวิธีใช้อย่างไรให้ปลอดภัย ภายหลังปลดล็อกพืชกัญชา เพราะล่าสุดพบหลายคนมีอาการข้างเคียงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการรับกัญชาเกินขนาด หลังร้านค้านำไปผสมในอาหาร

พิธีกร : ปัญหาที่เกิดขึ้นคนกินกัญชาแล้ว บางคนมีผลกระทบเกิดขึ้น อย่างเช่น หญิงสาวรายหนึ่งที่เกิดอาการแพ้หลังรับประทานต้มมะระที่มีส่วนผสมของใบกัญชา ซึ่งยังคงมีอาการอย่างต่อเนื่อง อาจารย์อ๊อดมองเรื่องนี้อย่างไร?
รศ.วีรชัย : กัญชาจะมีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท คือ สาร THC ย่อมาจาก Tetrahydrocannabinol ซึ่งปัจจุบัน THC ยังเป็นสารเสพติดให้โทษประเภท 5 กฎกระทรวงสาธารณสุขล่าสุดที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นการปลดล็อกกัญชาเสรี เป็นการเอาต้นกัญชา-กัญชง ออกจากบัญชียาเสพติด แต่ยังคงสาร THC ไว้ ถ้ามีสารTHC เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ หรือครอบครองเกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมีความผิดในการครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5

พิธีกร : 0.2 เปอร์เซ็นต์ คือ อะไร?
รศ.วีรชัย : คือ ถ้าเรามีสาร THC วางอยู่ข้างหน้าเป็นก้อน หรือ แท่งดินสอแท่งหนึ่ง ถ้าตำรวจมาตรวจพบว่าเกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ก็จะโดนเลย ถือว่าครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ซึ่ง 0.2 คือ น้ำหนัก อธิบายให้เข้าใจก็คือ เช่น มีกัญชา 100 แต่ในกัญชามีสารTHC เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ก็มีความผิด

พิธีกร : ถ้ามีกัญชาเยอะๆ แล้วไม่เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก ถือว่าไม่ผิด?
รศ.วีรชัย : ไม่ผิด 0.2 ถือว่าน้อยมาก พูดง่ายๆก็คือ เขาจะขังสาร THC ในกฎหมายเหมือนเดิม แต่ด้วยนโยบายก็ คือ ต้นกัญชาออกไปเป็นต้นมะม่วงเรียบร้อยเป็นเสรี สามารถปลูกได้ แต่ต้นนี้ก็ยังผลิตสารTHC ตราบใดที่สารTHC ยังอยู่ในดอก ในใบ ในต้น ในราก ก็ไม่มีความผิด เพราะว่ากฎหมายปลดล็อกไปแล้ว แต่ถ้าเราดึงสาร หรือ สกัดออกมา ก็จะมีความผิด 1.ในการสกัดในการครอบครอง 2.ในการบริโภค ร่างกายคนที่บริโภคจะได้รับสารTHC เข้าไป เพราะฉะนั้นในเคสของคนที่รับประทานมะระ พูดง่ายๆ คือ เขาไม่ได้ตั้งใจสกัด เพราะเขานำมาทำอาหาร ซึ่งในใบจะมีสาร THC อยู่ด้วย

พิธีกร : เห็นบอกว่าในใบมีสาร THC ไม่มากแล้ว ทำไมพอทานต้มมะระใส่ใบกัญชาถึงมีอาการแบบนี้อยู่?
รศ.วีรชัย : คือ สารTHC ไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเสพ 0.2 แล้วใครจะเมากว่ากัน แต่อยู่ที่ใครจะทนได้มากกว่ากัน มันไม่มีเพดาน เพราะฉะนั้นบางคนแพ้ แค่ 0.01 ก็มีอาการแล้ว เหมือนอาจารย์อ๊อด เจอ 5 เปอร์เซ็นต์ก็ยังเฉยๆ เพราะถ้าภูมิต้นทานต่างกัน เพราะฉะนั้นการที่เอาใบกัญชาที่มีสารTHCA แล้วไปเจอความร้อนในต้มมะระก็เปลี่ยนจากสาร THCA เป็น สารTHC ก็จะออกมาอยู่ในน้ำแกง แต่เป็นการสกัดโดยไม่ตั้งใจ พอผู้บริโภคซดน้ำแกงก็ได้สาร THC เข้าไป โดยสาร THC มีผลต่อจิตประสาท ใครแพ้ ไม่มี receptor ทนไม่ได้ก็หลับ ใจสั่น

พิธีกร : receptor คืออะไร? ในร่างกายคนเราต้องมี receptor
รศ.วีรชัย : คือ ตัวที่จะเข้าไปแล้วก็เกิดขบวนการเผาผลาญ มีขบวนการเผาผลาญในร่างกายที่จะจัดการกับมันได้ คนที่มีตัวนี้ก็จะไม่มีปัญหา คนที่ไม่มีขบวนการเผาผลาญที่ดีพอก็จะส่งผลต่อระบบจิตประสาท จะเริ่มตั้งแต่ใจสั่น คอแห้ง ตาแดง ไปดาวอังคาร ท้ายที่สุดก็หลับ

พิธีกร : ไปดาวอังคารนี่คือ ?
รศ.วีรชัย : เหมือนโต๊ะจะพลิกไปด้านบนเลย มันจะไม่รู้ทิศทาง แล้วถ้าหลับนก ต้องถามทางสายเขียวว่าเป็นอย่างไร แต่ที่อาจารย์อ๊อดเจอเคส จะเป็นในลักษณะยืนอยู่เฉยๆแล้วก็หลับเลย แต่สักพักก็จะฟื้นขึ้นมา

พิธีกร : หมายถึงว่า ยืนแล้วทรงตัวไม่ได้อย่างนี้หรอครับ ?
รศ.วีรชัย : ก็ล้มเลย

พิธีกร : เห็นบอกว่ามันไปเกี่ยวข้องกับระบบควบคุมอัตโนมัติของร่างกาย
รศ.วีรชัย : ใช่ครับ เพราะฉะนั้นในสั่นจะมีผลในเรื่องของความดัน ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงต่อการใช้ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราดูกฎกระทรวงฉบับนี้ให้ดี จะเห็นว่าเขาขังไว้แค่สาร THC / อย่าง

  1. ฝิ่นยังอยู่ ฝิ่นก็จะมีมอร์ฟีน
  2. เห็ดขี้ควาย
  3. กัญชง-กัญชา นำออก แต่สารTHC ยังอยู่ในสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5

พิธีกร : แสดงว่าขังสาร THC ตัวนี้ แต่ว่ามาจากกัญชา
รศ.วีรชัย : ก็มาจากดอกกัญชาส่วนใหญ่ แต่ว่าในใบต้นรากก็ยังมีอยู่ ถ้าใครอยากจะใช้ สารTHC เพื่อทางการแพทย์ก็มีการใช้งานจริง เช่น การนอนไม่หลับ แต่ว่าต้องมีแพทย์เป็นผู้สั่งให้ ไปรับมาจากที่โรงพยาบาล กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สถานพยาบาลที่มีการอนุญาตให้ใช้สารTHC เหมือนกับมอร์ฟีนจากฝิ่นที่ยังเป็นสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 มอร์ฟีนแพทย์ก็ต้องสัง่ให้ แต่เมื่อต้นกัญชาออกไปแล้ว ทุกคนก็รู้ หลายคนก็รู้ อย่างเช่นอาจารย์อ๊อดรู้อยู่แล้วว่า สารTHC ต่อให้ขัง แต่ว่ามันกับดอก เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องไปเอามันออกมา

พิธีกร : ซึ่งมันอยู่ตามบ้านเรือนไงครับอาจารย์อ๊อด ตอนนี้ปลูกได้เสรีเลยแค่ลงทะเบียนเท่านั้นว่าจะปลูก นั่นหมายความว่าไม่ได้ขังต้น ไม่ได้ขังการปลูก แต่ขังสารTHC ซึ่งแค่นำมาปรุงอาหารมันก็ออกมา
รศ.วีรชัย : พูดง่ายๆ คือ กฎหมายไทยฉบับนี้ เทียบเท่าประเทศที่เจริญแล้วนะครับ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ปลดล็อกแบบนี้ แต่ สหรัฐอเมริกาปลดบางมลรัฐ บางพื้นที่ไม่ได้ปลดทั้งประเทศ แต่ของเราปลดทั้งประทเศเลย พูดง่ายๆ เอาออกมาก่อน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมีผลกระทบ บางประเทศอย่างที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็แค่บางเมือง บางจังหวัดของเขา

พิธีกร : เขาปลดเพื่อประโยชน์อะไรของคนในรัฐ หรือ คนในชาติเขา?
รศ.วีรชัย : เริ่มแรก ใช้ประโยชน์จากทางการแพทย์ก่อน มีผลรายงานการรักษาด้านโรคมะเร็ง ด้านพาร์กินสัน ลมชัก จึงเอากัญชาออกมา พอปลดออกมาก็นำมาใช้ในด้านสันทนาการ รัฐบาลของสหรัฐอเมริกา บางรัฐจึงอนุญาตให้ใช้ในเรื่องของสันทนาการได้เพื่อในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และด้านเศรษฐกิจ รวมไปถึงการรักษาแบบพื้นเมือง เพราะฉะนั้นรัฐบาลไทย โดยคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ก็พยายามจะทำตามประมาณนี้ คือ ตัวกัญชามันมีข้อดีมันอยู่ และตัวกัญชาเองก็ถูกขึ้นบัญชียาแห่งชาติ ประมาณ 9 รายการแล้ว เขาจึงมองว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์ แต่เผอิญเขาลืมมองในเรื่องของผลกระทบต่อสังคม

พิธีกร : ผมชอบที่อาจารย์อ๊อดเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ กัญชา-กัญชง มีสารCBD และ THC แต่กัญชง คือ ไม่ค่อยมีสาร THC แต่กัญชา มีทั้ง 2 สาร ถ้าพูดถึงการฟังเพลง อาจารย์อ๊อดจะเปรียบเทียบอย่างไร
รศ.วีรชัย : คือกัญชาจะมี THC สูง ในกฎหมายไทยกัญชาคือจะต้องเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ถึงจะแยกว่าเป็นกัญชา แต่ถ้าTHC ต่ำกว่า 1 เปอร์เซ็นต์จะเรียกว่าเป็นกัญชง ซึ่งสารที่อยู่ในกัญชงเรียกว่าสาร CBD มี THC กับ CBD โดย THC ก็เหมือนดนตรีแนวร็อก แบบคุณเสก-โลโซ ส่วน CBD ก็เหมือนคุณเบิร์ด-ธงชัย เพราะฉะนั้น 2 อันเหมือนกัน ซึ่ง THC ก็มีฤทธิ์ในการรักษา CBD ก็มีฤทธิ์ในการรักษา บำรุงสุขภาพทั้งคู่ แต่เผอิญ THC ทำให้เมา แต่ CBD จากัญชงไม่ได้ทำให้เมา ถ้าเราดูกฎหมาย CBD ไม่ได้อยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษประภทที่ 5 ตามกฎกระทรวงวันที่ 9 มิถุนายน 2565

พิธีกร : ก็คือสารที่อยู่กัญชง CBD
รศ.วีรชัย : ใช่ครับ แต่พอดีมันไม่ร็อกไง มันไม่จ๊าบ แต่ว่ากฎกระทรวงของ CBD อยู่ในฉบับ 429 ปี 2564 อนุญาตให้ใช้ในยา อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ได้ แล้วสรรพคุณทางเภสัชวิทยา และอาหารเสริมที่บำรุงร่างกายก็ดีมากด้วย เพราะฉะนั้นเราลืมเรื่อง CBD จากกัญชงไป

พิธีกร : ถามว่าสาร THC ที่อยู่ในอาหารอันตรายแค่ไหน สำหรับคนที่มีอาการ จากการทดลอง งานวิจัย หรือเคสที่ได้ศึกษามา
รศ.วีรชัย : สาร THC บางคนแพ้ บางคนไม่แพ้ และเป็นสารที่ WHO(องค์การอนามัยโลก) ไม่ให้การรับรอง ส่งขายที่ไหนก็ไม่ได้ ต้องใช้ทางการแพทย์เท่านั้น ในเมืองไทยถ้าจะขายต้องขายให้กับโรงพยาบาล หรือหน่วยแพทย์เท่านั้น แต่ตอนนี้มันขายได้เสรี ไปในแนวของสันทนาการ ก็ขายดอก บางคนถ้าต้องการสาร THC ก็นำมาสูบ ถ้าคนที่ไม่คยลองเลยไปใช้แล้วแพ้จะเห็นตามข่าว แต่ทีนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับ 0.2 เปอร์เซ็นต์ อยุ่ที่ว่าใครทนได้มาก ใครทนได้น้อย เพราะฉะนั้นจึงเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่คนจะเข้ามาใช้โดยที่ไม่มีการควบคุม จึงมีกฎกระทรวงที่ออกเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน เป็นในแนวของเสรี แต่ห้ามไปกระทบคนอื่น ทีนี้THC ถ้าเราไปดูข่าวจริงๆ คนที่เสพแล้วเสียชีวิตมันค่อนข้างน้อย ต้องหนักจริงๆนะครับ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเสพแล้วเมา และผลจาการเมาทำให้เสียชีวิต เช่น ไปดาวอังคารแล้วล่องลอยในอวกาศแล้วโดดตึก

พิธีกร : แต่อันนั้นคือการเสพ เขาใช้ดอก แต่เวลามาปรุงอาหารเขาใช้ใบ
รศ.วีรชัย : มันมีTHC เหมือนกัน ในดอกก็มี THC สายพันธุ์หางกระรอกในดอกมีอยู่
ประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ สายพันธุ์ต่างประเทศมีในดอกถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ในใบมีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือ 0.5 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่สายพันธุ์ เพราะฉะนั้นถ้าเรานำมารวมกันเยอะๆ ก็เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าร่างกายคนเรา ใครจะทนได้เท่าไหร่ เหมือนผู้ที่ประสบเหตุรับประทานต้มมะระใส่ใบกัญชาอาจจะทนได้แค่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นใบเดียวเขาก็ไปแล้ว จึงต้องระมัดระวัง

พิธีกร : เรามาฝั่งผู้ใช้งานตั้งแต่อดีต รู้ว่ามันผิดกฎหมายแต่ตอนนี้ปลดล็อกแล้ว ไม่ผิดกฎหมาย เพราะว่าเขาใช้ในเชิงสันทนาการ แต่ก็มีการใช้ในเชิงรักษาเหมือนกัน เริ่มที่การรักษาก่อน เห็นบอกว่าอยู่ในกลุ่มของอาจารย์ตู้ที่อยู่ในแวดวงนี้มา 7-8 ปีแล้ว
ยุทธพงศ์ : ครับ ถ้ากลุ่มสายเขียว จะรู้จักกับลุงตู้และน้าเดี่ยว พรรคเขียว จริงๆ 2 คนนี้ก็เป็นคนบุกเบิกเรื่องการเอากัญชามาใช้ในทางการแพทย์ ล็อตแรกเราไม่ได้พูดถึงเรื่องสันทนาการเลย มันเป็นเรื่องใกล้ตัว

พิธีกร : แล้วใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?
ยุทธพงศ์ : คือในวันนั้น ก็ไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากมาย ลุงตู้ก็ใช้จากประสบการณ์ จากน้อยไปหามาก คือ เราไม่รู้ว่าตัวเราเองมี receptor มากแค่ไหน ก็ใช้จากน้อยไปมาก เพราะผมรู้ว่ามันมีตัวรับในร่างกายอยู่แล้ว เพราะว่าแต่บะคน อย่างสมมุติว่าผม ทำอาหาร 1 หม้อ ก็จะมีคนที่รู้สึกว่ากินแล้วง่วงนอน แนอยากไปนอน แต่อีกคนก็กินแล้วปกติ รู้สึกเฉยๆ คือ receptor แต่ละคนไม่เท่ากันเลย แต่ว่าวิธีการใช้ที่พวกเราส่งต่อกันมา คือ ใช้จากน้อยไปหามาก เริ่มกินจากปริมาณน้อยๆก่อน ถ้าเราจะต้องออกไปข้างนอก หรือ ต้องไปทำงาน เราควรใช้มันอย่างเล็กน้อยที่สุด หรือ ไม่ใช้เลยก็ดี

พิธีกร : แต่นั่นหมายความว่า ถ้าเราปรุงเอง ทำเอง เราจะรู้ว่าใส่มากใส่น้อยแค่ไหน แต่ถ้าร้านอาหารทั่วไปที่เราไปสั่งกินกัน เราไม่มีทางรู้เลยถูกไหม?
A ยุทธพงศ์ : จริงๆ เราอาจจะต้องรณรงค์ให้กับร้านค้าได้มีการแจ้งให้ลูกค้าได้ทราบว่ามีการใส่กัญชาลงไป เพราะว่า อย่างผมคนใช้พอผมเห็นร้านนี้ใช้กัญชาในการปรุงอาหารผมก็อยากกิน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่า มันจะมากจะน้อย รู้แต่ว่าผมรับได้ แต่ถ้าสมมุติว่ามีป้ายบอก แล้วคนที่เขาเคยแพ้ เขาเห็น เขาก็ไม่ต้องกิน ก็อาจจะไม่เกิดปัญหา

พิธีกร : แต่ในเคสที่มันเกิดขึ้น คือ เขาไม่รู้ว่าใส่ส่วนผสมของกัญชาหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใส่มากใส่น้อยแค่ไหนอย่างไร ไม่รู้ว่ามันอันตรายมากน้อยอย่างไร?
ยุทธพงศ์ : ในมุมส่วนตัวของผมเอง ผมมองว่ากัญชามันคล้ายๆทุเรียน คนชอบก็ชอบกินมากๆเลย แต่คนไม่ชอบ ได้กลิ่นเขาก็ไม่อยากเอาเข้ารถ ไม่อยากเอาเข้าใกล้ตัวเอง มันก็คล้ายๆกัน ผมเชื่อว่า มีคนอยากลองกัญชาในจุดหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่า ครั้งหนึ่งที่เขาเข้าไปกิน เหมือนเขาอยากลองทุเรียนแล้ววันหนึ่งเขารู้ว่าทุเรียนมันเหม็น ไม่อร่อย หลังจากนั้นเขาจะไม่เอาอีกเลย

พิธีกร : เรื่องแพ้นั้นส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่มันเป็นอันตรายถึงชีวิต มีอันตรายต่อสุขภาพร่างกายที่ต้องเข้าโรงพยาบาล อาจารย์อ๊อดมีคำแนะนำอย่างไร สำหรับร้านค้า-ร้านอาหาร ที่จะเอามาใช้ เพราะว่าตอนนี้ฮิตเหลือเกิน
รศ.วีรชัย : 1 ใบ เราไม่รู้ว่าปริมาณเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องแจ้งก่อน ต้องแยกหม้อ ถ้าหม้อนั้นเป็นหม้อรวม คือ ต้องประกาศที่ร้านเลยว่ามีการใช้กัญชา 1 ใบเวลาเอาลงต้ม เราเอาใบมากิน บางทีเราไม่เมาเลยนะ เพราะสารTHC มันถูกละลายลงไปน้ำซุปแล้ว ใบที่ 2 ก็ตักใบให้ลูกค้า ลูกค้าก็ไม่เมาก็คิดว่าฉันมีภูมิต้านทานสูง เพราะสารมันลงไปในน้ำซุปแล้ว คนท้ายๆซดน้ำซุป นั่นคือซ้ำหลายซ้ำมันก็เยอะขึ้นๆ ก็น็อคไปโรงพยาบาล ก็ไม่รู้ว่าแจ๊คพอตจะเจอที่ใคร ต้องประกาศต้องแจ้ง อันดับแรกต้องแจ้งว่ามีการใช้หรือไม่ รัฐมนตรีบอกว่ามีชุดตรวจว่ามีปริมาณเกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ก็อยากให้นำเข้ามาด่วนถ้าหาได้นะ คือ มันเคยมีแต่มันไม่แม่น ปัจจุบันเทคโนโลยีที่เขาใช้ตรวจตามกฎกระทรวงสาธารณสุขบ้านเรา คือให้ใช้เครื่องตรวจหาสาร THC เครื่องหนึ่งราคา 5 ล้าน ถูกลงหน่อยก็ราคา 1 ล้านกว่าๆ

พิธีกร : อาจารย์อ๊อดบอกว่า เฉพาะคนที่แพ้สารTHC เท่านั้นที่อันตราย
รศ.วีรชัย : ถูกต้องครับ คือ THC ถือว่าเป็นสารที่ใช้ในทางการแพทย์เยอะแยะเลย เช่นในห้องปฏิบัติการวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เราเคยใช้ THC ทดสอบกับเซลล์มะเร็ง มีเซลล์มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว แล้วก็ทดสอบกับเนื้องอกด้วย ก็พบว่ามีการต้าน ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อย่างดีมาก ฉะนั้นเลยใช้ในเรื่องของการแพทย์ได้ดี แต่ต้องใช้ภายใต้แพทย์สั่ง ในเรื่องของการเป็นพิษต่อเซลล์ก็ถือว่าน้อย แต่ว่ามันมีฤทธิ์ต่อจิตประสาทในเรื่องของการมึนเมา ไปดาวอังคาร ไปอวกาศ แต่ว่าอาจารย์อ๊อดไม่ได้ทดสอบเฉพาะสาร THC จากกัญชานะ เราทดสอบ CBD จากกัญชงด้วย

พิธีกร : แต่ว่าถ้าเป็นกัญชง คือไม่เมา?
รศ.วีรชัย : ส่วนใหญ่นะ ตอนนี้ถ้าเป็นสายพันธุ์ไทย ก็คือของโครงการหลวง เขาเน้นเส้นใย เน้นเอาเมล็ด พวกนี้สารทั้งTHC และ CBD จะต่ำ แต่กัญชงที่นำเข้ามาปลูกในไทยตอนนี้ ที่กฎหมายอนุญาตให้นำเข้าเมล็ดมาปลูกได้ จะเป็นสายพันธุ์ CBD สูง CBD อยู่ที่ประมาณ 18 -24 เปอร์เซ็นต์ แต่ CBD มันไม่เมา และTHC ต่ำมาก อยู่ที่ประมาณ 0.2-0.3 เปอร์เซ็นต์ คือ เอาออกได้ง่ายเวลาสกัด

เพราะฉะนั้นตัวกัญชงที่เขาปลดล็อกแล้วไม่มีอยุ่ในบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ทั้งตัวต้นด้วย และสารCBD ด้วย ก็เพื่อที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะว่า CBD ในกฎกระทรวงฉบับที่ 429 อนุญาตให้ใช้ CBD ในยา อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ ซึ่งในต่างประเทศทำเรื่องนี้มาประมาณ 10 กว่าปี

มาที่กัญชามีสาร THC เขาต้องการบูมในเรื่องของการแพทย์ จะสังเกตไหมว่า THC ยังอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แพทย์ต้องสั่ง แพทย์ต้องคำนวนโดส เหมือนอาจารย์อ๊อด บาดเจ็บมา แพทย์จะให้มอร์ฟีน เขายังต้องคำนวนน้ำหนัก ก็เหมือนกัน THCก็ต้องคำนวนโดสว่า เหมาะกับคุณแค่ไหน

แต่ตอนนี้THC มันอยู่ในดอก อยู่ในใบ และออกมาสู่อาหาร ก็วนลูปเดิม อาจารย์จะใช้กี่ใบถึงจะเมา มันบอกไม่ได้ ก็ต้องมาเช็กก่อนว่าในใบมีเท่าไหร่ แต่จะเทสแบบ ATK ก็ไม่ได้ ต้องใช้เครื่องเฉพาะสำหรับการตรวจค่า THC

เพราะฉะนั้นต้องคุมโซน สหรัฐอเมริกาเสรีกัญชาเฉพาะบางรัฐ ของเราทั้งประเทศ เราเป็นประเทศที่เจริญกว่าสหรัฐอีก ไปเร็วกว่า อาจารย์อ๊อดคิดว่ากัญชงควรจะเสรีส่วนกัญชา ควรจะต้องมีกฎควบคุม ซึ่งก็ออกมาแล้ววันที่ 16 มิถุนายน แต่เผอิญบอกว่า อย่าไปสูบใกล้คนอื่นนะเดี๋ยวติดคุก 3 เดือน อันนี้ก็ยังดี แล้วก็ห้ามเด็กอายุ 20 เข้าถึงอันนี้ก็ยังดีเพราะว่า เด็กอายุยังไม่ถึง 20 ปี พัฒนาการทางสมองยังเติบโต THC จากกัญชาเป็นยาก็จริง แต่มันไประงับยับยั้งการพัฒนาการของสมอง

พูดง่ายๆ คือ ทำให้โง่ลง 8 เท่า ภาษาทางการแพทย์ หมายถึงว่าเด็กนะครับ คือ มันจะหน่วงไว้ 8 เท่า

นี่คือรายงานทางการแพทย์ เขาจะบอกเลยว่าเด็กห้ามใช้ ตอนนี้โรงเรียนในกรุงเทพมหานครก็ประกาศเขตโซน ซึ่งกัญชาทางการแพทย์ ยังต้องใช้ในสถานศึกษา ซึ่งมีประโยชน์ทางด้านการแพทย์ และด้านสันทนาการในบางโซน ฉะนั้นต้องคุมทำให้ได้เหมือนที่อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะส่งเสริมการท่องเที่ยว

พิธีกร : น้องอ๊อฟมีอะไรอยากจะแนะนำกระทรวงสาธารณสุขที่ปลดล็อกตรงนี้
ยุทธพงศ์ : จริงๆ ผมอยากพูดเรื่องเสรี ผมเองก็ ชอบนะครับ แต่ว่าเราก็ยังไม่อยากได้ คือ เราอยากได้สันทนาการแบบที่มีกฎกติกา คือ เราอยากเสียภาษี เราอยากใช้มันอย่างถูกต้อง เราอยากใช้มันแบบที่ไม่อันตราย ไม่ต้องแอบใช้ แต่เพียงแต่มีโซน มีกฎกติกาแต่คำว่าเสรีที่คนเข้าใจกันส่วนใหญ่ คือ เหมือนพริกเหมือนกระเทียม ถือไปไหนก็ได้ ปลูกที่ไหนก็ได้ แบบนั้นผมว่า มันจะมีปัญหาตามมาทีหลัง ผมเป็นห่วงสำหรับวัยรุ่นมากกว่า เยาวชนจะเข้าถึงง่ายถ้าเกิดเราไม่แซนด์บ็อก หรือ เซฟโซนอะไรเลย

พิธีกร : อาจารย์อ๊อด อยากฝากอะไรถึงกระทรวงสาธารณสุข
รศ.วีรชัย : ยังเห็นด้วยนะครับที่เขาทำ ทีนี้ถ้าเป็นกัญชาก็เหมือนเพลงร็อก เราไม่อยากฟัง เราก็เปลี่ยนไปฟังเพลงสตริงก็ไปที่กัญชง เพราะฉะนั้นก็ควรจะแจ้งนิดนึงเพราะคนที่เข้าไป เขาไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร เพราะฉะนั้นในร้านก็ต้องแจ้งให้ลูกค้าได้รับทราบ


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง