คัดลอก URL แล้ว
เสียงวิทยุจากข้างบ้านปั้นศิลปินภูไทเป็นหมอลำใหญ่ระดับประเทศ วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์

เสียงวิทยุจากข้างบ้านปั้นศิลปินภูไทเป็นหมอลำใหญ่ระดับประเทศ วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์

เพราะเสียงวิทยุจากข้างบ้านจึงทำให้มี วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ หมอลำใหญ่ระดับประเทศและได้เผยแพร่วัฒนธรรมของคนกาฬสินธุ์เรื่อยมา คุณพ่อวีระพงษ์เล่าว่าสมัยเด็กเวลากลับมาจากโรงเรียนช่วงพักเที่ยงต้องฟังหมอลำก่อนค่อยไปโรงเรียนสมัยก่อนไม่มีคนสอน จะเรียนจากเทป วิทยุ แล้วก็เอาบทกลอนเหล่านี้ไปร้องตามงานวัดและงานต่างๆ ศิลปินภูไทจะแตกต่างจากวงอื่นตรงที่เป็นหมอลำทำนองกาฬสินธุ์ เราอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยความเป็นภูไทก็จะเอาวัฒนธรรมภูไทไปเผยแพร่ให้พี่น้องได้ดูได้ชม

ด.ช.วีระพงษ์กับวิทยุของข้างบ้าน จุดเริ่มต้นของหมอลำภูไท

“ตอนนั้นทั้งหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้า แต่จะมีวิทยุธานินทร์เครื่องหนึ่งของยายที่อยู่บ้านข้างๆ กัน เพราะเขาจะชอบเปิดหมอลำช่วงเที่ยงจะเป็นลำเรื่องต่อกลอน เป็นเรื่องราวเวลากลับมาจากโรงเรียนช่วงพักเที่ยงต้องฟังหมอลำก่อนค่อยไปโรงเรียนทุกวัน เมื่อก่อนไม่มีคนสอน จะเรียนจากเทป จากวิทยุ เรียนแบบนี้มาเลย แล้วเอาบทกลอนพวกนี้ไปร้องตามงานวัดงานต่างๆ”

นำความเป็น “ภูไท” แสดงสู่สายตาของประชาชน

“ศิลปินภูไทจะแตกต่างจากวงอื่นตรงที่เป็นหมอลำทำนองกาฬสินธุ์ ก็จะแตกต่างจากคณะอื่นแตกต่างอีกหนึ่งจุดก็คือ เราอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยความเป็นภูไทก็จะเอาวัฒนธรรมภูไทไปเผยแพร่ให้พี่น้องได้ดู ได้ชม ก็จะเอาจุดๆ นี้เป็นงานโชว์หลักของประจำวงเรา”

ยุคสมัยเปลี่ยนไปการแสดงต้องปรับตัว

“เมื่อก่อนงานโชว์จะไม่โดดเด่น จะเป็นลำเรื่องต่อกลอนเป็นเต้นธรรมดา ทุกวันนี้มันต้องปรับให้ทันเหตุการณ์บ้านเมือง เราก็ต้องปรับตามยุคตามสมัยว่างานโชว์นี้เมื่อก่อนใช้คนไม่เยอะ ทุกวันนี้ใช้คนเยอะขึ้นและงานโชว์เราก็ต้องทำยิ่งใหญ่ ปรับไปตามยุคตามสมัย”

ปัญหาโควิดเดินสายทำการแสดงไม่ได้

“พอมาเจอปุ๊บปัญหาที่ตามมาก็คือ ความลำบากกับการเป็นอยู่ คือลูกน้องเราหลายๆ คนบางส่วนก็กลับบ้าน บางส่วนก็ไม่ได้กลับ เป็นสิบๆ ปีก็ยังอยู่กับพ่อวี พอเจอปัญหาโควิดเราก็ต้องรับผิดชอบ เราต้องเลี้ยงดูลูก ทุกสิ่งทุกอย่างค่าน้ำค่าไฟ แบกรับภาระค่าใช้จ่ายโดยที่เราไม่มีรายได้”

ผลกระทบของไวรัสทำให้เกิดความท้อ

“พอมีปัญหามาก็มีความท้อแล้วก็มองดูทีมงานที่อยู่กับเราไม่กลับบ้าน ก็ท้อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เราต้องปรับตัวให้อยู่จุดนี้ให้ได้ คิดดูว่าอาชีพเราเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องเจอปัญหา แต่พออยู่นานๆ ไปเห็นอาชีพอื่น เขาก็มีปัญหาเหมือนกับเรา แล้วเราจะทำอย่างไรให้อยู่กับมันได้เลยตัดสินใจให้ลดความเครียดลง เขาเจอเหมือนเรา เราเจอเหมือนเขา ก็มีแต่ส่งใจให้กัน แรงผลักดันก็คืออยู่ที่ใจด้วยความรัก ความเป็นหมอลำทำให้เราอยู่ได้”

วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ กับคำว่า… หมอลำ

“คำว่าหมอลำ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงทั้งตัวทั้งกายทั้งหัวใจแล้วก็เลือดทุกเม็ด มันเป็นคำว่าหมอลำไปหมด แต่พอพ่อมีโอกาสได้มาเป็นหัวหน้าคณะวีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ ศิลปินภูไท ความฝันของพ่อนี้ก็คือ เกิดคาดที่พ่อใฝ่ฝันพ่อไม่เคยคิดว่าจะมาเป็นผู้บริหารคนทั้ง 300 กว่าชีวิต แค่ความรู้ป.4 อันนี้ก็ถือว่าเป็นความภูมิใจของพ่อแล้ว”

คนในวงทั้ง 300 ชีวิต เปรียบกับเราเขาเหมือนอะไร?

“เปรียบเหมือนเขาเป็นแขน เป็นนิ้วมือ เป็นหู เป็นตา เป็นร่างกายของพ่อ เป็นความรู้สึกของพ่อทุกสิ่งอย่าง คน 300 กว่าชีวิตเป็นทุกส่วนของพ่อถ้าเข้ามาอยู่นี่แล้วต้องรักกันต้องไปด้วยกัน ลองคิดดูว่าการที่เรามีงาน 150-180 งานถึง 200 กว่างานเราไปด้วยกันทุกวัน กินนอน กินนอน ใช้รถเป็นบ้านใช้เวทีเป็นที่ทำงานมันเกินกว่าลูกที่มาอยู่กับเรา เกินกว่าน้องเกินกว่าเพื่อนความสัมพันธ์มันแน่นมากเพราะว่าอยู่ด้วยกันทุกลมหายใจ”

สิ่งที่ทำให้เป็นศิลปินภูไท มาจนถึงทุกวันนี้

“ด้วยตัวตนพ่อวีระพงษ์แล้วก็ทีมงานที่เข้ามาสร้างฝัน ที่เข้ามาสร้างต่อจากปีแรกจนถึงปัจจุบันที่สร้างรุ่นต่อรุ่นมาให้เป็นคำว่า ศิลปินภูไท จะไม่ยอมให้มันหายเลือนลางไปจากโลกหมอลำ จะให้มันเป็นคำว่าศิลปินภูไท แล้วก็จะสานไปเรื่อยๆ ให้พี่น้องได้เห็นได้ดูว่านี่คือวงศิลปินภูไท และเผยแพร่วัฒนธรรมของคนกาฬสินธุ์ต่อๆ ไป”


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง