คัดลอก URL แล้ว
ข้อคิดการใช้ชีวิต ก้อง ปิยะ กับเส้นทางความสำเร็จ เจ้าแม่อีเวนต์

ข้อคิดการใช้ชีวิต ก้อง ปิยะ กับเส้นทางความสำเร็จ เจ้าแม่อีเวนต์

เจ้าแม่ออแกไนซ์วงการอีเวนต์ไทย “ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล” จากนักแสดงที่ผันตัวสู่การเป็นผู้จัดละคร, ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์และเจ้าแม่ออแกไนซ์ ที่ได้รับการยอมรับฝีมือในการจัดงาน แต่กว่าจะถึงจุดสูงสุดในสายงาน ก้อง ต้องผ่านเรื่องราวร้อนหนาวมาแล้วหลายฤดู

สานฝันวัยเด็กด้วยการทำอาชีพคอสตูม

ก่อนที่จะมาเป็น ก้อง ปิยะ แบบทุกวันนี้ พี่ก้องเผยว่าผ่านหลายเรื่องราวมามากมายทั้งเรื่องร้อนเรื่องหนาว

เริ่มเดิมทีทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทแดชเอนเตอร์เทนเมนต์ ทำละครเวที ขายบัตรจำหน่ายบัตรแรกๆ เลย เงินเดือน 7,500 รับจ๊อบพิเศษเพิ่ม ตอนกลางคืนไปทำกับพี่ท้อป ดารณีนุช ที่โรงละครมณฑล เธียเตอร์ ไปเป็นคอสตูมได้เงินเดือน เดือนละ 3,000 บาท และก็ค่อยมาเล่นละครเข้าสู่วงการละครอย่างเต็มตัว

ความฝันตอนเด็กจริงๆ อยากเป็นดารา แต่หน้าตัวเองไม่ได้ ก็เลยไปทำเสื้อผ้าให้มันใกล้กับวงการบันเทิงมากที่สุด

จากนั้นทำงานเป็นผู้จัดการ PR ได้ประมาณ 5 ปี ก็มาเปิดบริษัทเอง มีหุ้นกับคนรู้จักอย่าง พี่ท้อป พี่ชุ และพี่เต็ง กับพี่จี๋ 5 คนหุ้นกันเปิดบริษัท ทำอีเวนท์ออแกร์ไนซ์เซอร์ ชื่อ SONIX YOUTH ช่วง 5 ปีแรกทำงานกระท่อนกระแท่น จำได้ว่าเริ่มแรกจากเงินคนละห้าหมื่นบาท เราร่วมกันเปิดและใช้บ้านของเพื่อนบ้าน บ้านคุณจี๋หนึ่งในหุ้นส่วน ชั้นล่างห้องรับแขกเป็นบริษัทแล้วก็เอาโต๊ะปิงปองมากางแล้วก็ทำบนโต๊ะปิงปองกัน แล้วก็รับงานไป จนมาถึงช่วงพีคของชีวิตคือช่วงที่ทำครีมอาบน้ำยี่ห้อนึงแล้วงานนั้นนำคุณลูกเกดมาในงาน

เหตุการณ์พลิกชีวิต เฟลจนอยากจะเลิกทำอีเวนต์

“ช่วงพลิกของชีวิตคือช่วงทำงานให้ลูกค้าที่เป็นครีมอาบน้ำยี่ห้อหนึ่ง โดยคอนเซ็ปต์คือให้ คุณลูกเกด-เมทินี อาบน้ำกลางแจ้งในงานนั้น โดยที่ยังอยู่ในตู้อาบน้ำ แล้วก็ใส่ชุดเรียวท่าดรัดรูปสีเนื้อ ผ้าหนาไม่โป๊แล้วลูกเกดจะอาบน้ำในตู้ที่อยู่บนรถที่วิ่งรอบสยาม เป็นอีเวนต์ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์อยู่หลายวันและก็ถูกหนังสือพิมพ์เขียนด่า ไม่ได้ด่าพี่แต่ด่าลูกเกด เพราะช่วงนั้นใกล้จะช่วงงานสงกรานต์ละ ซึ่งงานสงกรานต์ตอนนั้นเขาดันมีนโยบายว่า ให้ใส่เสื้อคอกระเช้าเล่นน้ำ ซึ่งลูกเกดเขามีสปิริตหน้างานมากเขาเข้าใจทีมงาน เขาบอกพี่ว่าเขาใส่ชุดเรียวท่าดรัดรูปก็ออกมาไม่โป๊จริง ๆ แต่ถ้าคนมองไกล ๆ อาจจะดูเหมือนโป๊แค่นั้นเอง

หลังจบงานนั้นพี่ก็คุยกับเขา ยอมรับว่าเสียใจมากทำให้เขาโดนด่าถึงพ่อถึงแม่ รู้สึกเฟลจนเหมือนอยากจะเลิกอยากจะออกจากวงการอีเวนต์ไป หลังจากสงกรานต์ตอนนั้นมาก็ฮึดสู้ใหม่อีกครั้ง เป็นการฮึดสู้ที่เปลี่ยนชีวิต เพราะหลังจากนั้นมีแต่คนโทรศัพท์เข้ามาติดต่องานกับเรา บอกว่าต้องการอีเวนต์ที่มีกระแส แปลกใหม่

เราเลยรู้แล้วว่า อ๋อ…

จุดขายบริษัทฉันคือความเป็นสีสัน คือการสร้างงานที่มีความครีเอทีฟไม่เหมือนคนอื่นนี่เอง

ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ช่วงโควิด ถึงจะเป็นช่วงที่แย่ที่สุดถึงขั้นร้องไห้เพราะบริษัทไม่มีงานเลย ก็แต่ผ่านมาได้เพราะมีลูกน้องที่เข้าใจ ซึ่งกว่าจะสำเร็จแบบที่เห็นทุกวันนี้ไม่ง่ายนะคะ ผ่านเรื่องยากจนคิดว่าต้องตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยคงดี”

คติการทำงาน รักการทำงาน เหมือนมีงานไว้เป็นผัว

เมื่อถามถึงการทำงานว่าคิดจะหยุดการทำงานมั้ย? พี่ก้องเผยถึงคติในการทำงานว่า

พี่คงไม่หยุดเนอะ พี่คงทำไปเรื่อยๆ เพราะพี่มีความรู้สึกว่า

พี่รักการทำงาน พี่เหมือนมีงานไว้เป็นผัวพี่อะ พี่อยู่กับผัวพี่ได้อย่างมีความสุข

เพราะพี่ว่างานไม่เคยทรยศพี่เนอะ แต่ผัวทรยศได้ผัวที่เป็นคนทรยศได้ แต่ผัวที่เป็นงานทรยศพี่ไม่ได้

รับชมคลิปสัมภาษ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “DNA TALK บุกคนต้นแบบ” วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคมนี้ เวลา 17.30 น. ทางช่อง MONO29 กับเรื่องราวของ ก้อง-ปิยะ ผ่านวิกฤตชีวิตครั้งนั้นมาได้อย่างไร


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง