นักกีฬาคิกบ็อกซิ่งทีมชาติไทยหัวใจสตรีเหล็ก ที่ “จิมมี่-พิฆเนศ สุขหยิก” สร้างความฮือฮาสนั่นโซเชียล หลังแสดงออกถึงการเป็น LGBTQ+ ในศึกการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่ผ่านมา โดย จิมมี่ เผยเบื้องหลังกว่าจะมีวันนี้ เคยแพ้จนถอดใจแต่ได้ครอบครัวยอมรับและกล้าที่จะเป็นตัวเอง
ถึงเราจะเป็น LGBTQ+ แต่พ่อแม่มั่นใจในตัวเราว่าทำได้!
“เคยมีโมเมนต์ที่มองตัวเองในกระจกแล้วพูดว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ มันท้อจัด ๆ เพราะว่าเป็นช่วงเวลา 1-3 ปีที่ไม่ชนะใครเลย กว่าจะได้เหรียญแต่ละเหรียญยากลำบากมาก เหนื่อยด้วยโดนต่อยทุกวัน แต่พอได้คุณครูที่เห็นไฟในตัวเราสอนเราให้อดทน จนหนึ่งปีผ่านไปได้ติดทีมชาติและสามารถชนะคนอื่น ๆ ได้ จึงเป็นแรงผลักดันจากตัวเองและครอบครัว ซึ่งพวกเขาคิดและเชื่อมั่นในตัวเราว่าเราทำได้
ถึงเราจะเป็นตุ๊ด เป็นLGBTQ+ แต่เขาก็ยังคิดว่าลูกเขาทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งสวยหรือพาร์ทการต่อสู้ เมื่อพ่อแม่เชื่อใจเราแบบนี้เราก็ต้องเชื่อใจตัวเอง
ไม่ว่าเราจะแพ้หรือชนะ This is ME ภูมิใจที่ฉันเป็นตัวของตัวเอง
เพราะทุกคนมีสองมือสองเท้าเท่ากัน คำพูดที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนของเราในทุก ๆ วันคือ เราเป็นความหวังสุดท้ายของครอบครัวแล้ว เราคือเสาหลักเราล้มไม่ได้ ถ้าล้มไม่ใช่เราแพ้ แต่ทุกคนก็แพ้เพราะฉะนั้นฉันต้องชนะ วันที่เราฟูลเทิร์นจนเป็นไวรัลไปในวันนั้นสร้างโอกาสขึ้นหลาย ๆ อย่าง
นี่ไงจิมมี่การที่เป็นเธอมันไม่ได้แย่เลย
มันไม่ได้มืดดำหรือเป็นหลุมบ่อใหญ่ที่เธอจะไม่สามารถปีนขึ้นมาได้
ไม่ว่าเราจะแพ้หรือชนะเราก็จะบอกว่า This is ME คงความภูมิใจที่ฉันเป็นตัวของตัวเอง
เรามาไกลจากที่คิดมาก แต่จะไม่หยุดแค่นี้ เป้าหมายต่อไปต้องขึ้นเวทีโอลิมปิกโลกให้ได้ เราอยากจะโชว์ความเป็นไทย ความเป็นตัวตน และโชว์ธงที่ติดอยู่บนหน้าอกว่า This is me from Thailand”
เบื้องหลังกระแสไวรัล เต็มไปด้วยความพยายามและแพชชั่นแรงกล้า ติดตามเรื่องราวของ “จิมมี่-พิฆเนศ” ได้ในรายการ “DNA TALK บุกคนต้นแบบ” วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายนนี้ เวลา 17.30 น. ทางช่อง MONO29