วลีฮิตติดหูที่หลายคนคุ้นเคย “ดูปาก ณัชชา” นะคะ ของ “ณัชชาวีณ์ โกศลพิศิษฐ์” ลูกสาว “บ็อบ ณัฐธีร์” ที่เคยเป็นพิธีกรเด็กในรายการ Asia connect ในช่วง ‘น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบ’ ซึ่งเธอแนะนำผู้ชมให้รู้จักศัพท์ภาษาอังกฤษและภาษาจีน และจะพูดวลี “ดูปาก ณัชชา นะคะ” ไปด้วย สาวน้อยคนนี้เก่งทั้งวิชาการและกิจกรรม เธอสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ สเปน จีน และ พม่า และยังเก่งคณิตศาสตร์เคยไปแข่งเวทีระดับโลกอย่าง World Mathematics Championships (WMC) ได้รางวัลเหรียญทองแดงจากการแข่งขันประเภทเดี่ยว และรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันประเภททีม
ล่าสุดเธอสอบติด 1 ใน 10 ไฮสคูลที่ดีที่สุด เป็นโรงเรียนประจำของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสอบเข้ายากเป็นอันดับต้นของโลก โดยในหนึ่งปี จะรับสมัครนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายเพียงแค่ 15 คนมีเปอร์เซ็นต์เฉลี่ยรับเพียงแค่ 9% เพียงเท่านั้น ไปอ่านแง่คิดดีๆ ของเธอเกี่ยวกับทัศนคติในการใช้ชีวิต ซึ่งเธอได้เผยในรายการ DNA TALK
1.ต้องมีชาเลนจ์ในชีวิตเพื่อการเติบโต
ณัฐชาพูดถึงโรงเรียนที่เธอเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ และดีมากๆ แต่รู้สึกเหมือนบ้านมากเกินไปเป็นเหมือนเซฟโซน เธอเผยว่า
“ISB เป็นโรงเรียนที่ดีมากๆ เหมือนบ้านของณัฐชาตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้เรียนมา 10 ปี ซึ่งรู้สึกว่าโรงเรียนนี้เป็นเหมือนบ้านเกินไป พอเราเหมือนอยู่ในเซฟโซนตัวเอง เราไม่ได้ชาเลนจ์ตัวเอง เราอาจจะไม่ได้เติบโตในสปีดของเราที่ได้เติบโตมาเท่าเดิม ซึ่งณัฐชารู้สึกว่าการมีชาเลนจ์ในชีวิตนั้นมันจำเป็น คือคุณต้องเจอกับความท้าทายเพื่อที่จะได้เติบโต“
2.คิดคำนวณถึงค่าใช้จ่ายการเรียนว่าพ่อแม่ต้องทำงานหนักขึ้นมั้ย
สอบติดแล้วแต่ ตอนนี้ลังเลเรื่องเงิน ว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานหนักมากขึ้นแค่ไหน เพื่อที่จะส่งหนูไปแค่คนเดียวได้จนจบมหาวิทยาลัย ถ้าคิดแบบลองเทอมก็ต้องคิดถึงน้องด้วย ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็คงจะต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่ด้วยการทำงานอะไรสักอย่างที่ช่วยหาเงิน
หนูเรียนไปเถอะพ่อทำงานไหว คุณพ่อก็พูดอย่างนี้ แต่หนูรู้ว่าคุณพ่อต้องทำงานหนักมาก แล้วไม่ใช่แค่หนูด้วย ต้องซัพพอร์ตน้องๆ ด้วย ณัฐชาอยากทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้คุณพ่อผ่อนคลายได้ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเลี้ยงดูน้อง หรือว่าแค่ตั้งใจเรียนที่โรงเรียน ณัฐชาคิดว่าสิ่งเล็กๆ พวกนี้สามารถช่วยให้คุณพ่อผ่อนคลายได้มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องงาน
3.ทุกอย่างที่เป็นณัฐชาในวันนี้ คิดว่าสร้างขึ้นมาเองโดยมีพ่อแม่เป็นแรงบันดาลใจ
ทุกอย่างที่เป็นณัฐชาในวันนี้ ณัฐชาคิดว่าสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง โดยการมองคุณพ่อคุณแม่เป็นต้นแบบของณัฐชา เท่าที่จำได้สอง-สามขวบเลย เดินได้ก็ไปดูคุณพ่อที่สตูดิโอ คุณพ่อทำงานหน้ากล้อง ตอนคัทเบรกคัททท!! ณัฐชาก็วิ่งเข้าไปเลย บอกอยากทำแบบนี้บ้าง อยากเป็นเหมือนคุณพ่อ อยากพูดต่อหน้ากล้อง และสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ นั่นคือสิ่งที่ผลักดันณัฐชามาถึงทุกวันนี้
4.คุณแม่ต้นแบบของการดูแลทุกคนได้
คือคุณแม่เนี่ยอย่างที่รู้มีลูกเยอะมาก ณัฐชาเห็นว่าคุณแม่เป็นคนที่แบ่งเวลาได้ดี และก็เป็นคนที่เทคแคร์ทุกคน ได้แรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ว่า เราก็ควรเป็นคนที่สามารถดูแลทุกคนได้ และก็นอกบ้านด้วยอย่างเช่น เพื่อน หรือคนอื่นๆ สำหรับในบ้าน ณัฐชา ก็พยายามดูแลน้อง คุณตาคุณยาย และก็ช่วยคุณแม่ทำหน้าที่
5.การมีพี่น้อง เหมือนคู่ซ้อม เหมือนครู เหมือนเพื่อน
ความรู้สึกตอนแรกที่ต้องเป็นพี่สาว ณัฐชาเผยว่า
“ตอนนั้นยังเด็ก ยังไม่ค่อยเข้าใจว่า พอเราเป็นพี่สาวแล้วเราต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอน้องโตขึ้นมาแล้วเรารู้สึก เอ๊ะ!! เริ่มไม่มีที่ยืนแล้ว เพราะว่าน้องเก่งมากค่ะ เก่งคนละด้าน คนละแบบ จนณัฐชารู้สึกว่า อะด้านนี้เราก็ไปไม่ได้ ด้านนี้คนนี้ก็เก่งแซงเราไปแล้ว เช่น ฝาแฝดก็เก่งด้านดนตรีแบบสุดๆ เลยค่ะ คนเล็กก็เล่นกีฬาได้หลายกีฬาและเก่งด้วยค่ะ ณัฐชาก็เห็นน้องเป็นคู่ซ้อม บางครั้งก็เห็นเป็นครูด้วยซ้ำไปค่ะ แต่น้องเหมือนเพื่อนเลยค่ะ ช่วยกัน เติบโตไปด้วยกันค่ะ
6.วันที่น้องไม่เห็นเราเป็นตัวอย่างแล้ว
การเป็นพี่สาวคนโต ณัฐชา รู้ว่าเราต้องมีความรับผิดชอบ ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับน้อง แต่พอวันนึงที่น้องอาจจะไม่เห็นเราเป็นตัวอย่างแล้ว เพราะเรามีปัญหากับน้อง เรารู้สึกเฟลกับการเป็นพี่สาวคนโตแล้ว เราไม่ได้เห็นใจน้องว่าน้องคิดยังไง เราลืมคิดไปคิดแต่เรื่องตัวเอง
วันนั้นก็คิดทบทวบในสิ่งที่ทำไป ก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่ปรึกษา หลังจากนั้นก็ไปขอโทษน้องว่า เจ่เจ้ ไม่ควรทำแบบนี้เลย เจ่เจ้ ทำผิดแล้ว พอเรามาเริ่มต้นกันใหม่กับน้อง เรามาเล่นกีฬากัน มาทำสิ่งที่เรารักด้วยกัน แล้วทุกอย่างมันก็โอเค จนถึงวันนี้ณัฐชาก็ยังไม่ได้ทะเลาะกับน้องอีกเลยค่ะ
6.ความเหนื่อยมันเป็นแค่เศษเสี้ยวของจินตนาการ
เท่าที่จำได้นะคะ มีตอนเด็กๆ เลย ประมาณ 5-6 ขวบ ที่ทำดูปากณัฐชานะคะ วันนั้นเพิ่งสอบเสร็จและรู้สึกเหนื่อยมากๆ และต้องมาทำงานต่อ และไม่อยากทำงานเลย คุณแม่ก็ต้องมานั่งคุยกันว่า เนี่ย ณัฐชา
“เวลาที่เราเหนื่อยอะเข้าใจได้ว่าเราเหนื่อย แต่ถ้ามันสร้างผลกระทบกับคนอื่นเนี่ยอยากให้เราเหนื่อยทีหลัง”
ส่วนวันนี้นะคะ ณัฐชารู้สึกว่า..
“ความเหนื่อยมันเป็นแค่เศษเสี้ยวของจินตนาการเท่านั้น” แต่ถ้าเราคิดว่ากิจกรรมที่เราทำมันเยอะเกิน มันเหนื่อย เราก็จะเหนื่อยค่ะ แต่ถ้าเราคิดว่ากิจกรรมแทนที่มันจะเอาพลังงานเราออกไป มันเสริมพลังงานให้เราขึ้นมา เพราะเราชอบในการทำกิจกรรมนี้ เรามีความสุขในการทำมัน เราอยู่กับคนที่เรารัก คนที่เราอยากเล่นด้วย
ณัฐชาคิดว่า ถ้าเราคิดแบบนี้มันจะทำให้เราไม่มีความเหน็ดเหนื่อยเลยค่ะ มีแต่รู้สึกดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆ
รับชมคลิปแบบเต็มๆ ได้ที่ : ต้นแบบและแรงบันดาลใจกับความสำเร็จของ “น้องณัชชา-ณัชชาวีณ์ โกศลพิศิษฐ์ “