คัดลอก URL แล้ว

อาภาพร นครสวรรค์ 10 เรื่องเส้นทางชีวิต เลิกแล้วค่ะ ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

หลายคนเห็นทำไม อาภาพร รวยจังเลย ทำไมมีบ้านหลังใหญ่ อยากบอกว่าเราทำงานทุกวัน ไม่ได้หยุดเลยนะ การที่จะมายืนจุดนี้ได้ ผ่านอะไรมาเยอะมาก ต้องเจออุปสรรค ทั้งจิตใจ ทั้งร่างกาย “ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์” มาแชร์ประสบการณ์เส้นทางความสำเร็จและการฝ่าฟันที่กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ มีแนวคิดอะไรบ้าวที่ทำให้เธอก้าวพ้นอุปสรรคต่างๆ มาได้

1.เสียงน่าสนับสนุน แต่หน้าไม่ทันสมัย

อาภาพร เล่าว่า เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่หวังจะเข้ามาประสบความสำเร็จในกรุงเทพฯ เหมือนคนอื่นทั่วไป ไม่ได้มีความรู้อะไร มาแบบนักร้องบ้านนอกคนหนึ่ง มีเงินมา 700 เสื้อผ้า 3 ชุด เดินทางมาถึงสถานที่ทำงานที่สมัครเป็นนักร้องคั่นเวลา ก็ลองร้องเพลงให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า เสียงน่าสนับสนุน แต่หน้าไม่ทันสมัยเลย ถ้าเป็นสมัยนี้ก็เรียกว่าโดนบลูลี่ เราก็เดินสายไปกับเขาร้องเพลง เป็นหางเครื่อง เป็นนักร้องคั่นเวลา ขายของหลังเวที

2.อัลบั้มแรกขายได้เกือบแสนตลับ

มีโอกาส หัวหน้าให้ลองฝึกร้องเพลงไปเรื่อยๆ จากร้องเพลงคั่นเวลา ก็มาร้องเพลงแปลง เป็นอั้ลบัมแรก แล้วดันขายได้อยู่เกือบแสนตลับ เทปม้วนนึงตอนนั้น 55 บาท ขายหน้าเวทีเวลาพี่ขึ้นร้อง ก็เลยกลายเป็นว่าต้องมีอัลบั้มที่สองที่สามมาเรื่อยๆ ตอนนั้นใช้ชื่อ น้องนิด ศิษย์บุญโทน

3.ได้จับคู่ร้องกับ ยิ่งยง ยอดบัวงาม จุดเริ่มต้นความปัง อาภาพร

พี่ยิ่งยอดอัลบั้ม สมศรี 1992 ดังมาก สมัยนั้นถ้านักร้องลูกทุ่งคนไหนดัง จะมีนักร้องเพลงแก้ เหมือนเป็นคู่ดูโอ้ เลยได้จับไปร้องคู่กับพี่ยิ่งยง ขายได้เกือบล้านม้วน แต่ของพี่ยงขายได้สี่ล้านกว่าม้วน ก็เลยเกิดมาเป็นอาภาพร ตอนนั้นจะเลิกร้องเพลงแล้ว เพราะเข้าอัลบั้มที่ 9 ปีที่ 9 ที่ยังหาเงินให้บริษัทไม่ได้เลย บริษัทก็เรียกคุยว่าถ้าอัลบั้มชุดนี้ไม่ดังก็แยกทางนะทางใครทางมัน

4.จุดเปลี่ยน อัลบั้มเลิกแล้วค่ะถ้าไม่ดัง ก็พังเลย

อัลบั้มเลิกแล้วค่ะ ออกมาปลายปี 2539 มีสองทางให้เลือกคือ ออกจากวงการไปเลยเพื่อไปทำอะไรก็ได้ เพราะเค้าไม่เอาเราแล้ว จนมีวันนึงเทปเลิกแล้วค่ะออกไปเดือนครึ่งละ เราไปนั่งรอตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงตีสอง เป็นนักร้องคั่นเวลาจริงๆ เพราะเราไม่มีชื่อเสียง ระหว่างรอก็เห็นตลกทุกคณะเปิดเพลง เล่นเพลงเราแล้วก็ล้อเลียน เราก็เอ๊ะ เพลงตลกก็เล่นเยอะแยะเลย คิดว่ามาถึงระดับนั้นต้องดังแล้ว แต่ทำไมตัวนักร้องนั่งอยู่และต้องรอให้คนอื่นขึ้นไปแล้วร้องเพลงเรา เพลงก็ดังนี่หว่า ทำไมเทปมันขายไม่ได้ เราก็คิดว่าคงต้องเลิกแล้วแหละ

พออาทิตย์นึงผ่านไปมีรายการทีวีติดต่อมา รายการแรกเลยในชีวิต เค้าอยากเอานักร้องมาสัมภาษณ์ว่าใครเป็นคนร้องเพลงนี้ จากเก้าปีที่ขับรถผ่าน วิลล่ากับพระรามเก้า มีนักร้องขึ้นชื่อ ยิ่งยง ยอดบัวงาม, ยุ้ย ญาติเยอะ ใครต่อใครเต็มไปหมด สุนารี, ยอดรัก เราอยากมีรูปแบบเนี่ย มีวันนึงขับรถผ่านแล้วเห็นรูปเรา เรากรี๊ดแบบดีใจแบบมันมาถึงแล้วเหรอ การออกทีวีคือทำให้ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

5.ไม่ชอบเป็นหนี้

พอได้ออกทีวี ชีวิตเปลี่ยนไปเลย มีงานเข้าเยอะมาก แต่เรารับงานได้เต็มที่ 9 งานต่อวัน ก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ เอาเงินไปโปะหนี้หมดเลย เราไม่อยากเป็นหนี้ ไม่ชอบเป็นหนี้ เราจำแม่นเลยกับการเป็นหนี้แล้วต้องขับรถหนีเขาทุกวัน พอเก็บเงินได้เป็นก้อน เราไปโปะค่ารถ ค่าบ้าน ทุกอย่าง

เคยคิดอยากหยุดทำงานแต่ทุกคนยังไม่ได้สบายเหมือนเรา จริงๆ อยากหยุดนะบางครั้ง มันเหนื่อยอะ ด้วยวัยของเราด้วย ถ้าตัวเราโอเคเราสบายอยู่ละ แต่เป็นคนที่มองเห็นพี่น้องทุกคนเค้ายังไม่ได้สบายเหมือนเรา ถามตัวเองตลอดเรายังทำไหวอยู่ใช่มั้ยอาภา อะทำไหวทำไป ทำไปเรื่อยๆ ก็เหมือนได้ทำบุญ

6.ความรักโหยหาบ้างแต่ก็ต้องหยุด

เคยคิดอยากมีความรักบ้างบางอารมณ์ แต่พอคิดไปเราก็ต้องหยุดด้วยตัวเอง ถ้าเรามีเค้าจะดูแลพี่น้องเราแบบนี้มั้ย เค้าคงจะต้องขัดกับเราแน่ถ้าเราให้เงินกับญาติคนเนี่ยที่ลำบากมา ขอสักก้อนนึง หรือเราจะให้แม่ ให้พี่ หรือให้น้องอะ มันต้องทะเลาะกันแน่ๆ ตอนนี้เราตัดสินใจอะไรเราก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ต้องปรึกษาใคร ก็เลยตัดความสุขของตัวเองออกไป แล้วก็หาความสุขอย่างอื่นมาทดแทน โดยการทำงาน อยู่กับเพื่อนสาว เพื่อนๆ เฮฮา ยิ่งตอนนี้มีโซเชียล ชาวเน็ตทั้งหลาย เราท่องโลกได้เลย ก็ได้หาทางออกอีกแบบหนึ่ง

ก็อยู่ได้นะ เหงานะไม่ใช่ไม่เหงา บางครั้งเราไปเจออุปสรรค เจออะไรหนักๆ เราก็อยากมีใครสักคนที่คุยกับเราได้ทุกเรื่อง แต่อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่รู้จะโทษเบื้องบนหรือโทษตัวเองว่าเรากลัวมากเกินไปหรือเปล่า บางทีสงสารตัวเองเหมือนกัน

7.ตัวเราเองทำให้ผ่านอุปสรรคไปได้ และแม่คือจุดสำคัญที่สุดในชีวิต

บางทีก็ยืนดูกระจก เธอเก่งนะฮาย เธอไม่ได้มีความรู้ติดตัวมาเลย ไม่ได้จบปริญญาตรี ปริญญาโท หรือว่าเธอไม่ได้เป็นด็อกเตอร์ แต่เธอมายืนอยู่ในจุดนี้ได้ยังไง ช่วยทุกคนได้ยังไง ทุกคนดีขึ้น

ต้องบอกเลยว่าจุดสำคัญของพี่คืออยู่ที่แม่ เหลือคนเดียวที่เรารู้สึกว่าต้องแคร์ในโลกใบนี้ ใช้ชีวิตให้มีค่าด้วยการดูแลผู้หญิงคนนั้น ก็คือแม่ ให้มีความสุข

แม่เด็กลงทุกวัน เราต้องรองรับอารมณ์คนแก่ ดุก็ไม่ได้ ตีก็ไม่ได้ พูดเสียงดังไม่ได้ เหนื่อยมาก ทรมานมาก แต่เราก็นึกย้อนกลับไปสมัยเราเป็นเด็ก เค้าก็เลี้ยงเรามาได้ ค่อยๆ จูงมือและค่อยๆ เดินทีละก้าว ล้มลุกเขาก็อุ้มเราขึ้นมา เห้ย แค่เนี่ย ทำไมเราทนเค้าไม่ได้

แม่อายุ 80 แล้ว เราไม่รู้หรอกว่าเค้าจะอยู่ได้อีกกี่วัน เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีเค้าแล้วเราจะได้ไม่เสียใจ ทำบุญทุกครั้งภาวนาว่า ขอให้แม่ไปก่อน

เราก็มานั่งคิดอีกทีว่า ไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีใครตาย ทุกบ้านมีการสูญเสียหมด ก็เลยพยายามทำใจอยู่ตลอดเวลา เห็นแม่แก่ทุกวันๆๆ ถ้าแม่ไปก็ต้องอยู่ให้ได้

ขอบคุณร่างกาย ขอบคุณจิตใจ ขอบคุณความแข็งแรง ขอบคุณที่มีแม่สร้างมาเป็นอาภาพร

8.วิธีแก้ปัญหา แก้ไม่ได้ข้ามมันไปก่อน รอเวลา

สมมติปัญหามันมีอยู่ 10 เรื่อง วันนี้เราอาจจะแก้ได้เรื่องเดียว พรุ่งนี้เรื่องนี้แก้ไม่ได้เดินข้ามมันไปเลย ข้อสองแก้ไม่ได้ ไปแก้ข้อที่สาม ที่สี่อาจจะไม่ได้ก็ข้ามมันไป แก้ข้อที่ห้า ปัญหาทุกเรื่องบางอย่างต้องเวลา

9.นั่งนิ่งๆ เป็นการให้รางวัลตัวเอง

การให้รางวัลตัวเองคือการนั่งนิ่งๆ และสวมมนต์ คือเป็นคนที่ต้องสวดมนต์ทุกวัน ก่อนนอนและนั่งคุยกับพระ วันนี้เหนื่อยจังเลย ลูกไปเจออะไรมาก็ไม่รู้ และก็เปิดบทสวด แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวร พ่อแม่ ญาติพี่น้อง บางทีอยากร้องไห้ก็ปล่อยออกมาบ้างแต่ไม่ได้อยากให้ใครเห็น เราเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ มีหัวใจเหมือนกัน อยากร้อง ร้องเลย คนที่เป็นซึมเศร้า ไบโพล่าอะไรก็แล้วแต่ เพราะเก็บสิ่งๆ นี้ไว้เยอะเกินไป เก็บมากๆ พอถึงเวลาจุดระเบิดเนี่ยเราเอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้นมีอะไรแสดงออกมาเลย ถ้าเขามีโอกาสได้คุยกับใครสักคนที่ฟังเค้าได้ทุกเรื่อง คุณพูดเถอะค่ะ แล้วคุณจะโล่งแล้วคุณก็จะปล่อยมันไป

10.มีคนมาถามทุกวัน ทำไมไม่รวยสักที ขอเงินหน่อย

มีคนถามคำถามนี้ทุกวัน เข้ามาในอินบ็อกซ์ เข้ามาในไลฟ์สด ทำไมหนูไม่รวยสักที ทำไมทำอะไรก็มีแต่ล้มเหลว หนูขอเงินหน่อยสิ หนูอยากจะไปเปิดร้านทำโน่นทำนี่ หนูเจอปัญหาอย่างนี้ๆ

พี่อยากบอกว่า

ทุกคนต้องเจอสิ่งเหล่านี้ค่ะ เพราะฉะนั้นลองสู้กับมันดูแล้วอดทนกับมัน วันนี้เราเปิดร้านขายข้าวแกงอาจจะได้แค่ร้อยเดียว ถ้าของคุณอร่อยจริง ใส่ใจกับการทำงานของคุณ แต่ละงานที่ได้รับมอบหมาย มันต้องประสบความสำเร็จ

พี่อยู่วงการกว่าจะประสบความสำเร็จ 9 ปี เพราะพี่กัดฟันทน มันต้องมีสักวันที่เป็นวันของพี่ พี่คิดแบบนี้ มันต้องมีสิ เราทำด้วยใจ ทำเต็มที่

คนเรามันไม่มีอะไรที่ไม่ผิดหรอกค่ะ คนที่ไม่ผิดคือคนนอนเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร อยู่บ้าน การทำงานมีผิดถูก ผิดแก้ไข ถูกลุยต่อ มนุษย์ทุกคนมีสมองสองมือเหมือนกันหมด อยู่ที่ว่า ใครจะแตกฉานกว่ากันเท่านั้นเอง


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง