เรื่องราวเส้นทางความสำเร็จของ เจ้เล้ง-อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร เจ้าของกิจการพันล้านย่านดอนเมือง ที่มีรายได้ต่อเดือนเกือบเก้าหลัก เธอจะมาเผยถึงเส้นทางการทำธุรกิจ ว่าทำอะไรไปบ้าง ทำยังไงให้ประสบคามสำเร็จได้ดั่งเช่นทุกวันนี้
แนวคิดการทำธุรกิจของ เจ้เล้ง
เจ้เล้งเป็นคนแก่ที่หยุดไม่เป็น คือหยุดคิดไม่เป็น หยุดทำงานไม่เป็น ถามว่างกไหม ไม่ได้งก แต่ทำแล้วต้องชนะ! สิ่งสำคัญคือ ทำแล้วแพ้ไม่ได้! อยากจะลดอายุตัวเองให้เหลือ 30 ตอนนี้อายุ 76 จะ 80 อยู่แล้ว สมัยก่อนเราคิดนอกกรอบไม่ได้เลย เพราะเราต้องสร้างฐานะขึ้นมาก่อน เพราะเราสร้างฐานะขึ้นมาได้แล้ว ในวันนี้เราพอใจในสิ่งที่เรามี
เราก็จะทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ อยากจะลองอยากจะรู้ แต่วิธีลองวิธีรู้ต้องไม่เสี่ยง ไม่เคยทำตัวเองให้ไปลองแล้วเสี่ยงหมดแล้วต้องทำยังไง คำนี้ต้องไม่มี แต่ต้อง ทำยังไงถึงจะไม่หมด แล้วก็ได้เพิ่มขึ้น
ธุรกิจที่ทำตอนนี้
- ร้านเจ้เล้ง
- อพาร์ทเมนท์ให้เช่าเกือบ 2,000 ห้อง
- กำลังจะสร้าง A&J เรสซิเดนซ์ประมาณ 5,000 ห้อง
- กำลังจะสร้าง A&J แลนด์ จะทำเป็นสวนมังคุด สวนทุเรียน ที่เกิดขึ้นในกลางกรุงและจะเป็นบ้านพักคนชรา ก็คือเป็นโปรเจคก์ค่อนข้างใหญ่พันล้านขึ้น
ทุกอย่างที่ทำเกิดขึ้นจากสมองเราจริงๆ ก็เป็นการเรียนรู้ ผิดบ้างพลาดบ้างไม่เป็นไร จนปัจจุบันประสบความสำเร็จเพอร์เฟคเลย
เวลาคิด เวลาทำอะไร ก็ต้องคำนวณก่อนถึงสิ่งที่ต้องใช้ในธุรกิจ เช่น ทำสวนทุเรียน น้ำไฟพร้อมมั้ย ต้องทำยังไง และเวลาปลูกเช่น ปลูกมาสามปีครึ่ง ปีที่แล้วขายได้สองล้านกว่า ก็โอเคเฟอร์เพค
ทำไมถึงคิดทำ “บ้านพักคนชรา”
เจ้เล้งไม่มีลูก เอาหลานมาเลี้ยง ซึ่งหลานก็ต้องเป็นคนดูแลเราใช่ไหม แต่ถ้าเราไม่มีคนดูแลล่ะ คือเราคิดตอนอายุ 50 กว่าเลยว่า สักวันเราต้องทำบ้านพักคนชรา ทำเพื่อเราหาเพื่อนที่จะมาอยู่กับเรา แก่ๆ ด้วยกันมาดูแลกันไป ดูแลกันมาและก็ตั้งเป็นองค์กรที่จะมีคนมาดูแลคนที่แก่แบบเราได้โดยที่เราไม่เหงาไม่มีลูก
เมื่อก่อนเลยจริงๆ เนี่ยบ้านจะอยู่แทบไม่มี ต้องเช่าบ้านหลังละ 50 บาทอยู่ ก็คิดว่าวันนึงเราต้องมีบ้าน มีที่ของเราให้ครบให้ได้ เราก็มีได้ตามที่เราตั้งเป้าไว้ และวันที่จะมาถึงเวลาอันใกล้สมควรละ สิ่งแรกเลย
1.หาบ้านที่อยู่เมื่อเราจากไปแล้ว ก็คือ ทำฮวงซุ้ยให้ตัวเอง จิ้มที่ไว้เลยก็ทำสวนทุเรียน อย่างน้อยเราก็ได้อยู่ในที่เรา
2.ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะปรับตัวเองยังไงกับโลกใหม่ที่มันเปลี่ยนแปลงเร็วมากเลย จะมานั่งทำธุรกิจแบบนี้ทุกวันก็คงอาจจะไม่ใช่ที่ถึงเวลาที่เราจะอยู่ตรงนี้ ธุรกิจตอนนี้ต้องเป็นเด็กรุ่นใหม่ ที่เค้าค่อนข้างจะไว ต้องชกชิง แต่ธุรกิจที่เราทำไม่ใช่ เราทำของดีราคาถูกให้ทุกคนได้ซื้อได้ใช้และยังคิดถึงเรา เจ้เล้งเลยมีลูกค้าประจำตลอดเวลา เราค่อนข้างยึดติดในความถูกต้องที่ให้ผู้บิรโภคได้ของดีจากเราไป เราไม่เน้นกำไรเราเน้นคุณภาพที่ใช้ได้
การปรับตัวกับธุรกิจเทรนด์ใหม่ๆ
ผู้ใหญ่คนรุ่นอย่างเราเมื่อทำธุรกิจประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งก็ต้องรับฟังความคิดเห็นเด็กรุ่นใหม่บ้าง เคยจ้างพนักงานมาทำออนไลน์แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเราไม่มีความรู้เรื่องจริงพวกนี้
เพราะฉะนั้นคนที่จะมาขายออนไลน์ให้เรา ต้องรู้เรื่องผลิตภัณฑ์สามารถพูดอธิบายได้ มันถึงจะไปด้วยกัน สุดท้ายเอาคนที่ไม่มีความรู้ เอาพนักงานในร้านที่เป็นคนขาย มาตอบ มาฝึกให้ใช้โทรศัพท์ เห็นเล่นเฟสเล่นไลน์กันเยอะ มาเลยมาทำเลย ก็กลายเป็นยอดพุ่งขึ้นมาทันที ก็เลยทำให้ประสบผลสำเร็จเรื่องออนไลน์ ซึ่งเราไม่ได้จ้างคนนอกให้มาทำเลย จ้างแต่ระบบมา แต่ขายจริงๆ เป็นพนักงานของเราในร้านเป็นคนขาย หัวใจสำคัญของการประสบความสำเร็จคือเราต้องรู้จักสินค้าตัวเองด้วย
มองเทรนด์การขายของในอนาคตยังไงบ้าง
ต่อไปการทำธุรกิจจริงๆ ก็ค่อยข้างยาก เปิดร้านแบบเจ้เล้ง แบบซื้อไปขายมา ต่อไปมันจะค่อยๆ ยุบและหายไป เจ้เล้งก็ยอมรับนะคะว่าที่ร้านอยู่ได้เพราะ เจ้เล้งเป็นคนชอบของแปลกใหม่ เราจะมีสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามา
ต่อไปลูกจะเก่งเท่าเรามั้ย ถ้าไม่ได้เราก็มีสเต็ปที่สองทำธุรกิจต่อ ธุรกิจจะอยู่ได้ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อย่ามองสูงเกินไป มองกลางๆ มองสิ่งที่มันเป็นไปได้
เราเองเป็นคนทำธุรกิจที่ไม่ก้าวกระโดด เจ้เล้งไม่เคยเหิมเลยว่า ทำนี่ต้องได้เท่านี้ๆ คิดคำเดียวว่า ทำยังไง เมื่อทำแล้วต้องไม่ขาดทุน เป็นคนวางแผนล่วงหน้าตลอด กลางวันเราทำงานทั้งวัน สมัยก่อนทำคนเดียวหมด ปัจจุบันมีมือ มีแขน มีขาเยอะ ก็ไม่ค่อยมีอะไรให้คิดเยอะแล้วในร้านเค้าก้อทำกัน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น สิ่งที่เป็นตอนนี้ อายุมากแล้วไม่ได้คิดอะไรเยอะทำยังไงให้ชีวิตมันดำเนินผ่านไปได้ด้วยตัวเราทุกวัน ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่เป็นอะไร
ชีวิตตอนนี้มีความสุขทุกวัน
เป็นคนไม่ค่อยเครียดเรื่องงาน เพราะวางเป็นระบบ เช้าตื่นขึ้นมาทุกอย่างมันก็สมูทๆ ของมันไป วิธีการผ่อนคลายคือการออกกำลังกาย เครียดมากๆ ก็จะออกกำลังกาย ก็คิดนู่นคิดนี่ไปด้วย อะไรที่มันไม่ได้ก็ต้องตัดใจว่ามันไม่ได้ อะไรที่มันได้ก็ต้องรีบกอบโกยไว้ เอาไว้แน่นๆ และให้มันอยู่กับเรานานๆ
ตอนนี้อายุ 76 ใกล้ 77 แล้ว ก็มีความสุขทุกวัน เราไม่มีผู้เราอยู่คนเดียว ทุกคนนึกว่าจะเหงา กลายเป็นว่าเรามีความสุขที่เราได้อัปเดตตัวเองมากขึ้น อัปเดตแทบจะตลอดเวลา เห็นอะไรใหม่ไม่ได้จะต้องไปศึกษา
ทำในสิ่งที่เราอยากทำก่อนค่อยนึกถึงคนอื่น
คนแก่หลายคนพอเริ่มจะเกษียณหรือเกษียณแล้วก็จะมองอินกับคนอื่น เช่น อินกับลูกหลาน อย่างจะกินข้าว เราเองไม่อยากกินวันนี้ แต่ลูกอยากกินเราต้องกินตามเค้าหรือทำให้เค้ากิน อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด! ทำในสิ่งที่เราอยากก่อนค่อยนึกถึงคนอื่น แต่สิ่งหนึ่งคือ ต้องดูแตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยหน่อย เจ้เล้งวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่อายุ 40 เมื่อเราแก่เราต้องมีทุกอย่างให้พร้อมที่เราจะดูแลตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่นมากนัก แล้วเราก็จะมีความสุข เราจะทำในสิ่งที่เราอยากทำได้ เพราะฉะนั้นเจ้เล้งก็แนะนำ วัยรุ่น หรือวัยกลางคน ควรจะคิดเผื่อว่าแก่ๆ เราจะทำยังไง ไม่ใช่นาทีนี้ใครทำอะไรก็ทำตามหมด พอตอนแก่เราไม่มีอะไรที่จะเก็บไว้ดูแลตัวเอง
อีกส่วนสำหรับคนที่มีเงิน พอเห็นว่าลูกเก่งก็ยกอะไรให้ลูกหมดเลย เจ้เล้งบอกเลยว่าผิดค่ะ ก็ต้องให้เค้าทำมาหากินได้ แต่เราก็ต้องมีส่วนของเราที่ทำมาหากินได้ โดยที่ถ้าเขาให้เราก็ได้ไม่ให้เราก็ได้ เราต้องอยู่ให้ได้ด้วยตัวเองให้ได้ ไม่ใช่มีอะไรไปให้คนอื่นหมด