“นาวินต้าร์” หรือ “ดร.นาวิน เยาวพลกุล” ดีกรีพระเอก-นักร้องดัง ออกมาเผยถึงประเด็นที่ โดนหลอกเงิน 5 ล้านบาทให้กับ มิจฉาชีพออนไลน์ (ไม่ได้โดนหลอกจากคอลเซนเตอร์แต่เป็นการโดนหลอกจากคริปโต) แบบที่เจ้าตัวก็คาดไม่ถึงว่าจะโดนหลอกได้ด้วยวิธีนี้ โดนได้มาแชร์ประสบการณ์ใน รายการทัวร์มาลง เป็นที่แรก ถึงรายละเอียดว่าโดนหลอกได้ยังไง
เงินหาย 5 ล้าน นาวินตาร์ เผยขั้นตอนที่มิจฉาชีพหลอก
พลาดกดลิงก์จากเว็บฯ ที่เคยอ่านแบบไม่ทันตั้งตัว
นาวิน ตาร์ เผยถึงประเด็นที่โดนมิจฉาชีพออนไลน์ไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค่าเสียหายประมาณ 8 ล้านบาม พอรู้ตัวว่าโดนก็เงียบไปเลย 2-3 ชั่วโมง คือเสียใจและร้องไห้ประมาณเดือนนึง เพราะก็คิดว่าตนมีภูมิต้านทานที่มากพอสมควร ขนาดที่มั่นใจมากๆ ว่าจะไม่ถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอก
โดยเรื่องเริ่มจาก “ผมเปิดอ่านข่าวในเว็บไซต์ที่อ่านเคยอ่านเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เว็บฯ ไม่มีระบบคัดกรองว่าใครเป็นคนเขียน โดยในวันนั้นที่เกิดเหตุเจอเรื่องที่สนใจมากๆ ซึ่งติดตามอ่านมาเป็นเดือนๆ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ คนก่อตั้งอีเธอร์เรียม (สกุลเงินดิจิทัล) เค้ามีความริเริ่มที่จะคืนค่าแก๊ส เวลาที่เหรียญคริปโตมันมีการ Transactions กัน มันต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
ผมจ่ายค่าธรรมเนียมมาหลายปีสิบปีเนี่ยผมแน่ใจว่าต้องเยอะมากๆ ผมก็อยากรู้ว่าค่าธรรมเนียมที่ผมจ่ายไปทั้งหมดมันมีค่ามากน้อยแค่ไหน ที่นี้มันมีลิงก์อยู่อันนึงที่ต้องกดลิงก์กับกระเป๋าตังของเราเข้ากับเว็บแอปฯ ของเค้า วินาทีนั้น กดปุ๊บ เอ๊ะ! กดอะไรไป!?” ก็เงินหายไป 40 อีเธอร์เรียม ตอนนั้นประมาณ 8 ล้านบาท
ที่นี้กระเป๋าตังค์มันมีหลายแบบ แต่กระเป๋าตังของผม ตัวเองเป็นคนรับผิดชอบเอง อยู่ในมือชั้น ชั้นเป็นคนตัดสินใจเองทุกอย่าง มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียคือเราสามารถตัดสินใจผิดอย่างที่ผมตัดสินใจไปได้ ดันไปกดพลาดไป กดปุ๊บมันโอนเงินผมออกไปเลย ไปเข้าอีกบัญชีนึงซึ่งเป็นบัญชีคริปโตเหมือนกัน เวลาที่เรามีเหรียญคริปโตเนี่ยทุกกระเป๋าตังมันไม่มีชื่อ
มันเป็นอุทาหรณ์นะว่า
เงินคุณหายในบัญชีประเทศไทย ยังมีข้อมูลตามได้ ถ้าเงินคริปโตของคุณโอนเงินไปบัญชีอื่น จะตามยังไงครับ แล้วใครบอกว่าเหรียญคริปโตมันปลอดภัยกว่าบัญชีทั่วไป อันนี้คือตัวอย่างที่ไม่ใช่อะ
ผมอยากจะบอกเลยว่า
นี่คืออุทาหรณ์จริงๆ ถ้าท่านผู้ชมได้บทเรียนอะไรบางอย่างจากผมไป คือยังงี้ครับ ต่อให้เรารู้เรื่องราว ต่อให้เราเก่งแค่ไหน ทุกคนมีความประมาทกันได้ เราก็โดนหลอกได้
วิธีการดูเหรียญคริปโตว่าเงินปลายทางไปที่ไหน
นาวินตาร์เผยถึงการดูเหรียญคริปโตว่าเงินปลายทางไปที่ไหนว่า.. “ดูจากหมายเลขกระเป๋าที่ผมโอนเข้าไป สามารถเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของเขา (มิจฉาชีพ) ได้ด้วย ว่าเค้าเอาเงินเราโอนไปที่บัญชีไหน ทำอะไร ซึ่งเค้าก็เป็นบัญชีนึง ซึ่งถ้าจะตามว่าใครเป็นเจ้าของบัญชีนี้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่เกินความสามารถมันสมองผมที่จะไปจัดการมันได้
ผมได้ปรึกษาเพื่อนที่เป็นแฮกเกอร์ เค้ามีความรู้เรื่องนี้มากกว่าผมเยอะ หลายคนด้วยกัน เค้าคอนเฟิร์มอย่างที่ผมเข้าใจอะว่า มันตามได้ยากมาก และมีเปอร์เซ็นต์น้อยที่จะได้คืน
ผมก็แจ้งความนะครับตามระเบียบทุกอย่าง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายแล้วกัน ช่วยดำเนินการให้ผมก็ดีครับ
รู้ทันกลโกงมิจฉาชีพออนไลน์ดูดเงิน-ในไทยคดีเฉลี่ย 1,000 รายต่อวัน
พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. ได้ให้คำแนะนำว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ นาวิน ตาร์ โอนเข้าไปถึงแม้จะไม่มีการระบุตัวตน แต่มันก็มีช่องทางในการให้สืบว่าเว็บนี้อยู่ที่ไหน อย่างไร ใครเป็นคนทำ และมีเครื่องไม้เครื่องมือดูมอนิเตอร์ว่า สุดท้ายเงินไปที่ไหน แม้จะเป็นกระเป๋าที่ไม่ระบุตัวตน เค้าก็ต้องเอาเงินออกที่พวกซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา สามารถประสานไปที่ตำรวจต่างประเทศได้ เคยมีเคสที่ประสบความสำเร็จจับกุมได้
ตอนนี้มีคดีเฉลี่ย 1,000 รายต่อวัน ที่มีผู้เสียหายจากการถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอก ซึ่งมีหลายรูปแบบ แต่ที่มากที่สุดในปัจจุบันคือ การซื้อของออนไลน์แต่ไม่ได้ของ ส่วนคดีที่มีความเสียหายมากที่สุดคือ ไปรู้จักคนในออนไลน์แล้วโดนหลอกให้ไปลงทุน แต่อันตรายที่สุดตอนนี้คือ แอปฯ ดูดเงิน
ย้ำ ให้ทุกคนจำไว้ว่า เมื่อไรก็ตามหากมีลิงก์เข้ามาใน SMS กดลิงก์แล้วให้เพิ่มเพื่อนในไลน์อย่าแอดไลน์โดดเด็ดขาด
ถ้าโดนหลอกดูดเงินไปแล้วสิ่งที่แรกที่ควรทำคือ ให้รีบติดต่อที่แบงค์ต้นทางของเราเองที่โดนดูดเงิน เข้าไปที่เว็บฯ https://thaipoliceonline.go.th/ หรือ สายด่วน AOC 1441
ดูสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ที่ Live | คุยสดๆกับ”นาวินต้าร์”ปมกดลิงก์มิจฉาชีพสูญเงิน 5 ล้านฟังชัดๆจากปากที่แรก
