คัดลอก URL แล้ว

Thailand Next Move : ก้าวต่อไป Thailand เปิดเวทีดีเบตรูปแบบใหม่ นำเสนอนโยบายอย่างสร้างสรรค์

เปิดวิสัยทัศน์ในเรื่องเศรษฐกิจ-ปากท้องของคนไทย จากตัวแทน 8 พรรคการเมือง
ที่มาร่วมเวทีดีเบต Thailand Next Move : ก้าวต่อไป Thailand

ดีเบต 1 – หมวดเศรษฐกิจ – ปากท้อง

ช่วงแรกของเวทีเปิดให้ตัวแทนพรรคทั้ง 8 จะเป็นการประชันนโยบายกันในประเด็นเศรษฐกิจและปากท้อง ผ่านการจับสลากเลือกประกบคู่กัน และจะมีคีย์เวิร์ดในประเด็นต่าง ๆ ถูกสุ่มขึ้นมาให้ทั้งสองฝ่ายได้แสดงวิสัยทัศน์กันภายในเวลา 2 นาที

ซึ่งในคู่แรก เป็นการประชันนโยบายกันระหว่างนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า หมายเลข 14 และนายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 ในประเด็น “ฟื้นเศรษฐกิจ”

โดยทางนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เปิดประเด็นเรื่องนี้ว่า เน้นการลดค่าครองชีพ ราคาพลังงาน การลดภาระหนี้สิน กละการลดภาษี เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ รวมถึงการหารายได้เข้าประเทศ

ส่วนทางด้านของพรรคไทยสร้างไทยระบุว่า จะปลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน เพื่อไม่ต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบ ควบคู่องค์ความรู้และพัฒนาตัวเอง

คู่ถัดมาเป็นการประชันนโยบายระหว่าง พรรคร่วมไทยสร้างชาติ กับ เพื่อไทย ในประเด็น “ลดค่าครองชีพ” โดยคุณจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่า วันนี้มีการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ให้คนไทยได้ใช้ถูกกว่าต้นทุนจริง เพิ่มเงินบัตรคนจน ปลดภาระหนี้ ลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อไป

ส่วนทางด้านของนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงนโยบายที่สำคัญคือ การสร้างรายได้ ควบคู่การลดภาระค่าครองชีพ โดยเน้นไปที่การลดราคาพลังงาน น้ำมันดีเซลจะต้องต่ำกว่า 30 บาท/ลิตร ลดค่าไฟฟ้าเพิ่ม และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ โดยยกระดับบัตร 30 บาทให้ดีขึ้น รวมถึงการลดค่าโดยสารสาธารณะ

คู่ที่สามของการประชันนโยบาย Thailand Next Move : ก้าวต่อไป Thailand เป็นการประกบคู่ระหว่างคุณศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับคุณอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องของ “ความเหลื่อมล้ำ”

ซึ่งทางคุณศิริกัญญา พรรคก้าวไกล มองว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำถูกทำให้กว้างยิ่งขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 จำเป็นต้องส่งเสริมรัฐสวัสดิการตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต รวมถึงการต่อต้านทุนผูกขาดไม่ไห้เอารัดเอาเปรียบ

ในขณะที่คุณอุตตม พรรคพลังประชารัฐ มองว่า ความเหลื่อมล้ำมีหลายมิติและต้องแก้ในทุกด้าน เพิ่มโอกาส พัฒนาเศรษฐกิจที่ฐานราก รัฐบาลต้องส่งเสริมให้ชุมชนทั่วประเทศแข็งแรง เชื่อมโยงการเกษตรและท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน เพื่อกระจายตำแหน่งงานทั่วประเทศ พร้อมส่งเสริมสตาร์ทอัปของคนรุ่นใหม่ ผ่านกองทุนประชารัฐ

และมาถึงคู่สุดท้าย ในช่วงแรกของการดีเบต เป็นการประชันกันระหว่างคุณศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย และคุณพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องของ “ค่าแรง”

ทางคุณศุภชัย พรรคภูมิใจไทยได้เน้นย้ำถึงเรื่องค่าแรงว่า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ ที่ทุกภาคส่วนต้องรับได้ แรงงานที่มีฝีมือจะต้องได้ค่าแรงที่เหมาะสม

ส่วนคุณพิสิฐ พรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า ค่าแรงขั้นต่ำ 3-400 บาทต่อวันนั้นอยู่ไม่ได้ ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องหาทางออกร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน สิ่งสำคัญต้องสงเสริมลูกจ้างให้ได้เรียนรู้ พัฒนาฝีมือ เพราะลูกจ้างอยู่ที่แค่ค่าแรงขั้นต่ำตลอดชีวิตไม่ได้

ดีเบต 2 – หมวดทั่วไป

ในรอบที่ 2 นี้ ยังคงเป็นการจับสลาก แต่จะให้พรรคที่ได้รับเลือกก่อน เป็นผู้เลือกพรรคที่จะขึ้นมาดีเบตกัน โดยจะมีคีย์เวิร์ดที่คัดเลือกมาจากกระแสในโลกออนไลน์ และสุ่มเลือกให้ผู้ที่เข้าร่วมประชันวิสัยทัศน์ได้โชว์นโยบายของแต่ละพรรค

สำหรับในคู่แรกเป็นการประกบคู่กันระหว่างพรรคก้าวไกล และ พรรคชาติพัฒนากล้า ในประเด็นของ “คอร์รัปชั่น”

โดยทางคุณศิริกัญญา รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ไม่ใช่การเลือกคนดีเข้ามา แต่ต้องสร้างระบบที่ดี ไม่ให้คนเข้ามาทุจริตคอรัปชั่น รัฐต้องเปิดข้อมูลให้ประชาชนได้รู้ ให้ตาของคนไทย 67 ล้านคู่มาตรวจสอบข้อมูลไปด้วยกัน 

ในขณะที่คุณ คุณวรวุฒิ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้กล่าวว่า ปัญหาคอร์รัปชั่นมาจากนักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการ ต้องใช้เทคโนโลยี สร้าง Digital Goverment ที่ประชาชนเปิดมือถือดูงบประมาณรัฐได้ รู้ว่า ใช้เท่าไหร่ ใช้อย่างไร มีประสิทธิภาพแค่ไหน

ต่อมาในคู่ที่ 2 เป็นการประชันวิสัยทัศน์ระหว่าง พรรคภูมิใจไทย และ พรรคไทยสร้างไทย ในประเด็น “ยาเสพติด” ซึ่งสร้างเสียงฮือฮาให้กับกองเชียร์ เนื่องจากถือเป็นประเด็นที่ร้อนแรงของพรรคภูมิใจไทยในขณะนี้

ซึ่งคุณศุภชัย ใจสมุทร พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า

กฏหมายเดิมเน้นเอาคนเข้าคุก ต่อมามีกฏหมายฉบับใหม่เปลี่ยนมุมมองใหม่ คนเสพต้องเอามาบำบัด สมุนไพรไหนที่เป็นประโยชน์ต้องส่งเสริมเอามาใช้ทางการแพทย์ การปลดล็อกกัญชา กระท่อมออกจากยาเสพติด คนป่วยได้ใช้สมุนไพรเหล่านี้

ส่วนคุณโภคิน พลกุล พรรคไทยสร้างไทย ตั้งคำถามว่า ทำไมคนถึงหันไปหายาเสพติด หันไปหาบ่อน เพราะคุณชีวิตที่แย่ ยากจน ดังนั้นต้องแก้รากฐานตรงนี้ให้ได้ ทุกช่วงวัยต้องให้มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงในชีวิต ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มโทษ ปราบปรามอย่างรุนแรง คุกคงไม่พอ ต้องเน้นสร้างคนให้ต่อยอดชีวิตได้

สำหรับในคู่ที่ 3 นี้เป็นอีกหนึ่งคู่ที่สร้างความฮือฮาให้กับกองเชียร์ เมื่อพรรคเพื่อไทย ต้องมาดีเบตกับพรรคพลังประชารัฐ ในเรื่องของ “รัฐสวัสดิการ”

โดยนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ต้องเพิ่มรายได้ ดูแลผู้เปราะบางให้ใช้ชีวิตได้ นั่นคือ รัฐสวัสดิการ ในประเทศเช่น สวีเดน ฟินแลนด์ นอร์เวย์ รายได้ต่อหัวสูงกว่าไทย 7 เท่า เก็บภาษี 50% ของจีดีพี เป็นรัฐสวัสดิการ ขณะที่ไทยอยู่ที่ 20% ฉะนั้นต้องเพิ่มรายได้ทุกภาคส่วน รัฐต้องเก็บภาษีมาดูแลให้เหมาะสม แม่นยำ

ส่วนทางด้านของคุณอุตตม สาวนายน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นนโยบายพื้นฐานที่ต้องจริงจัง สอดคล้อง-เหมาะสม ทำให้เศรษฐกิจที่ดีขึ้น ความเป็นอยู่ดีขึ้น ไม่กระจุกตัว บัตรประชารัฐที่มีอยู่ต้องต่อยอด คนไทยได้รับการศึกษาถ้วนหน้า เรียนฟรีถึงป.ตรี โท-เอกสาขาที่สอดคล้องการพัฒนาประเทศฟรี สุขภาพต้องดี รพ.สต.ต้องเป็นที่พึ่งของคนในพื้นที่ รัฐสวัสดิการเป็นการลงทุน จำเป็นต้องทำ และทำทันที

ส่วนคู่สุดท้ายสำหรับในเรื่องทั่วไปที่เป็นกระแสสังคมนั้น เป็นการประชันกันระหว่าง พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่อง “หวย”

คุณจุติ ไกรฤกษ์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า วันนี้หวยราคาลดลง ทลายการผูกขาด มีโครงการหวยอิเลคทรอนิกส์ ถ้านำรายได้หวยใต้ดินขึ้นมาบนดินจะช่วยเหลือผู้เปราะบาง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้เพื่อยังชีพได้ หวยไม่ใช่งานหลัก แต่เป็นเครื่องช่วยสังคม เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังและไม่ให้หวยมามอมเมาประชาชน

ส่วนคุณพิสิฐ ลี้อาธรรม พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น สะท้อนปัญหาทำไมคนยากจนต้องเล่นหวย ทั้งรายได้มีไม่มาก ต้องยอมรับว่า มันคือความสุขจากการได้ลุ้น หวังว่าจะได้เงินล้าน สลากกินแบ่งฯ ขายเอาเปรียบกันมาก หากำไรโดยมิชอบ รัฐบาลต้องจริงจัง แต่การนำระบบอิเลคทรอนิกส์เข้ามาทั้งหมด ทำให้คนขายหวยตกงาน พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนเสรี


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง