เนื่องในโอกาสที่ช่อง MONO29 ฟรีทีวีที่มีหนังดี ซีรีส์ดังมากที่สุด จะนำ “Tiger Mask หน้ากากเสือ” มาให้ชมกันในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายนนี้ เวลา 15.30 น. เราจึงนำ 5 เหตุผลที่ไม่ควรพลาดชมเจ้าสังเวียนรายนี้มาเรียกน้ำย่อยกัน
1. นี่คือหนังที่สร้างมาจากมังงะ หรือหนังสือการ์ตูนชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีมาตั้งแต่ปี 1968 โดยเริ่มแรกมันถูกตีพิมพ์ลงนิตยสารโบคุระของบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ โคดันฉะ และหลังจากนั้นก็ได้ย้ายมาลงในนิตยสารรายสัปดาห์ชื่อดังที่คอการ์ตูนญี่ปุ่นน่าจะรู้จักกันดีอย่าง “ โชเน็นแม็กกาซีน” ซึ่งต่อมามันก็เริ่มกลายเป็นที่นิยมจนถูกนำไปสร้างเป็นแอนิเมชั่น แถมมันก็ยังถูกจัดเป็นหนึ่งในแอนิเมชั่นสุดคลาสสิคที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนรู้จักและหาดูกันอยู่
2. นี่คือ หน้ากากเสือ เวอร์ชั่นภาพยนตร์แบบใช้คนแสดงเรื่องแรก โดยหนังได้ เคน โอชิไอ มารับหน้าที่กำกับ ซึ่งเขาเป็นผู้กำกับชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงทางฝั่งตะวันตกจากหนังสั้นของเขาอย่าง Half Kenneth ที่ชนะรางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยมจากงาน Rome International Film Festival กับงานหนังที่ Los Angeles และเรื่อง Frog in the Well ที่ก็เป็นอีกหนึ่งหนังสั้นที่ได้รางวัลมาจากเวทีทางฝั่งอเมริกา
3. หนังเรื่องนี้ยังถือเป็นการกลับมาขึ้นสังเวียนให้ผู้ชมได้หายคิดถึงในรอบ 20 ปีของหน้ากากเสืออีกด้วย เพราะตั้งแต่ช่วงปลายปี 82 ที่แอนิเมชั่นฉายจบไป ก็ไม่ได้มีการสร้างภาคต่อหรือทำเวอร์ชั่นใหม่ออกมาอีกเลย โดยเวอร์ชั่นนี้ก็สร้างอิงตามเรื่องราวต้นฉบับที่เล่าถึง ดาเตะ นาโอโตะ เด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูและฝึกโดยองค์กรฝ่ายอธรรม “ถ้ำเสือ” ให้มีฝีมือมวยปล้ำอันร้ายกาจ ก่อนเขาจะออกไปเผชิญโลกภายนอกและแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายธรรมะเพื่อช่วยเหลือเหล่าเด็กยากจนและต่อกรกับความร้ายกาจของพวกถ้ำเสือในนาม “หน้ากากเสือ”
4. เรื่องนี้ได้หนุ่มหล่อสุดฮอตป๊อปดูโอ้ชื่อ วัตโตะ (WAT) ที่ตอนนั้นกำลังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นอย่าง เออิจิ เวนท์ซ (EIJI WENTZ) มารับบท ดาเตะ นาโอโตะ หรือ หน้ากากเสือ และยังได้ นัตสึนะ วาตานาเบะ นักแสดงสาวสวยจากหนังที่ดัดแปลงจากการ์ตูนดังอย่าง Gantz (กันสึ) พร้อมด้วย โช ไอคาว่า นักแสดงรุ่นใหญ่จาก Dead or Alive, Eyes of the Spider และ Zebraman มาร่วมแสดง ถือว่าเป็นหนังที่รวมดาราดังของญี่ปุ่นเอาไว้ไม่น้อยเลย
5. ถึงจะกลับมาพร้อมเรื่องราวต้นฉบับที่ไม่ได้มีการแต่งเติมเรื่องราวใหม่ๆเข้าไป แต่หนังก็ถูกปรับให้มีความใหม่และทันสมัยขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบทพูดที่เหมาะกับยุคปัจจุบันมากขึ้น เวทีมวยที่ถูกปรับให้เป็นการต่อสู้แนวเวทีใต้ดินแทนแบบธรรมดาในแอนิเมชั่น รวมไปถึงชุดและหน้ากากที่ถูกดีไซน์ให้มาในรูปแบบชุดเกราะทองทั้งตัว ที่แม้จะดูหรูหราทันสมัย แต่ก็ยังคงความหน้าเกรงขามไว้อยู่เหมือนเดิม เรียกได้ว่าถึงแม้จะเป็นการกลับมาที่ทำให้เหล่าแฟนๆแปลกตาไปซักนิดด้วยความสดใหม่ของบรรยากาศ แต่ก็ยังคงให้ความเคารพต้นฉบับและคงเนื้อเรื่องเอาไว้ให้แฟนๆได้สัมผัสความดั้งเดิมของหน้ากากเสือให้หายคิดถึงกัน
ที่มา: รายการ Entertainment Now
