คัดลอก URL แล้ว
ไขความสงสัย? ทำไมต้อง “อโยธยา” ทำไมต้อง “มหาละลวย”

ไขความสงสัย? ทำไมต้อง “อโยธยา” ทำไมต้อง “มหาละลวย”

อโยธยา เกิดจากความตั้งใจของ ผกก.ภวัต พนังคศิริ ที่มองว่าใน “สมัยอโยธยา” โดยเฉพาะในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติมากเป็นพิเศษ ทำให้อโยธยาในช่วงนั้นมีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม บรรยากาศเต็มไปด้วยความจัดจ้าน แตกต่างจากภาพของอโยธยาที่คุ้นเคย

มหาละลวย มาจากการที่เลือกช่วงเวลาในยุคสมเด็จพระนารายณ์ และพบว่าหนุ่มสาวมีเวลา “หาทำ” ไปกับความสำราญ ใช้ชีวิตวัยรุ่นกันเต็มที่ มันจึงมีสถานะเป็น “หนังวัยรุ่น” ที่ว้าวุ่นเรื่องรัก มีการใช้เงินและมนตร์คาถาที่ร่ำเรียนเพื่อเปย์ความสุข ซึ่ง “มหาละลวย” ก็หมายถึงคาถาที่ทำให้รักให้หลงนั่นเอง ภวัตบอกว่า “ความมูมันอยู่ในทุกยุคสมัย แม้แต่ปัจจุบัน”

ดังนั้น “อโยธยา มหาละลวย” ก็เลยเป็นหนังวัยรุ่นที่มีความหลากหลายของหนุ่มสาว และการใช้มนตร์คาถามาช่วงชิงหัวใจ จนไฟลามทุ่งเกิดเป็นความขัดแย้งที่เกินจะรับมือไหว ส่วนผสมจะออกมาเป็นอย่างไร ติดตามใน อโยธยา มหาละลวย Om! Crush on Me วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ เวลา 14.55 น ทางช่อง MONO29

ในยุคสมัยแห่งการผลัดเปลี่ยนรัชสมัย อโยธยาตกอยู่ในความวุ่นวาย และการเข้ามาของต่างชาติ ยังมีตำนานความรักที่ไม่เคยถูกบอกเล่าที่ไหน เมื่อ เรียวสึ (เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข) ชายหนุ่มผู้ออกตามหาชาติกำเนิดอันคลุมเครือ โดยมีคมดาบและคาถาเป็นศาสตราคู่กาย ระหว่างทางเขาได้พบรักกับ ออสร้อย (โบว์ – เมลดา สุศรี) หญิงงามที่กำลังจะตกไปเป็นคู่ครองของ ชายสูงศักดิ์ผู้เป็นหน่อเชื้อชนชั้นสูงในราชสำนัก ผู้เพียบพร้อมทั้งอำนาจ บริวาร ศิลปะการต่อสู้และมนต์อาคมระดับพระกาฬ ทำให้เรียวสึต้องต่อสู้ด้วยทั้งชีวิตและศักดิ์ศรี เพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้หนึ่งเดียว และคำตอบว่าเขาคือใคร


Movie & Series Talk