คัดลอก URL แล้ว
“ทอม ครูซ” เรียกกระแสความนิยมคืน

“ทอม ครูซ” เรียกกระแสความนิยมคืน

21

“ทอม ครูซ” เรียกกระแสความนิยมคืน

เข้าฉายกันไปแล้วกับ Mission: Impossible – Rogue Nation หนังแฟรนไชส์สายลับอเมริกันผลงานเรื่องใหม่ของนักแสดงคนดังอย่าง “ทอม ครูซ” ซึ่งกลายเป็นหนังเรียกกระแสความนิยมของเขากลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง โดยหลังจากที่หนังออกฉายและเสียงตอบรับที่ได้กลับมานั้นน่าแปลกใจทีเดียว เมื่อส่วนมากกล่าวว่า “Mission ภาคนี้คือหนังกู้ชื่อเสียงของ ทอม ครูซ” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ครูซก็ถือเป็นดาราระดับท็อปที่ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็สร้างชื่อเสียงดังกระฉูดได้ตลอดเวลา

22

Mission ภาคนี้คือหนังกู้ชื่อเสียงของ ทอม ครูซ

ล่าสุดมีนักวิจารณ์รายนึงได้เจาะลึกความนิยมในผลงานของครูซทุกเรื่อง ตั้งแต่ Top Gun ในยุค 80 จนถึง Mission ภาคใหม่นี้ ซึ่งผลสรุปที่ได้ก็กลายเป็นว่าหลังจากช่วงที่ Mission ภาค Ghost Protocol ออกฉายในปี 2011 ความนิยมของครูซในเรื่องต่อๆมาทั้งหมดอย่าง Jack Reacher , Oblivion และ Edge of Tomorrow กลับลดลงจนเรียกว่าต่ำกว่ามาตราฐานที่เขาเคยทำได้ทั้งเรื่องรายได้และคำวิจารณ์ทั้งนี้ก็น่าจะเป็นผลมาจากข่าวฉาวการหย่าร้างกับ Katie Holmes และความเกี่ยวข้องของเขากับลิทธิ Scientologist นั่นเอง

23

นักวิจารณ์ได้ชี้ประเด็นนึงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้ผลจะออกมาเป็นยังไงคนก็เข้าไปดูเพราะเขาคือ ทอม ครูซ อยู่ดี

โดยคำวิจารณ์ของครูซจากหนังทั้งสามเรื่องดังกล่าวรวมถึงบทบาทเล็กๆใน Rock of Age กลับได้ผลติดลบ แม้ว่าผลงานในช่วงนี้จะต่างแนวและต่างคาแร็กเตอร์แต่ส่วนใหญ่มักกล่าวว่า “บทบาทเขาน่าเบื่อหน่าย ซ้ำซาก คาแร็กเตอร์หลากหลายก็จริง แต่ทั้งหมดก็ยังดูเป็นเขาอยู่ดี ทุกอย่างดูไม่สมบทบาท” ตรงนี้เองที่นักวิจารณ์ผู้ทำวิจัยบทบาทของครูซได้ชี้ประเด็นนึงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าต่อให้ผลจะออกมาเป็นยังไงคนก็เข้าไปดูเพราะเขาคือ ทอม ครูซ อยู่ดี

24

ครูซกลายเป็นศัตรูของทั้งวงการเพราะไม่ว่าจะทำหนังอะไรออกมาเขาก็ขายออกตลอดโดยที่ผู้คนไม่สนใจเลยว่าหนังจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ครูซยังกลายเป็นศัตรูของทั้งวงการด้วยเพราะไม่ว่าจะทำหนังอะไรออกมาเขาก็ขายออกตลอดโดยที่ผู้คนไม่สนใจเลยว่าหนังจะเป็นอย่างไร และถือเป็นเคสแรกๆที่ผู้สร้างออกมาประกาศแผนสร้างภาคต่อที่ 6 ของแฟรนไชส์ไม่ใช่เพราะความสำเร็จในภาคล่าสุดที่กำลังฉายอย่างหนังเรื่องอื่นๆแต่เป็นเพราะพวกเขาเกรงว่าครูซจะรับภาระหนักจากการเล่นสตั๊นเองทุกฉากมากเกินไป จนไม่สามารถอยู่กับแฟรนไชส์ต่อได้นานๆ ซึ่งตรงนี้ครูซเองก็ออกมากล่าวว่า “ตัวเขาที่แก่ลงทุกวัน จะเป็นผลเสียต่อการรับบทบาทเป็น Ethan Hunt ดังนั้นภาคต่อของแฟรนไชส์จึงค่อนข้างสำคัญ และมีเวลาจำกัด”