จะมีนักเขียนสักกี่รายที่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในการประกอบอาชีพนั้น งานเขียนจะถูกนำไปดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ไปแล้วกว่าสามสิบเรื่อง ซีรีส์และหนังออกฉายทางโทรทัศน์อีกกว่ายี่สิบ ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากปลายปากกาของชายเพียงคนเดียว ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น ราชาวรรณกรรมสยองขวัญ อย่าง สตีเฟน คิง และแทบจะกล่าวได้ว่า งานเขียนของเขานั้นแทบไม่เคยห่างหายไปจากอุตสาหกรรมฮอลลีวูด ลำพังช่วงสองปีที่ผ่านมา เราก็ได้ดูหนังที่สร้างขึ้นจากงานเขียนของเขาแล้วเน้นๆ 5 เรื่อง! ขณะที่ในปีนี้ เรากำลังจะได้ชมหนังภาคต่ออย่าง It: Chapter Two, In the Tall Grass, Doctor Sleep และ Pet Sematary หรือ กลับจากป่าช้า หนังธริลเลอร์สยองขวัญที่กำกับโดย เควิน โคลช์ และ เดนนิส วิด์มเยอร์
งานเขียนของคิงได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกโดย ไบรอัน เดอ พัลมา ซึ่งเขาหยิบเอา Carrie งานเขียนชิ้นแรกของคิงที่ว่าด้วยเด็กสาวที่มีพลังจิต และระเบิดความคับแค้นออกมาอย่างหฤโหดหลังโดนเพื่อนร่วมชั้นกลั่นแกล้งจนปางตาย มาสร้างเป็นหนังในชื่อเดียวกันปี 1976 ที่ส่งสองนักแสดงนำสาวอย่าง ซิสซี สปาเซ็ค กับ ไพเพอร์ ลอรีย์ เข้าชิงออสการ์สาขานำหญิงและสมทบหญิงตามลำดับ
ความสำเร็จของหนังพลอยส่งให้ชื่อชั้นของคิงเป็นที่นิยมทันที ทั้งมันยังทำให้คนทำหนังจำนวนมากพร้อมจะซื้อลิขสิทธิ์งานของเขาไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ตามรอยความสำเร็จของเดอ พัลมา ซึ่งช่างเหมาะเจาะกันกับงานของคิงที่เน้นบรรยากาศโหดเหี้ยม วังเวงและมักเล่าเรื่องราวสยองขวัญอันไร้ทางสู้ของมนุษย์ตัวเล็กๆ ที่เหมาะเจาะสำหรับการดัดแปลงเป็นหนังหรือซีรีส์ และเมื่อ สแตนลีย์ คูบริค คนทำหนังระดับแนวหน้าของฮอลลีวูดคว้าเอา The Shining ไปสร้างเป็นหนังในปี 1980 และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดเมื่อเรื่องราวของครอบครัวที่ไปอยู่โยงเฝ้าโรงแรมกลางพายุหิมะ จน ‘ความโดดเดี่ยว’ และคนตายในอดีตเข้ากัดกินสติสัมปชัญญะของหัวหน้าครอบครัวจนถือขวานไล่เชือดลูกเมียตัวเอง มันยิ่งส่งให้คิงกลายเป็นคนเขียนหนังสือเนื้อหอมที่ใครก็พร้อมจะรุมรัก (อย่างไรก็ตาม คิงเกลียด The Shining เวอร์ชั่นภาพยนตร์มาก และแตกหักกับคูบริคในที่สุด ด้วยเหตุผลว่า “หนังมันเยือกเย็นเกินไป สัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ร่วมหรือความผูกพันใดๆ ของครอบครัวนี้เล้ย”)
“ในชีวิตของเรา เราต่างก็ต้องหาทางต่อกรกับเรื่องเหนือความคาดหมายกันทั้งนั้น” คิงอธิบาย “ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หมอบอกว่าคุณเป็นมะเร็งว่ะ หรือโดนคนโทรศัพท์มาอำเล่น ฉะนั้น ไม่ว่าคุณพูดถึงผี ถึงแวมไพร์ หรืออาชญากรนาซีที่อยู่ในตึกถัดไปอีกหลัง เราล้วนกำลังพูดในเรื่องเดียวกัน นั่นคือเมื่อชีวิตแสนธรรมดาถูกคุกคามและวิธีที่เรารับมือกับมัน”
แต่นอกเหนือจากวรรณกรรมขนหัวลุกแล้ว คิงยังเชี่ยวชาญในเรื่องการรังสรรค์วรรณกรรมที่ว่าด้วยความละเอียดอ่อนในหัวใจมนุษย์ และมันได้กลายเป็นหนึ่งในจุดขายที่ทำให้ฮอลลีวูดตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์มันไปทำเป็นหนัง ซึ่งเราจะเห็นได้จากการข้ามพ้นวัยของเหล่าตัวละครวัยเยาว์ผู้เผชิญความเปราะบางหลังเดินทางไปหาศพในป่าจาก Stand by Me (1986, ร็อบ ไรเนอร์) สร้างจากเรื่องสั้น The Body ของคิง, คนติดคุกผู้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาและกลายเป็นหนังในดวงใจของหลายๆ คน The Shawshank Redemption (1994, แฟรงค ดาราบอนต์ -กับเรื่องเซอร์ๆ ที่ว่า ดาราบอนต์เปิดหนังให้คิงดูและบ่นอยากแก้ไขเมคอัพของ ทิม ร็อบบินส์ นักแสดงนำในเรื่อง แต่คิงบอกว่า “แฟรงค์ คนดูไม่มีทางสังเกตเรื่องเมคอัพหรอก เพราะพวกเขาต้องมัวร้องไห้กันทั้งเรื่องแน่นอน”), ผู้คุมเรือนจำที่ต้องคุมขังและดูแลนักโทษร่างยักษ์ผู้อ่อนไหวใน The Green Mile (1999, ดาราบอนต์) และ The Dark Tower (2017, นิโคไล อาร์เซล) เด็กชายที่ก้าวข้ามวัยของตัวเองผ่านเรื่องสุดระทึกของมือปืนและภารกิจพิทักษ์หอคอยทมิฬ
และล่าสุด ฮอลลีวูดก็ได้สานต่อความสยองจากปลายปากกาของคิงด้วย Pet Sematary หลังเคยถูกสร้างเป็นหนังชื่อเดียวกันมาแล้วเมื่อปี 1989 โดย แมรี แลมเบิร์ต โดยว่าด้วยเรื่องของครอบครัวครีดที่ย้ายบ้านไปอยู่ชานเมือง บริเวณนั้นมีถนนสายใหญ่ตัดผ่านและมีรถบรรทุกแล่นผ่านแทบตลอดเวลา เหยื่อของเหตุการณ์นี้คือเหล่าหมาแมวและสัตว์เลี้ยงของคนในหมู่บ้านที่หลบรถไม่ทันและโดนรถชนเป็นจำนวนมาก -เช่นเดียวกับแมวในบ้านของครอบครัวครีด- จนคนในหมู่บ้านสร้างสุสานสำหรับสัตว์เลี้ยงไว้เพื่อฝังพวกมัน และในสุสานแห่งนี้เอง ที่แมวเจ้ากรรมของบ้านครีดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และระหว่างความยินดีปรีดาที่เจ้าแมวกลับมาได้นั้น ลูกคนเล็กของบ้านก็ถูกรถบรรทุกข์ชนเสียชีวิต พวกเขาจึงฝังร่างของเด็กในป่าช้าแห่งนั้น ก่อนที่เจ้าแมวจะพาเด็กกลับมายังบ้าน… หากแต่นั่นไม่ใช่ ‘ลูก’ ที่พ่อแม่รู้จักอีกต่อไป
“ใน Pet Sematary มันค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่” คิงสาธยาย “เรื่องที่ว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่งถูกฆ่าตายกลางถนนนั้นเป็นเรื่องจริง เรากำลังย้ายเข้าไปบ้านอีกหลังและขับผ่านถนนสายนั้น ในความเป็นจริงมันคือที่ออร์ริงตันไม่ใช่ลุดโลว์ แต่บนถนนสายนั้นก็มักจะมีรถบรรทุกขับผ่านเสมอ มีชายแก่คนนึงข้ามถนนมาแล้วบอกว่า ‘คุณต้องระมัดระวังให้ดีนะเวลาจะข้ามถนน’
“เราเล่นบนสนามหน้าบ้าน มันมีป่าช้าของสัตว์เลี้ยงด้วย เจ้าสมัคกี แมวของลูกสาวผมตายบนถนนนั่นแหละ เราเลยฝังเขาไว้ในป่าช้านั่น อีกคืนหลังจากนั้น ผมได้ยินเสียงลูกสาวอยู่ในโรงรถ และเสียงก๊อกแก๊กตามมาอีกมาก เธอร้องไห้และบอกผมว่าเอาแมวคืนมานะ ให้พระเจ้าไปหาแมวของเขามาเลี้ยงเองสิ ผมเอานาทีนั้นแหละมาเขียนลงหนังสือ”
และการรีเมคสุสานสัตว์เลี้ยงในครั้งนี้ ร่วมเขียนบท เดวิด แคจกานิช ทีมเขียนบทหนังหลอนบ้าพลังใน Suspiria (2018, ลูกา กัวดัญญีโน) มันจึงถูกคาดหวังเป็นอย่างมากว่าน่าจะสร้างปรากฏการณ์หลอนได้ไม่แพ้เวอร์ชั่นก่อน
นอกจากนี้ เรายังจะได้รับชมความหลอนอย่างต่อเนื่องของ เพนนีไวส์ ใน It: Chapter Two ที่กำกับโดย แอนดี มุสชิเอตติ คนดีคนเดิมจากภาคแรก It (2017) โดยมันว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าเด็กๆ ที่เคยเผชิญหน้ากับเพนนีไวส์และเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ พร้อมแผลเป็นฝังใจในขวบปีที่เจ้าตัวตลกกำลังจะหวนกลับมา, In the Tall Grass โดย วินเซนโซ นาตาลิ (Cypher, Splice) สองพี่น้องที่พลัดหลงอยู่ในดงไม้สูงและหาทางออกไม่ได้ และ Doctor Sleep โดย ไมค์ ฟลานากัน (Oculus, ซีรีส์ The Haunting of Hill House) ชีวิตภาคต่อของ แดน เด็กชายที่เคยถูกพ่อเอาขวานไล่จามหัวใน The Shining
ดร.ลูอิส ครีด ซึ่งย้ายบ้านจากบอสตันมาอยู่ในชนบทแถบรัฐเมน เขาค้นพบสถานที่ฝังศพลึกลับ ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในป่าใกล้บ้านใหม่ของครอบครัว เมื่อเกิดโศกนาฏกรรม ลูอิสจึงไปหา จั๊ด แครนดัล เพื่อนบ้านซึ่งดูไม่ปกติของเขา นำไปสู่ปฏิกริยาลูกโซ่สุดอันตราย ซึ่งปลดปล่อยความชั่วร้ายที่มาพร้อมกับผลที่ตามมาสุดสะพรึง!
ติดตามรับชม
Pet Sematary กลับจากป่าช้า
คืนวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม เวลา 00.10 น. ทางช่อง MONO29
สามารถชมทางออนไลน์ได้ที่ : https://mono29.com/livetv
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์
: https://movie.mthai.com/