Detective Dee: The Mystery of the Phantom Flame ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ : ปี ค.ศ. 690 นอกราชวังหลวงในเมืองลั่วหยาง เจดีย์ขนาดใหญ่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และในวันที่สร้างเสร็จก็จะเป็นวันที่จักรพรรดินีองค์แรกของจีน บูเช็กเทียน (คาริน่า หลิว) จะขึ้นครองบัลลังก์อย่างเป็นทางการ และกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศ โดยสถูปในเจดีย์นั้น เป็นพระพุทธเจ้าที่มีหน้าตาคล้ายกับองค์จักรพรรดินี
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งเป็นการท้าทายการครองราชย์ขององค์จักรพรรดินี โดยภายในช่วงระยะเวลา 8 ปี มีผู้ชาย 7 คนเกิดปรากฎการณ์ไฟลุกทั่วตัวต่อหน้าสาธารณะชน ร่างกายของพวกเขาถูกเผาไหม้จากข้างในสู่ข้างนอก และสิ่งที่เหลือมีเพียงแต่เถ้ากระดูกสีดำ สิ่งที่ทำให้ บูเช็กเทียน เป็นกังวลนั้นก็คือผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมด ต่างก็เป็นคนที่เธอจะเลื่อนตำแหน่งหลังได้ครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
ยิ่งมากไปกว่านั้น คดีล่าสุดก็เกิดขึ้นกับหัวหน้าคุมงานก่อสร้างสถูป แน่นอนที่เหตุครั้งนี้เป็นการท้าทายอำนาจของ บูเช็กเทียน เพื่อที่จะไขคดีลึกลับนี้ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ เธอจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากนักสืบ ตี๋เหริ่นเจี๋ย (แอนดี้ หลิว) ซึ่งถูกเธอเนรเทศออกไปจากเมืองหลวงเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หลังจากที่เขาวิพากษ์วิจารณ์การครองอำนาจของเธอตี๋เหริ่นเจี๋ย ถูกปล่อยตัวและกลับมายังเมืองลั่วหยางเพื่อเข้าเฝ้า บูเช็กเทียน เธอแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาของมืองหลวง ตำแหน่งที่เขาปฏิเสธเมื่อ 8 ปีก่อน เธอเชื่อว่า ตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นผู้มีความรู้และไหวหริบ มีความสามารถทางการต่อสู้ และจะช่วยล้มแผนการโค่นบัลลังก์ของกลุ่มคนปริศนา
เป่ยตงไหล ผู้รักษาความยุติธรรมที่อารมณ์รุนแรงและใจร้อน ได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ซึ่งเขาก็ตั้งข้อสงสัยว่า เป่ย อาจเป็นสายให้กับจักรพรรดินี ทั้งคู่ต้องทำงานร่วมกันแบบไม่เต็มใจ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ยังออกไปขอความช่วยเหลือจาก ซาถัว (โทนี่ เหลียง กา ไฟ) ซึ่งเคยออกแบบสถูป แต่ตอนนี้เป็นบวชเป็นพระสงฆ์ ซึ่งเขาก็เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนไฟลุกครั้งล่าสุดพอดี
ความทรงจำจากอดีตตามกลับมาหา ตี๋เหริ่นเจี๋ย อีกเมื่อ จิงเอ๋อ (หลี่ ปิงปิง) นางสนมของจักรพรรดินีที่ถูกส่งมาเพื่อปรนนิบัติ ตี๋เหริ่นเจี๋ย จำได้ว่าเธอคือลูกสาวของเพื่อนเก่าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์น่าสลด ทำให้ จิงเอ๋อ กลายเป็นเด็กกำพร้า จนถูกส่งเข้าวังและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เธอได้ทำตามประสงค์ก่อนตายของพ่อด้วยการมอบกระบองที่มีค่าให้กับ ตี๋เหริ่นเจี๋ย
การสืบสวนของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย พาเขาเข้าไปในตลาดมืด ซึ่งทำให้ค้นพบกับหลักฐานถึงวิธีการเผาไหม้จากภายในร่างกายเหยื่อ ซึ่งทั้งหมดก็โยงไปที่ พ่อมดวังหลวง ที่ปรึกษาคนสำคัญขององค์จักรพรรดินี แต่นั้นก็หมายถึงการที่เขาต้องท้าทายกับอำนาจของประมุขของประเทศอีกครั้ง อย่างไรก็ตามครั้งนี้ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ก็มั่นใจว่า ไม่ว่ามันจะแลกด้วยชีวิตของตัวเองหรือไม่ เขาก็จะต้องขุดค้นเอาความจริงออกมาให้ได้
ตี๋เหริ่นเจี๋ย
นักสืบตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นที่รู้จักของชาวจีนเป็นอย่างดี โดยชื่อเสียงของเขายังถูกชาวตะวันมาเขียนเป็นนวนิยายชุดอีกด้วย ชีวิตจริงของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย เกิดในปี ค.ศ. 630 เป็นบุตรของข้าราชการ เสียชีวิตในปี ค.ศ. 700 โดยมีหลักฐานในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาในฐานะข้าราชการระดับสูง ที่ถูกจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร ในหนังสือประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถัง (ฉบับเก่า) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 945 และหนังสือประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถัง (ฉบับใหม่) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1060 อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครรู้มากนักถึงจุดเริ่มต้นในอาชีพของเขา
นักสืบตี๋เหริ่นเจี๋ย ได้รับความนิยมจากคนในยุคปัจจุบัน เมื่อนักการทูต โรเบิร์ต แวน กูลิค (1910-1967) ประจำอยู่ในประเทศจีนและญี่ปุ่น แวน กูลิค มีความหลงไหลในนวนิยายอาชญากรรม และหวังว่าจะเขียนมันขึ้นมาบ้าง โดยเขาได้แปลนวนิยายในศตวรรษที่ 18 อย่าง “Celebrated Cases of Judge Dee” และรู้สึกหลงไหลในโลกของราชวงศ์ถัง แวน กูลิค เขียนนวนิยายที่มี ตี๋เหริ่นเจี๋ย เป็นตัวละครนำจำนวน 25 เล่ม โดยถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเป็นภาษาจีนและญี่ปุ่น ก่อนที่จะถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษในเวลาต่อมา
หนังสือของ แวน กูลิค ได้ครอบคลุมชีวิตของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 663 จนถึงปี ค.ศ. 681 ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้พิพากษาในมณฑลชานตุง ย้ายไปยังสี่มณฑล ก่อนที่จะกลายเป็นหัวหน้าผู้พิพากษาประจำวังหลวง โดยตามระยะเวลาแล้ว เหตุการณ์ในภาพยนตร์ Detective Dee and the Mystery of the Phantom Flame เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาประมาณ 8-9 ปีหลังจากนวนิยายชุดของ แวน กูลิค จบ โดย ตี๋เหริ่นเจี๋ย กลับไปรับตำแหน่งในพระราชวัง หลังจากที่เขาถูกจองจำ หลังจากวิพากษ์วิจารณ์การขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดินี บูเช็กเทียน
จักรพรรดินีบูเช็กเทียน
เกิดในค.ศ. 625 บูเช็กเทียน เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลวงตั้งแต่อายุได้ 13 เธอเป็นนางสนมเอกของทั้งจักรพรรดิ ถังไท่จง และจักรพรรดิ ถังเกาจง ด้วยความกระหายอำนาจ เธอสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นจักรพรรดินีคนแรกของจีน ตั้งแต่ปี 665 จนถึง 690 หลังจากที่เธอแย่งชิงอำนาจมาจากจักรพรรดิ ถังเกาจง และบุตรชาย โดยนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า เธอสังหารลูกในไส้ไปสองคน และเนรเทศอีกคนไปจากเมืองหลวง เพื่อรักษาอำนาจบนบัลลังก์ของตัวเอง
เรื่องราวใน Detective Dee and the Mystery of the Phantom Flame เกิดขึ้นก่อนที่ บูเช็กเทียน จะขึ้นครองราชย์ในปีค.ศ 690 ที่เธอพยายามก่อตั้งราชวงศ์โจวขึ้นมา โดยแปดปีก่อนหน้านี้ เธอมีคำสั่งให้กักขังตัว ตี๋เหริ่นเจี๋ย เอาไว้ในเมืองอันห่างไกลที่ชื่อ เฟินซูหยวน ในข้อหาที่เขาตั้งคำถามกับการขึ้นครองราชย์ของเธอ อย่างไรก็ตาม บูเช็กเทียน รู้สึกว่าเขาอาจเป็นคนเดียวที่สามารถเปิดโปงแผนลอบสังหาร ที่จะยุติเส้นทางการขึ้นครองราชย์ของเธอ จนในที่สุดก็ตัดสินใจนำตัวเขากลับมายังพระราชวังหลวง
ซั่งกวน จิงเอ๋อ
ตัวละครของ จิงเอ๋อ อ้างอิงมาจากคนในประวัติศาสตร์อย่าง ซั่งกวน ว่านเอ๋อ นักกวีและนักการเมืองหญิงที่รับใช้จักรพรรดินี บูเช็กเทียน อย่างไรก็ตามใน Detective Dee and the Mystery of the Phantom Flame จิงเอ๋อ ยังมีความสามารถในเรื่องวิทยายุทธ โดยแปดปีก่อนหน้านี้ ตอนที่เธออายุได้ 12 ปี พ่อของเธอที่เป็นตำรวจถูกสังหารในหน้าที่ เธอถูกรับเลี้ยงดูโดย บูเช็กเทียน และเติบโตขึ้นมาเป็นองค์รักษ์มือขวาสุดอันตราย
จิงเอ๋อ ได้ถูก บูเช็กเทียน ส่งมาให้หาตัวของ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่หลังจากการถูกทรมาณกว่า 8 ปี และให้นำตัวเขากลับมายังเมืองหลวง เพื่อไขคดีฆาตกรรมที่ไม่สามารถอธิบายได้ อย่างไรก็ตาม จิงเอ๋อ ก็ยังมีความลับที่ดำมืด ที่เชื่อมเธอเข้ากับตัวของพ่อมดหลวง ที่ขึ้นมามีอำนาจหลังจากที่ ตี๋เหริ่นเจี๋ย ถูกเนรเทศออกไป และเธอยังมีความสับสนในหัวใจกับ นักสืบตี๋เหริ่นเจี๋ย ที่ขัดแย้งกับหน้าที่ที่เธอได้รับมาจากองค์จักรพรรดินี
เป่ยตงไหล
เป่ยตงไหล เป็นทหารส่วนพระองค์ที่ได้รับมอบหมายให้ช่วย ตี๋เหริ่นเจี๋ย ในการสืบสวน เขาเป็นเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ มีความสามารถในการใช้อาวุธทุกชนิดที่อยู่ในมือ เขายังเป็นคนที่ทะเยอทะยาน ใจร้อน และชอบใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นบุคลิกที่ตรงกันข้ามกับ ตี๋เหริ่นเจี๋ย อย่างสิ้นเชิง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังมีความดีที่ซ่อนอยู่
เป่ย มีลักษณะภายนอกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เขาเป็นคนเผือก ซึ่งเกิดจากการขาดเม็ดสีบนผิวหนัง ร่างกายของเขาไม่สามารถทนทานแสงอาทิตย์ได้ โดยเราจะได้เห็นเขาในผิวที่ขาวซีดและผมสีขาวโผลน ซึ่งซ่อนอายุที่แท้จริงของเขาเอาไว้ เขายังแต่งชุดสีดำตลอดเวลา ซึ่งเน้นให้เห็นถึงความขาวของเขามากขึ้น โดยเพื่อที่จะทำให้เป็นแบบนี้ เติ้งเชา นักแสดงที่รับบทเป็น เป่ยตงไหล ต้องใช้เวลาเมคอัพ 2-3 ชั่วโมงทุกวันก่อนการถ่ายทำ
ซาทา
ซาทา เป็นคนที่มีสองบุคลิก เขาเป็นนักวิชาการโดยธรรมชาติ ที่มีความใส่ใจในรายละเอียดจนมองไม่เห็นภาพรวม เขาเป็นเพื่อนกับ ตี๋เหริยเจี๋ย ตั้งแต่ก่อนที่ถูกเนรเทศออกไปเมื่อ 8 ปีก่อน โดยเขาเองก็ถูกลงโทษด้วยการถูกตัดมือซ้าย โดยหลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นพระสงฆ์ และกลายเป็นสถาปนิกสำหรับการสร้างสถูปยักษ์ ที่ถูกทำขึ้นตามคำสั่งของจักรพรรดินี บูเช็กเทียน
ติดตามรับชม
Detective Dee: The Mystery of the Phantom Flame
ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ
วันเสาร์ที่ 18 กันยายน เวลา 18.00 น. ทางช่อง MONO29
สามารถชมทางออนไลน์ได้ที่ : https://mono29.com/livetv
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์
: https://movie.mthai.com/