Doctor Strange จอมเวทย์มหากาฬ : ดร.สตีเฟ่น สเตรนจ์ (เบเนดิคต์ คัมเบอร์แบ็ตช์) เดิมเป็นหมอประสาทผู้มีสติปัญญาฉลาดล้ำเลิศ อีโก้สูง และใช้ชีวิตอย่างฟู่ฟ่าหรูหรา แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเขาต้องพลิกผันหลังจากประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นหมอผ่าตัดและทำงานได้ดังเดิม เมื่อศาสตร์แพทย์ตะวันตกไม่สามารถเยียวยาให้เขาหายขาดเป็นปกติได้ เขาจึงเดินทางไปเนปาลเพื่อพึ่งศาสตร์ตะวันออก ที่นั่นเขาได้เรียนรู้พลังจาก เอนเชียน วัน (ทิลด้า สวินตัน) และฝึกวิชากับ มอร์โด (ชิวีเทล เอจิโอฟอร์) รวมถึงค้นคว้าหาวิชาเพิ่มเติมในห้องสมุดกับ หว่อง (เบเนดิคต์ หว่อง) โดยทิ้งกิ๊ก ดร.คริสติน ปาล์มเมอร์ (เรเชล แม็คอดัมส์) ไว้ข้างหลัง ในขณะเดียวกัน ที่สำนัก เขาก็ต้องช่วยเหล่ามาสเตอร์ต่อสู้กับจอมเวทย์ฝ่ายมืดซึ่งนำโดย เคซิเลียส (แมดส์ มิคเคลสัน) ผู้ประสงค์ชีวิตอันเป็นอมตะเหนือกาลเวลา
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทซ์ นักแสดงนำจากเรื่อง Doctor Strange ให้สัมภาษณ์กับ Empire ถึงการที่เขามารับบทเป็นหมอแปลกเอาไว้ ดังนี้ “สิ่งที่เย้ายวนในฐานะนักแสดงก็คือตัวบท, ผู้กำกับ, เควิน ไฟกี (ผู้อำนวยการของ Marvel) และ การพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้ตัวละครที่เขียนในยุค 60 และ 70 เชื่อมโยงมายังปัจจุบัน” หลังจากนั้นคัมเบอร์แบทซ์ก็ได้พูดถึงการสร้างตัวละครสตีเฟ่น สเตรนจ์ว่า “นั่นก็คือการทำให้เขาหยิ่งสักเล็กน้อย แต่ก็มีอารมณ์ขัน”
1. เคซิลเลียส ไม่ได้เป็นวายร้ายจ๋าขนาดนั้น
ในการให้สัมภาษณ์กับ Yahoo! Movies แมดส์ มิคเคลสัน ผู้รับบท เคซิลเลียส ได้พูดถึงตัวละครของตนไว้ว่า “เขาไม่ใช่วายร้าย เขาเป็นคน ๆ หนึ่งที่มีความเชื่อคนละอย่าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำให้โลกดูสดใส หรืออยากจะช่วยโลกแต่อย่างใด เขามีวิธีการของเขา และแน่นอนเขาคือศัตรู แต่ก็ไม่จำเป็นว่าต้องผิด”
2. จะมีเรื่องราวต่างจากหนัง Marvel เรื่องอื่น ๆ
นอกจากนี้ แมดส์ มิคเคลสัน ยังให้สัมภาษณ์กับ Yahoo! Movies อีกว่า “หากคุณอ่านคอมิคหลาย ๆ เรื่องแล้วละก็ จะรู้เลยว่าในคอมิคจะแตกต่างอย่างมากกับหนัง Marvel เรื่องอื่น ๆ และผมคิดว่าหนังเรื่องนี้จะแตกต่างกับหนังเรื่องอื่น ๆ ของ Marvel ที่เราเคยดู แต่จะไม่แตกต่างเท่ากับในหนังสือ เพราะในหนังสือจะเป็นเรื่องราวในยุค 60 กับ 70 และมันจะมีพวกภาพมายามากเลยละ” ก่อนที่เขาจะกล่าวทิ้งท้าย “ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะเคยชินกับคอมิคเดิมหรือเปล่า แต่นี้เป็นจักรวาลที่มีลักษณะเฉพาะ ที่มีทั้งกังฟูและเวทย์มนต์ เจองี้จะไม่ชอบได้ไง จริงไหม”
3. หว่อง ไม่ใช่พ่อบ้าน
ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็นตัวละครเชื้อสายเอเชียคนหนึ่งนั่นก็คือ หว่อง รับบทโดย เบเดดิกต์ หว่อง ซึ่งในคอมิคตัวละครตัวนี้ก็เป็นดังพ่อบ้านประจำตัวของ ดร. สเตรนจ์ แต่ในฉบับภาพยนตร์เบเดดิกต์กลับให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผมไม่ใช่พ่อบ้านชงน่ำชาแน่ ๆ เรามุ่งหน้าไปคนละทิศทาง เขา (หว่อง) จะเป็นเหมือนจ่าสิบฝึกทหาร” นักแสดงวัย 44 ปีให้สัมภาษณ์กับ Den of Geek
“แต่ในเรื่อง Doctor Strange หว่องก็ไม่ได้วาดลวดลายศิลปะการต่อสู้แต่อย่างใด เขาจะเป็นผู้ฝึกสอนในคามาร์ทัช (ชุมชมที่แยกตัวออกมาจากหิมาลัย เป็นเหมือนที่อยู่ของพวกพ่อมด) ซะมากกว่า เขาเป็นจ้าวแห่งเวทย์มนต์คนหนึ่ง”
4. ความต่างพลังของ สการ์เลตต์ วิทช์ กับ ดร. สเตรนจ์
เควิน ไฟกี ผู้อำนวยการสร้างของ Marvel ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความต่างของพลังระหว่าง สการ์เลตต์ วิทช์ กับ ดร. สเตรนจ์ เอาไว้ ดังนี้ “พลังของเธออะนะ คือเธอไม่เคยฝึกมาก่อน นี่ผมกำลังพูดถึงสการ์เล็ต วิทช์ เธอไม่เคยฝึกฝน เธอทำความเข้าใจเอง คุณพูดได้เลยว่านี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังของเธอจึงดูยุ่งยากวุ่นวายและควบคุมไม่อยู่ ซึ่งเราก็สื่อถึงสถานการณ์นี้ด้วยการใส่เอฟเฟคแสงลงไป”
ก่อนที่เควิน ไฟกี จะอธิบายต่อถึงจอมเวทย์ฝั่งชาย “ส่วนของด็อกเตอร์ สเตรนจ์ นั้น คุณน่าจะเห็นไปบ้างแล้วละในวันนี้ บนปกของ Entertainment Weekly ก็มี คือพลังของเขาจะมากกว่า มันเป็นเรื่องของการเพ่งสมาธิ เป็นการนำพลังงานจากอีกมิติมาจัดระเบียบเพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงทำอะไรได้มากกว่าสการ์เล็ต วิทช์ อย่างน้อยเขาก็ควบคุมพลังได้ดีกว่า”
5. จะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ในหนังเรื่องนี้
อย่างที่เราได้รู้กันว่าในภาพยนตร์เรื่อง Doctor Strange จะมีการนำเสนอถึงมิติต่าง ๆ เหมือนที่เราเห็นในตัวอย่าง และจากการให้สัมภาษณ์ของ ทิลดา สวินตัน ผู้รับแอนเชี่ยนวัน ในรายการ Jimmy Kimmel Live เธอยังบอกอีกว่าจะมีอีกโลกหนึ่งอยู่ในเรื่องนี้ โดยทิลดาเล่าย้อนไปยังตอนที่ลูก ๆ ของเธอได้มีส่วนร่วมและส่วนเล่นในขั้นตอนโปรดักชั่น
“ตอนนั้นลูกสาวฉันพังข้าวของอยู่ เธอเอาชุดสวย ๆ มาแล้วก็ป้ายมันด้วยโคลน” หลังจากนั้นทิลดา สวินตัน กับ จิมมี่ คิมเมล ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เธอจะพูดถึงลูกคนถัดไปที่อยู่แผนกศิลป์
“ส่วนลูกชาย เรามีเวลาที่ดีตอนที่ฉันเจอเขาตอนกินข้าวเที่ยงในโรงอาหาร ฉันถามเขาว่า ‘เช้านี้ลูกไปทำอะไรมาบ้าง’ และเขาก็ตอบว่า ‘ทำดวงดาวครับ!'” หลังจากนั้นทิลดายังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกว่า “มันเป็นดาวที่ฉันเคยเห็นแล้ว มันโผล่ออกมาด้วยเอฟเฟคที่ยอดเยี่ยมในตอนท้ายของเรื่อง”
นอกจากนี้คิมเมลยังยืนยันอีกว่าดวงดาวดังกล่าวจะปรากฏในตอนท้ายของภาพยนตร์จริงดังที่ทิลดาให้สัมภาษณ์ไว้ แต่คำถามก็คือจะเป็นดาวดวงไหน ซึ่งทางเว็บไซต์ comicbook.com ก็ได้วิเคราะห์ว่าดาวซาการ์จากอนิเมชั่นเรื่อง Planet Hulk ที่ Thor: Ragnarok จะใช้เป็นหนึ่งในเส้นเรื่อง ส่วนอีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คืออาจเป็นดาวที่เชื่อมโยงไปยัง Guardian of The Galaxy Vol.2 เนื่องจาก สตาร์ลอร์ด และผองเพื่อน ต้องตระเวนไปยังดวงดาวอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งดาวที่ลูกของทิลดา สวินตัน สร้างอาจเป็นหนึ่งในนั้น
6. เคยมีคนเอ่ยชื่อหมอแปลกใน Winter Soldier
ใน Captain America: Winter Soldier ตอนที่ฟัลคอน, แบล็ค วิโดว์ และ กัปตันอเมริกา ต้อนแจสเปอร์ ซิทเวล ที่เป็นคนของไฮดร้าเพื่อสืบหาความจริง Project: Insight ที่มีจุดประสงค์ในการจับตาดูและสังหารคนที่มีแววว่าจะเป็นภัยคุกคามกับไฮดร้า และแจสเปอร์ก็ได้พูดชื่อสตีเฟ่น สเตรนจ์ออกมา ซึ่งเควิน ไฟกี ก็ได้ให้เหตุผลที่มีชื่อหมอแปลกหลุดออกมาจากปากคนของไฮดร้าว่า “เขา (ดร. สเตรนจ์) เป็นหมอผ่าตัดที่มีชื่อเสียง เขาได้รับรางวัลและโล่เกียรติคุณมากมาย คนดูจะได้เห็นได้ว่าเขาออกงานกาล่าหลายงาน และอาจทำให้มาถึงจุด ๆ นั้นในเรื่องนี้ได้”
เควิน ไฟกียังอธิบายต่ออีกว่า “ชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับ และก็เป็นคนมีความสามารถด้วย คอมพิวเตอร์ของไฮดร้าเลยระบุว่าเขาอาจสร้างปัญหาให้กับองค์กรได้”
7. ไทม์ไลน์ของ ดร. สเตรนจ์
มีหลายคนสงสัยว่าเรื่องราวของ ดร. สเตรนจ์ จะอยู่ช่วงเวลาไหนของจักรวาล Marvel ซึ่งเว็บไซต์ Cinemablend ก็ได้สังเกตเห็นตัวอักษร A จากตึกอเวนเจอร์ในตัวอย่างหมอแปลกและให้ข้อมูลว่าตึกอเวนเจอร์ที่มีตัว A สีฟ้านี้จะเป็นช่วงก่อนเหตุการณ์ Age of Ultron
มีฉากหนึ่งที่ผู้ช่วย ดร. สเตรนจ์ พูดโทรศัพท์กับเขาว่า “มีทหารเรือนายหนึ่งอายุ 45 ปีกระดูกสันหลังเคลื่อนจากการทดลองชุดเกราะอะไรสักอย่าง” ซึ่งจากประโยคนี้น่าจะหมายถึงตอนที่ แฮมเมอร์ คู่อริของ โทนี่ สตาร์ค ทดลองผลิตชุดเกราะไอรอนแมนในภาพยนตร์เรื่อง Iron Man 2
8. มีส่วนเชื่อมโยงไปยัง Ant-Man
ในเรื่อง Ant-Man เราคงได้เห็นมิติควอนตัมไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปีที่แล้ว เควิน ไฟกี ผู้อำนวยการของ Marvel ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cinemablend ไว้ว่า “หากพูดถึงมิติควอนตัมตอนที่ตัวเล็กลงแล้วก็ อย่างที่แฮงก์ พิมได้บอกไป ช่วงเวลาจะไร้ความหมาย” ก่อนที่ไฟกีจะพูดต่อ “มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราจะนำไปปรับใช้กับ Doctor Strange มิติควอนตัมเป็นแค่น้ำย่อยแค่นั้น”
9. เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ เกือบไม่ใช่ ดร.สเตรนจ์
เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ เกือบไม่ได้รับบท ดร.สเตรนจ์ เพราะเขาต้องแสดงละครเวทีเรื่อง Hamlet ในลอนดอน แต่เมื่อตารางเข้าฉายของ Doctor Strange ถูกเลื่อนจากเดือน กรกฎาคม 2016 ออกไปเป็นพฤศจิกายน 2016 โอกาสของเขาจึงกลับมาอีกครั้ง ซึ่งความจริง เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ คือตัวเลือกเดียวที่ Marvel คิดว่าใช่ และยอมเลื่อนกำหนดการเพื่อดึงเขามาร่วมงานโดยเฉพาะ
10. Doctor Strange เกือบสร้างเป็นหนังหลายครั้งแล้ว
แม้ถูกสร้างเป็นหนังในปี 2016 แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า Doctor Strange ถูกวางแผนสร้างเป็นหนังมาตั้งแต่ต้นยุค 90 โดยในปี 1992 เวส คราเวน (Wes Craven) จากเรื่อง Scream ถูกวางตัวให้นั่งแท่นกำกับ ต่อมาในปี 2001 เดวิด เอส. กอเยอร์ (David S. Goyer) ผู้เขียนบทจากเรื่อง The Dark Knight ถูกวางตัวให้กำกับและเขียนบท ต่อมา กิลเลอร์โม เดล โตโร (Guillermo del Toro) ก็ถูกหมายตาเมื่อปี 2008 จนในที่สุดเก้าอี้ผู้กำกับก็ตกเป็นของ สก็อตต์ เดอร์ริคสัน (Scott Derrickson) จากหนังสยองขวัญ Sinister และ Deliver Us from Evil
ติดตามรับชม
Doctor Strange จอมเวทย์มหากาฬ
วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน เวลา 18.00 น. ทางช่อง MONO29
สามารถชมทางออนไลน์ได้ที่ : https://mono29.com/livetv
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์
: https://www.monomax.me/