คัดลอก URL แล้ว
5 บทบาทของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่แม้ไม่ได้เข้าชิงออสการ์แต่ก็น่าจับตาไม่ใช่น้อย!

5 บทบาทของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ที่แม้ไม่ได้เข้าชิงออสการ์แต่ก็น่าจับตาไม่ใช่น้อย!

ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ นับเป็นหนึ่งในนักแสดงชายที่เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงยอดเยี่ยมบ่อยที่สุด (จนถูกล้อด้วยมีม ‘คนนกออสการ์’ อยู่เป็นนานหลายปี) โดยหนังเรื่องแรกที่ส่งเขาเข้าชิงออสการ์สาขาสบทบชายยอดเยี่ยมคือ What’s Eating Gilbert Grape (1993) ในบท อาร์นี เด็กออทิสติกที่ตัวติดกับพี่ชาย ซึ่งดิคาปริโอเข้าชิงเรื่องนี้ด้วยวัยเพียง 19 ปีเท่านั้น! ก่อนที่ทศวรรษต่อมา The Aviator (2004) จะทำให้เขาเข้าชิงนำชาย เช่นเดียวกับ Blood Diamond (2006) และ The Wolf of Wall Street (2013) ก่อนที่ The Revenant (2015) จะทำให้เขาคว้านำชายยอดเยี่ยมมาครองได้ด้วยบทคนป่าผู้งำความแค้นไว้กับตัว หากแต่ก็มีอีกหลายเรื่องเช่นกัน ที่แม้จะไม่ส่งเขาชิงออสการ์ แต่มันก็เป็นบทบาทที่ท้าทายสาขาอาชีพนักแสดงอย่างยิ่ง จนเราอยากชวนทุกคนกลับไปย้อนวันเวลาหามาดูด้วยกัน!

 

โทบี จาก This Boy’s Life (1993, ไมเคิล คาตัน-โจนส์)

ไอ้หนูดิคาปริโอประชันบทบาทกับ โรเบิร์ต เดอ นีโร นักแสดงรุ่นเก๋าของวงการ โดยดิคาปริโอรับบทเป็น โทบี เด็กหนุ่มที่ต้องอาศัยกับแม่ที่แต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงขาโหด (เดอ นีโร) โดยฉากที่ทำให้ดิคาปริโอกลายเป็น ‘ดาวรุ่ง’ ขึ้นมาทันทีที่หนังออกฉายคือฉากที่เขาปะทะคารมกับพ่อเลี้ยงบนโต๊ะอาหาร ดิคาปริโอสื่อความคับแค้นใจจากการถูกกดขี่ผ่านสายตากราดเกรี้ยวและเหลืออด ก่อนระเบิดอารมณ์ใส่พ่อเลี้ยงด้วยการกระโจนเข้าหาและดวลกำปั้นกัน โดยมันไม่ได้เป็นแต่เพียงฉากแสดงความกราดเกรี้ยวของคนหนุ่มเท่านั้น หากแต่มันยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงภาวะการเปลี่ยนแปลงและเติบโตในตัวของคนหนุ่มผ่านการถ่ายทอดของดิคาปริโอนั่นเอง

 

โรมีโอ จาก Romeo + Juliet (1996, บาซ เลอห์มานน์)

สร้างจากบทประพันธ์เรื่อง Romeo and Juliet ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ นักกวีชาวอังกฤษ ซึ่งดิคาปริโอรับบทเป็นโรมีโอ เด็กหนุ่มผู้ตกหลุมรักสาวน้อยของตระกูลศัตรูที่ไม่ถูกกันกับครอบครัวของเขา นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมแสนเศร้าที่ว่าด้วยความรักของคนหนุ่มสาว โดยนี่นับเป็นบทที่ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ทั่วโลกตกหลุมรักหน้าซื่อๆ กับรอยยิ้มกว้างๆ ของเขา โดยเฉพาะฉากลอบมอง จูเลียต ผ่านตู้ปลาที่ทรงเสน่ห์สุดๆ ไปเลย (><)

 

แจ็ค จาก Titanic (1997, เจมส์ แคเมอรอน)

ไม่ผิดหากจะกล่าวว่าดิคาปริโอดังเป็นพลุแตกจากหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะตัวหนังทำเงินไปหลายล้านเหรียญฯ จากทั่วโลก และขึ้นทำเนียบหนังทำเงินสูงตลอดกาลอยู่นานหลายปี (ก่อนจะถูกโค่นโดย Avatar, 2009 -ที่คาเมรอนกำกับ- ในเวลาต่อมา) โดยหนังรักสุดสะเทือนใจที่เล่าถึงหนุ่มติดดินผู้ตกหลุมรักสาวสูงศักดิ์ที่เกิดขึ้นบนเรือไททานิก ในชั่วเวลาไม่กี่คืนที่ได้อยู่ด้วยกัน คนทั้งสองแลกเปลี่ยนมุมมองชีวิตและตั้งเป้าหมายไปใช้ชีวิตใหม่ด้วยกันบนแผ่นดิน… หากแต่มันไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อเรือชนเข้ากับน้ำแข็งก้อนยักษ์กลางมหาสมุทร ดิคาปริโอแสดงบทบาทของคนหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยอิสระ มีความหวังและมองโลกในแง่ดี ทั้งยังหล่อเหลาจนติดอันดับหนุ่มฮ็อตของหลายสำนักเลยทีเดียว

 

แบรนดอน จาก Celebrity (1998, วูดี อัลเลน)

หนังรวมดาวนักแสดงดังของคุณปู่อัลเลน ทั้ง เคนเน็ธ บรานาห์, จูดี เดวิส, วิโนนา ไรเดอร์, เคต เบอร์ตัน ฯลฯ ตามติดชีวิตคู่พังทลายของเหล่าคนดัง และดิคาปริโอรับบทเป็นแบรนดอน เซเลบริตี้หนุ่มมากรักผู้ลุ่มหลงและหมกมุ่นในชื่อเสียงและเซ็กซ์ ไม่วายเจอเรื่องชวนปวดกบาลเมื่อคู่นอนของเขา -ซึ่งก็เป็นคนดังเช่นกัน- เกิดมีสัมพันธ์กับหนุ่มอื่นด้วย อัลเลนถ่ายทำหนังทั้งเรื่องด้วยภาพขาวดำ เพียบไปด้วยมุกตลกตามสไตล์ของเขา

 

แฟรงค์ อบาจ์เนล จาก Catch Me If You Can (2002, สตีเวน สปีลเบิร์ก)

เหตุการณ์ชวนหัวที่สร้างจากเรื่องจริงของจอมต้มตุ๋นที่อเมริกาหมายหัวเป็นอันดับหนึ่งอย่าง แฟรงค์ อบาจ์เนล ที่กะล่อนหลอกคนไปเรื่อยๆ ด้วยมันสมองอัจฉริยะและเทคนิคการตลบแตลงอันเหลือเชื่อ โดยเขาหลอกทุกคนได้ว่าเขานั้นเป็นทั้งหมอ, นักบิน, ทนายความ และอีกสารพัดอาชีพโดยใช้กลการตบตาอันแยบยล หากคนเดียวที่ไม่ยอมหลงกลไปกับเขาคือ คาร์ล (ทอม แฮงค์ส) นายตำรวจรุ่นใหญ่ที่ตามกัดเขาไม่ปล่อยไม่ว่าเขาจะย้ายไปอีกกี่อาชีพก็ตาม เรื่องนี้ ดิคาปริโอได้ประกบกับทั้งผู้กำกับเจ้าของฉายาพ่อมดฮอลลีวูดอย่างสปีลเบิร์ก และนักแสดงมือรางวัลอย่างแฮงค์ส ที่ขอบอกเลยว่าพวกเขาแสดงได้เข้าขากันสุดๆ!

 

ติดตามรับชม Catch Me If You Can จับให้ได้ ถ้านายแน่จริง
วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน เวลา 19.40 น.ทางช่อง MONO29

สามารถชมทางออนไลน์ได้ที่ : https://mono29.com/livetv

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์
: https://movie.mthai.com/

 

 

 


Movie & Series Talk