การเล่นมายากลนับเป็นอีกอย่างที่พัฒนาไปพร้อมกับโลกเรา เพราะทุกวันนี้ก็มีทริคใหม่ๆ ออกมาให้คนดูได้เซอร์ไพร์สอยู่เรื่อยๆ ซึ่งหนังแนวนี้เองก็พัฒนาไปไกลไม่แพ้กัน เพราะช่วงหลังมานี้หนังแต่ละเรื่องก็มีสไตล์ที่โดดเด่นและสร้างภาพจำให้ตัวเองมากขึ้น วันนี้ทาง MONO29 เลยจะมาแนะนำหนังมายากล หลากหลายสไตล์ ให้ทุกคนได้รู้จักกัน
เรื่องแรกเป็นผลงานของผู้กำกับชั้นเซียน คริสโตเฟอร์ โนแลน กับเรื่องนี้ The Prestige หนังเล่าถึงนักมายากลสองคนที่เคยทำงานร่วมกัน แต่วันนึงก็เกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้ภรรยาของหนึ่งในนักมายากลเกิดเสียชีวิตระหว่างแสดง ตั้งแต่นั้นมาทั้งสองเลยกลายเป็นศัตรูคู่แข่งกัน และเมื่อได้ชื่อว่าเป็นงานของโนแลน ก็รับประกันถึงความไม่ธรรมดาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกลอันเหนือชั้นของทั้งสองนักมายากลที่มุ่งแต่จะเอาชนะกัน เนื้อเรื่องที่หนักหน่วงแต่ก็ชวนติดตาม และที่โดดเด่นสุดก็คือการเล่าเรื่องที่จะค่อยๆคลายปม เผยความจริงให้ผู้ชมได้เซอร์ไพร์สกันตลอดทั้งเรื่อง
หนังมายากลปนโรแมนติกแนวย้อนยุค The Illusionist ว่าด้วยนักมายากลมือหนึ่ง ไอเซนไฮม์ เขาได้กลับไปเจอคนรักเก่า แต่ก็ไม่สามารถอยู่กับเธอได้ นี่เองที่ทำให้เขาต้องใช้มายากลเข้าช่วย เพื่อดึงรักนี้ให้กลับมาอยู่กับตัว ซึ่งไม่ใช่แค่การเล่นมายากลเท่านั้น แต่เสน่ห์จริงๆของหนังคือฉากหลังในยุโรปสมัยยุค 80 ที่มาพร้อมเสื้อผ้าสุดคลาสสิค และที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คืองานภาพอันแสนงดงาม ที่ทำให้มันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขากำกับภาพยอดเยี่ยมในปี 2007
ต่อกันด้วยหนังที่มาในสไตล์ป๊อปๆ เหมาะกับเหล่าวัยรุ่น อย่างแฟรนไชส์ Now You See Me หนังเล่าเรื่องราวของสี่นักมายากลกลุ่มจตุรอาชา ที่มีชื่อเสียงทั้งในหมู่คนดูและตำรวจ เพราะพวกเขาเป็นที่หนึ่งในวงการมายากล แต่ดันใช้มันเพื่อก่ออาชญกรรม โดยนี่นับเป็นหนังที่เปิดยุคใหม่ให้วงการหนังมายากล รวมไปถึงการเล่าเรื่องแบบกระชับฉับไวไม่น่าเบื่อ ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จจนมีภาคต่ออย่าง Now You See Me 2 ที่จัดการเล่นกลระดับเทพมาให้เราได้ตะลึงกันเข้าไปอีก และยังได้หนึ่งดาราที่เราคุ้นเคยอย่าง Daniel Radcliffe มาร่วมแสดงด้วย ถือเป็นหนังมายากลแนวใหม่ ที่น่าจะถูกใจเหล่าคนรุ่นใหม่อย่างเราๆไม่น้อยเลย
ปิดท้ายกันด้วยอีกหนึ่งหนังมายากลแหวกแนวสไตล์วัยรุ่นกับ Sleight เล่าถึงหนุ่มนักมายากลข้างถนนที่แอบรับงานผิดกฎหมายให้แก๊งมิจฉาชีพเพื่อหาเงินมาดูแลน้องสาว แต่งานนี้มันกลับทำให้น้องสาวต้องตกอยู่ในอันตราย เขาจึงต้องนำมายากลที่ตัวเองถนัดมาใช้เพื่อช่วยน้องให้ได้ โดยงานนี้แหวกแนวตรงที่หนังเล่าเรื่องมายากลผ่านสังคมคนผิวสี แถมยังเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไม่ได้เป็นนักมายากลมืออาชีพเหมือนเรื่องอื่นๆ และมันก็ไม่ใช่แค่มายากลอย่างเดียว แต่หนังยังเพิ่มความสนุกด้วยการใส่เรื่องการใช้พลังจิตเข้าไปอีกด้วย
