แม้จะไม่เคยถูกรักเลย ไม่เคยถูกเลือกเลย บนเวทีใหญ่ๆทางด้านภาพยนตร์อย่างตุ๊กตาทองหรือลูกโลกทองคำ แถมยังเฉียดเข้าชิงรางวัลยอดยี้อย่าง Razzie Awards แต่อะไรกันที่ทำให้ Keanu Reeves ชนะรางวัลขวัญใจวัยว้าวุ่นอย่าง Teen Choice Awards และเข้าชิง MTV หลายปีติด วันนี้ MONO29 จึงนำ 4 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด ผลงานการแสดงของ Keanu Reeves มาฝากกัน เริ่มกันที่
Tune in Tomorrow (1990) / The Private Lives of Pippa Lee (2009)
1. ชื่อของเขาอ่านว่า คีอานู รีฟส์ คีอานู หมายถึง ลมเย็นที่พัดเหนือภูเขาในภาษาฮาวาเอียน และมีความหมายลึกซึ้งคือ ผู้ที่ซาบซึ้งในพระเจ้า Keanu Reeves ได้ชื่อนี้มาจากการที่มีพ่อเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายฮาวาย จีน โปรตุเกส และแม่ชาวอังกฤษ
My Own Private Idaho (1991)
2. เล่นหนังเรื่องแรกคือ Letting Go (1985) ตอนอายุ 21 แต่เป็นที่รู้จักจากการรับบทตัวเอกใน Youngblood (1986) ซึ่งเกี่ยวกับฮอกกี้น้ำแข็ง ทำให้เขาได้โชว์ความสามารถเมื่อครั้งเคยเป็นผู้เล่น MVP สมัยมัธยมเต็มที่
Little Buddha (1993)
3. Keanu Reeves เป็น Atheism แต่ถึงจะไม่เชื่อในศาสนา ก็สนใจคำสอนของพุทธศาสนานิกายมหายานเป็นพิเศษนะ ตั้งแต่ได้เล่นหนัง Little Buddha (1993) นั่นแหละ
Speed (1994)
4. กำกับหนังเรื่องแรกในปี 2013 ชื่อ Man of Tai Chi โดยได้แรงบันดาลใจจากชีวิตของ Tiger Chen เพื่อนสตั๊นท์แมนคนนึงของเขา ที่ได้มาแสดงนำให้ด้วย
Constantine (2005)
“Chain Reaction เร็วพลิกนรก” หนังแอคชั่นไซไฟปี 1996 ว่าด้วยเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่สามารถค้นพบพลังงานใหม่ปริมาณมหาศาลและไร้ขีดจำกัดได้ในที่สุด แต่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญกลับนำพาหายนะมาสู่พวกเขาเพราะพลังงานนี้กลายเป็นที่ต้องการของคนหลายฝ่าย รวมไปถึงเหล่าคนที่ยอมใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้มันมา โดยหนังได้ Keanu Reeves และสาว Rachel Weisz มารับบทเป็นสองนักวิจัยในโปรเจ็คที่ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกตามล่า พร้อมทั้งได้ดาราดังอย่าง Morgan Freeman และ Brian Cox มาร่วมแจม กำกับโดย Andrew Davis ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแนวมาจับงานไซไฟครั้งแรกหลังประสบความสำเร็จจากหนังแอคชั่นทริลเลอร์อย่าง Under Siege และ The Fugitive
“Point Break คลื่นบ้ากระแทกคลื่นบ้า” หนังแนวแอคชั่นทริลเลอร์ปี 1991 (ภายหลังถูกนำไปรีเมคในปี 2015) Keanu Reeves แสดงร่วมกับ Gary Busey จาก Predator 2 และ Patrick Swayze จาก Ghost ปั้นหม้อรอผัว กำกับโดย Kathryn Bigelow เจ้าของรางวัลออสการ์จากหนังเรื่อง The Hurt Locker หน่วยระห่ำปลดล็อคระเบิดโลก
“The Day The Earth Stood Still วันพิฆาตสะกดโลก” หนังวันโลกวินาศฉบับปี 2008 (รีเมคมาจากปี 1951) ที่เขาแสดงร่วมกับ Jennifer Connelly, Jaden Smith, Kathy Bates แถมท้ายด้วยเกร็ดความรู้เรียกน้ำย่อยกับผลงานล่าสุดของเขาที่เราจะได้ชมกันในปี 2019 นี้นั่นคือ John Wick ภาค 3 (ติดตามชม “John Wick จอห์น วิค แรงกว่านรก” ได้ในวันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคมนี้ เวลา 11.50 น. ทางช่อง MONO29)
47 Ronin (2013)
1. นี่เป็นผลงานเปิดตัว Chad Stahelski และ David Leitch ในฐานะผู้กำกับ โดยก่อนหน้านี้พวกเขาทำหน้าที่เป็นสตั๊นแมนในหนังหลายเรื่อง เช่น X-Men Origins: Wolverine, Tron: Legacy แถมบางเรื่องพวกเขาก็ทำหน้าที่กำกับฉากแอคชั่นควบไปด้วยอย่างเรื่อง Ninja Assassin และ Escape Plan ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นผลงานเปิดตัวแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Stahelski และ Leitch มาจับมือร่วมงานกัน หลังเจอกันมาหลายครั้งแต่ต่างคนก็ต่างทำงานของตัวเอง ซึ่งนี่ก็เป็นโปรเจ็คที่ผู้ชมคาดหวังและตั้งตารอดูความแตกต่างเพราะทั้งสองผู้กำกับมีชื่อเสียงอย่างมากในวงการสตั๊นแมนทั้งเรื่องความสามารถการแสดงและการคิดลีลาท่าบู๊ โดยในเรื่องนี้เองพวกเขาก็ทั้งกำกับภาพรวมของหนังพร้อมช่วยออกแบบท่าทางแอคชั่นในแต่ละฉากด้วย
John Wick (2014)
2. Keanu Reeves ต้องฝึกกลยุทธ์การรบและใช้อาวุธทุกชนิด จาก แอรอน โคเอน อดีตทหารหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย เป็นเวลา 3 อาทิตย์ ฝึกใช้ปืนยาว 40 ชั่วโมง รวมทั้งศิลปะป้องกันตัวฝั่งตะวันออกอย่างยูโด มวย ยูยิตสู ฯลฯ อีกนับจำนวนชั่วโมงไม่ถ้วน เพื่อรับบท John Wick ซึ่งกำกับโดย Chad Stahelski หนึ่งในคนที่รู้จักเขาดีที่สุด เพราะเคยเป็นสตั๊นท์แทนเขาใน The Matrix (1999), The Replacements (2000), The Matrix Reloaded (2003), Thumbsucker (2005), Constantine (2005) มาแล้ว
John Wick: Chapter 2 (2017)
3. นี่เป็นเรื่องราวของอดีตมือสังหารนาม John Wick ที่ต้องกลับมาจับปืนอีกครั้ง เพื่อแก้แค้นเหล่าคนที่ทำให้ชีวิตอันสงบสุขของเขาต้องพังทลายลง โดยได้พระเอกสายบู๊จากหนังไตรภาค The Matrix อย่าง Keanu Reeves มารับบท John Wick ซึ่งเขานี่แหละที่เป็นคนดึงตัว Stahelski และ Leitch เข้ามากำกับเรื่องนี้หลังได้เห็นลีลาบู๊ในฐานะสตั๊นแมนของทั้งสองในกองถ่าย The Matrix และเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถกำกับฉาคแอคชั่นได้อย่างมืออาชีพแน่นอน และเขาก็มองคนไม่ผิดจริงๆ เพราะสิ่งที่เด่นที่สุดในเรื่องนี้ก็คือฉากแอคชั่น ที่ผสมทุกศาสตร์เข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้ที่อิงจากหนังฮ่องกงและศาสตร์กังฟู รวมไปถึงแนวทางของฉาคแอคชั่นสุดเวอร์ที่อิงมาจากแอนิเมชั่น ซึ่งความหลากหลายนี้ก็รวมกันได้อย่างลงตัวภายใต้การดูแลของสองผู้กำกับฉากบู๊มืออาชีพ จนมันกลายเป็นหนังแอคชั่นที่มีสไตล์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร
4. แน่นอนว่าทั้งคนดูและนักวิจารณ์ต่างก็ถูกใจในความเก๋ไก๋ของฉากแอคชั่น แถมยังชมฝีมือการบู๊ของ Keanu Reeves ที่จัดเต็มยิ่งกว่าใน The Matrix จนนักวิจารณ์หลายคนยกให้ John Wick เป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของ Reeves และเป็นหนึ่งในหนังแอคชั่นที่ดีที่สุดในปี 2014 ซึ่งความสำเร็จนี้ก็พาให้หนังมีภาคสองต่อที่ก็เพิ่งเข้าฉายปี 2017 และภาคสามปี 2019
ข้อมูลจากนิตยสาร Hamburger และรายการ Entertainment Now