คัดลอก URL แล้ว
จุดเริ่มต้นการผจญภัยของ “อินเดียน่า โจนส์”

จุดเริ่มต้นการผจญภัยของ “อินเดียน่า โจนส์”

ประมาณต้นยุค 70 George Lucas มีความใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะทำหนังผจญภัย 2 แบบ ได้แก่ ผจญภัยในอวกาศราวยอดมนุษย์แบบ Flash Gordon ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Star Wars และหนังผจญภัยตามหาขุมทรัพย์ โดยเขาและ Philip Kaufman ได้สร้างเค้าโครงเรื่องของการผจญภัยของนักโบราณคดีรายนึงขึ้นมา แต่ก็พักโปรเจกต์ไว้ เพราะเขาต้องทำ Star Wars ที่ค้างคาอยู่ให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อน

 

 

กระทั่งปี 1977 หลังจาก Star Wars เปิดตัวและประสบความสำเร็จแล้ว เขาก็ได้ไปพักผ่อนที่ฮาวายกับ สตีเวน สปีลเบิร์ก ซึ่งบอกความในใจว่า ตนอยากกำกับหนัง เจมส์ บอนด์ 007 ซักครั้ง George Lucas เลยสวนกลับทันทีว่า ทำไมไม่ทำหนังใหม่แนวเดียวกันไปเลยล่ะ นั่นทำให้ สตีเวน สปีลเบิร์ก ได้กำกับหนังจากเค้าโครงเรื่องของ George Lucas กับ Philip Kaufman ที่ได้มอบหมายให้ ลอว์เรนซ์ แคสแดน เป็นผู้เขียนบทหนังที่ชื่อว่า Raiders of the Lost Ark

 

 

การคัดเลือกนักแสดง ทีแรก สตีเวน สปีลเบิร์ก บอกว่า ต้องการให้ แฮร์ริสัน ฟอร์ด มารับบทพระเอก แต่เนื่องจากเคยร่วมงานด้วยจากหนังถึง 2 เรื่องคือ American Graffiti และ Star Wars ทำให้ George Lucas เสนอชื่อ Tom Selleck ขึ้นมาแทน แต่เพราะตอนนั้นเจ้าตัวติดสัญญาแสดงซีรีส์เรื่อง Magnum, P.I. บทนี้จึงกลับมาตกเป็นของ แฮร์ริสัน ฟอร์ด

 

 

จากทุนสร้างเพียง 18 ล้านเหรียญ หนังฮิตถล่มทลายด้วยรายได้ที่อเมริกา 242 ล้านเหรียญ (383 เหรียญทั่วโลก) กับเรื่องราวของหีบศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุบัญญัติ 10 ประการที่โมเสสนำลงมาจากยอดเขาตามความเชื่อทางศาสนาคริสต์ มีหรือจะไม่เข็นภาคต่อตามมา โดยในภาค 2 ทีแรกผู้สร้างอยากให้ผจญภัยตามรอยไซอิ๋ว ตอนเริ่มเรื่องถึงได้มีความเป็นจีนแบบเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ แต่สุดท้ายก็กลับมาที่ความเชื่อแบบฮินดูแทนใน Indiana Jones and the Temple of Doom จากทุนสร้างเพียง 28 ล้านเหรียญ หนังฮิตถล่มทลายอีกแล้ว ด้วยรายได้ที่อเมริกา 179 ล้านเหรียญ (333 ล้านเหรียญทั่วโลก) แม้จะถือว่าเป็นภาคที่ทำรายได้น้อยที่สุดก็ตาม

 

 

พอถึงภาค 3 George Lucas เสนอว่าอยากให้เกี่ยวกับบ้านผีสิงอะไรทำนองนั้น แต่เผอิญช่วงนั้น สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับ เพิ่งสร้างหนังเรื่อง Poltergeist ไป และเขาก็ไม่อยากทำอะไรที่มันซ้ำซาก จึงได้เรื่องที่ชาวยิวรู้ดีอย่างจอกศักดิ์สิทธิ์ในพระกระยาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซูมาดัดแปลงแต่งเติมจนกลายเป็นภาคนี้ ซึ่งความพิเศษของ Indiana Jones and the Last Crusade ก็คือ การได้ River Phoenix มารับบท อินเดียน่า โจนส์ วัยหนุ่ม และ Sean Connery มารับบทพ่อ ที่บอกเล่าความเป็นมาคร่าว ๆ ว่านักโบราณคดีอย่างดอกเตอร์ อินเดียน่า โจนส์ เป็นใคร มาจากไหน (ถ้าอยากดูอย่างละเอียดต้องหาซีรีส์ The Young Indiana Jones Chronicles มาดูเอาเอง)

 

 

จากทุนสร้างเพียง 48 ล้านเหรียญ ภาคนี้ทำรายได้ในอเมริกาไปถึง 494 ล้านเหรียญ เกิดแฟนคลับและแฟรนไชส์มากมาย อาทิ นวนิยาย วิดีโอเกม รวมถึงเครื่องเล่นในดิสนี่ย์แลนด์ ก่อนจะกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีในภาค 4 Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ด้วยทุนสร้าง 185 ล้านเหรียญ ทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า 786 ล้านเหรียญ แถมยังได้นักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง Cate Blanchett และ Shia LaBeouf มาร่วมแสดง

 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Jones and the Kingdom of the Crystal Skull

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Jones and the Kingdom of the Crystal Skull

 

MONO29 นำกลับมาให้ชมอย่างต่อเนื่องกันอีกครั้งทุกวันจันทร์ ตลอดเดือนพฤศจิกายนกับ

“Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ภาค 1“ วันที่ 4 เวลา 20.45 น.

“Indiana Jones and the Temple of Doom ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ภาค 2 ถล่มวิหารเจ้าแม่กาลี” วันที่ 11 เวลา 20.30 น.

“Indiana Jones and the Last Crusade ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ภาค 3 ศึกอภินิหารครูเสด” วันที่ 18 เวลา 20.05 น.

และ “Jones and the Kingdom of the Crystal Skull ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ภาค 4 อาณาจักรกะโหลกแก้ว” วันที่ 2 ธันวาคมนี้ เวลา 18.00 น.


Movie & Series Talk