กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองแรกๆ ที่นักชิมและนักเดินทางต่างปักหมุดให้เป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยว และการตระเวนชิมอาหารทั้งสตรีทฟู้ดและไฟน์ไดนิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของธุรกิจร้านอาหารในเครือ บริษัท ข้าวปั้นเอโดะ จำกัด ซึ่งพร้อมจะสนับสนุนร้านอาหารของคนไทยให้เป็นหนึ่งใน Soft Power ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตอบโจทย์ในเรื่องคุณภาพและความคุ้มค่าสูงสุด
คุณบี พัฒนชัย สุระวัฒนาพงศ์ ผู้สร้างธุรกิจร้านอาหารครองใจคนไทยมาตลอดระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Kabocha Sushi”ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ส่งตรงวัตถุดิบสดใหม่จากทะเลญี่ปุ่น และ “Sushi Koge”ร้านโอมากาเสะตำรับยุคเอโดะ เปิดประสบการณ์ทานโอกามาเสะคำแรกที่แท้จริง ที่เปิดตัวไปในปี 2566 และล่าสุดกับอีกหนึ่งธุรกิจน้องใหม่ “Soofu Premium Hotpot”ร้านหม้อไฟสไตล์เอเชี่ยนกลิ่นอายแบบตะวันออกที่คัดสรรมาจากตัวเลือกที่ดีที่สุด ที่พึ่งเปิดตัวไม่นานนี้ ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์ล้วนสานต่อและส่งมอบความสุข ความผูกพัน ในทุกๆ คำ (Crafting Happiness) อันเป็นสโลแกนที่คุณบี พัฒนชัย ใช้ในการบริหารธุรกิจร้านอาหารมาโดยตลอด
จากการเล็งเห็นว่า ตลาดธุรกิจหม้อไฟในประเทศไทยโดยเฉพาะหม้อไฟเสฉวน-ฉงชิ่ง ที่เป็นหมวดหมู่หม้อไฟที่มีจุดเด่นเรื่องลูกชิ้นประเภทต่างๆ โดยเฉพาะลูกชิ้นเอ็นเนื้อ และกระเพราะผ้าขี้ริ้ส ประกอบกับรสชาติแบบท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ จึงได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน มีแนวโน้มจะเติบโตได้ดีในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของ “Soofu Premium Hotpot” (ซูฟู่ พรีเมียม ฮอทพอท) หม้อไฟพรีเมียม 3 สัญชาติ สไตล์เอเชี่ยน ที่มีที่มาจากสูตรลับที่พ่อครัว Soofu ได้ศึกษามาจาก 3 เมืองใหญ่ของจีนในมณฑลเสฉวน สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของอาหารจีนพื้นบ้านไม่ซ้ำชื่อไม่ซ้ำรสชาติ จนถูกขนานนามว่าอาหารที่นี่ “หนึ่งจานหนึ่งสไตล์ ร้อยจานร้อยสไตล์” เกิดเป็นเมนูหม้อไฟแห่งโลกตะวันออกของ Soofu ที่โดดเด่นในเรื่องรสชาติที่แตกต่าง และวัตถุดิบคุณภาพที่ผ่านการคัดสรร ไม่ว่าจะเป็นหมูโคจิบูตะและเนื้อวัววากิวเกรดพรีเมียมนำเข้าจากฟาร์มญี่ปุ่น เช่น เนื้อโกเบที่นุ่มละมุนละลายในปาก เนื้อคาโกชิม่ารสชาติที่กลมกล่อม ไม่หนักแต่แน่นเต็มคำ เนื้อวากิวออสเตรเลียที่มีไขมันแทรกคล้ายลายหินอ่อนที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมรสชาติที่หอม สัมผัสนุ่มละมุน ฯลฯ ซึ่งการเข้าแข่งขันในตลาดชาบูหม้อไฟครั้งนี้ หมายมั่นปั้นแบรนด์ให้เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารคุณภาพดีในใจลูกค้า ในราคาที่เอื้อมถึงได้
คุณพัฒนชัยกล่าวว่าสิ่งสำคัญที่นอกจากการสร้างเอกลักษณ์และรักษากลิ่นอายของต้นตำรับอาหารท้องถิ่นในเรื่องการรักษาความสดใหม่ของวัตถุดิบ การมีราคาที่จับต้องได้สำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญ แบรนด์หม้อไฟที่มีการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและมีชื่อเสียงที่ดี ได้รับคะแนนรีวิวสูงจากลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงมีเพจที่มีนักรีวิวที่มีชื่อเสียงหมุนเวียนเข้ามาแนะนำอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์จากลูกค้าได้มากขึ้น
“หมาล่าติดแกรม” เป็นหนึ่งในฉายาที่ลูกค้าตั้งให้ซูฟู่ คำว่าติดแกรมในที่นี้หมายถึงความพรีเมียม ชีวิตที่หรูหราที่อวดต่อได้เมื่อได้มาทาน แต่ขณะเดียวกันลูกค้าก็สามารถเลือกจ่ายในราคาที่ต้องการได้
เซตอาหารของทางร้านราคาเริ่มต้นที่ Set สันคอหมูโคจิบูตะ เพียง 390 บาท ไปจนถึง Set ซูฟู่ วากิว ทริปเปิ้บเอ ที่รวมเอาเนื้อวากิวเกรดพรีเมียมนำเข้าจากญี่ปุ่น มาให้ลิ้มลองในราคาอิ่มจุกๆ ที่ 1,690 บาท นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์ของหม้อไฟเสฉวน-ฉงชิ่งอย่างลูกชิ้นไต้หวัน ซึ่งที่ซูฟู่เป็นลูกชิ้นฮาร์ทเมดแบบปั้นมือ พร้อมปรุงรสด้วยสูตรลับเฉพาะของเชฟจนมีความนุ่นเด้ง เนื้อหนุบหนับเต็มๆ คำ โดยมีให้เลือกทั้งลูกชิ้นกุ้ง หมู และปลา รวมไปถึงอาหารทะเลคัดเกรดอย่างครบครัน โดยเซตอาหารทั้งหมดเสิร์ฟพร้อมชุดผักออแกนิก พร้อมน้ำซุปให้เลือกมากมายหลายรสชาติ เช่น ซุปสีทอง ซุปกระดูกหมูคอลลาเจน ซุปปลาต้มผักกาดดอง ซุปมะเขือเทศ ซุปเห็ดหอม ไปจนถึงซุปหมาล่า และไฮไลท์ของซูฟู่ที่มีให้ในเซต คือ หอยเชลล์ฮอกไกโดอบวุ้นเส้นฮ่องกง หนึ่งในเมนู Signature ของทางร้านที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ที่หากอยากทานต้องมาที่ซูฟู่ที่เดียวเท่านั้น ในส่วนของขนมหวาน ทางร้านนำเสนอเมนูที่ไม่ซ้ำใครอย่าง ปาท่องโก๋โรยพริกหมาล่าจิ้มกับนมข้นหวาน และปิงเฝินเฉินตู่ วุ้นเจลาตินสไตล์จีน โรยด้วยแตงโม ลูกเกด และเกล็ดแผ่นน้ำตาล ซึ่งทั้งหมดยังไม่รวมสิทธิส่วนลดพิเศษที่ลูกค้าจะได้รับจากการสมัครสมาชิก ที่สมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยลูกค้าจะได้รับส่วนลดเพิ่ม 10% ทันที และทางร้านยังจัดโปรโมชันส่วนลดหมุนเวียน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอาหารที่หลากหลายมากขึ้น
อย่างไรก็ตามคุณพัฒนชัยมองว่า อาหารรสชาติอร่อยและราคาประหยัดนั้นยังไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในสภาวการณ์แข่งขันที่สูงเฉกเช่นในปัจจุบันได้ ร้านอาหารจะต้องมีบริการจากพนักงานหน้าร้านที่สามารถซื้อใจลูกค้าท่ามกลางตัวเลือกอันหลากหลายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น บริการรับออเดอร์ การปรุงอาหาร การเสิร์ฟอาหาร บรรยากาศภายในร้าน ไปจนถึงช่วงเวลาที่ลูกค้าชำระเงินและขอบคุณลูกค้าที่มาใช้บริการ ยกตัวอย่างการจัดที่นั่งภายในร้าน ซูฟู่ของเรามีบริการหม้อไฟให้ลูกค้า 1 ท่านต่อ 1 หม้อ มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ ที่นั่งแบบโต๊ะ 2-4 ที่นั่ง ไปจนถึงห้อง VIP ที่มีความจุขนาด 6-8 ท่าน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มาใช้บริการทั้งแบบมาคนเดียวและมาเป็นกลุ่ม
โดยที่นั่งส่วนใหญ่มากกว่า 70% ของพื้นที่ร้าน ถูกจัดแบบบาร์เดี่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าในยุคใหม่ที่นิยมเลือกทานอาหารแบบ Solo Dining มากขึ้นหรืออิสระที่ได้ทานคนเดียว ได้ลองอะไรใหม่ๆ ตามใจโดยไม่ต้องรอใคร รวมไปถึงเทรนด์คู่รักรุ่นใหม่ “DINK”หรือ Double Incomes, No Kid ที่ใช้จ่ายเพื่อความสุขของตนเองกับคู่ครอง และเก็บเงินไว้ดูแลตนเองยามแก่ชราโดยไม่หวังพึ่งลูกหลาน นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ต้องการสั่งกลับบ้าน ทางร้านก็มีบริการขายผ่านช่องทาง Delivery เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เลือกรับประทานอาหารที่บ้าน
การวางกลยุทธ์ทางการตลาด แบบ Data Driven Marketing โดยดูจากพฤติกรรมและความชื่นชอบของลูกค้าดังกล่าว ประกอบกับการสร้าง Royalty Program ที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่สนใจ รวมไปถึงการนำปรัชญาในการบริการของญี่ปุ่น “Kodawari” มาปรับใช้ในงานบริการทั้งหมด ล้วนเป็นส่วนเสริมที่ช่วยสร้างความประทับใจและทำให้ลูกค้ารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มาใช้บริการ ซึ่งจะนำแบรนด์ไปสู่การบรรลุเป้าหมายสูงสุดคือสร้างให้เกิด “Brand Love“ จนนำไปสู่การบอกต่อในที่สุด
คุณพัฒนชัย เสริมท้ายว่า “Soofu Premium Hotpot”จะพัฒนาคุณภาพและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและเติบโตได้ดีในอนาคต โดยได้ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ถึง 5 สาขา ภายใน 3 ปี ท่านที่สนใจอยากลิ้มลองรสชาติ “หมาล่าติดแกรม” ที่พูดถึงกันในโลกออนไลน์และได้รับคะแนนจัดอันดับความนิยมจาก Google Reviewถึง 4.9 ดาวจาก 5 ดาว จะเป็นอย่างไร ขอเชิญทุกท่านมาร่วมเปิดประสบการณ์ได้ที่ ร้านซูฟู่ ฮอทพอท ชั้น 2 ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 โทร 098-551-7117