วันที่ 5 สิงหาคม 2567 เวลา 10.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) แถลงผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง ประจำเดือนสิงหาคม 2567 ว่าที่ประชุมวันนี้ มีการสรุปงานและติดตามงานในประเด็นที่สำคัญในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย และเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญขณะนี้ คือร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ได้ผ่านการฟังความคิดเห็นผ่านระบบกลางเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ แล้วจะดำเนินการเสนอตามกฎหมายต่อไป
นายวราวุธ กล่าว่า ร่าง พ.ร.บ. นี้ จะผูกโยงกับข้อมูลที่ กระทรวง พม. ได้รับจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ในแต่ละเดือน เพราะว่าทุกๆ เดือนที่ได้รับแจ้งเข้ามาจนถึงวันนี้ เรื่องที่ร้องเรียนเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง คือปัญหาเรื่องรายได้และปัญหาเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญต่อการเกิดปัญหาที่สองคือความสัมพันธ์ในครอบครัว จนบางครั้งบานปลายไปถึงปัญหาที่สาม คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว และผู้ที่ได้รับความรุนแรงนั้นไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้สูงอายุ หรือสมาชิกในครอบครัวนั้น นับวันเริ่มทวีจำนวนมากขึ้น เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ และองค์ประกอบต่างๆ ของสังคม จึงเป็นที่มาที่ทำให้กระทรวง พม. เร่งดำเนินการเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว เพราะว่ามีประเด็นที่คุ้มครองไม่ว่าจะเป็นสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษ และทุกสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้รักษาสถานภาพของครอบครัว ซึ่งทำให้ครอบครัวนั้นมีความอบอุ่นมากขึ้น
นายวราวุธ กล่าวว่า เพราะว่าจากการประชุมที่ผ่านมา จะเห็นว่าความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวของสังคมไทยในขณะนี้ มีความเปราะบางและมีความอ่อนไหวมากขึ้นทุกวัน และครอบครัวจะเป็นเกราะป้องกัน และเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเด็กและเยาวชนที่เติบโตขึ้นมาแล้วไปก่อความรุนแรง รวมถึงปัญหาเรื่องขอทาน หรือแม้แต่คนไร้บ้าน ซึ่งสถาบันครอบครัวของประเทศไทยที่มีกันมาช้านานนั้น จึงเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะป้องกันปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ดังนั้นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวนั้น เป็นหนึ่งในกฎหมายสำคัญที่กระทรวง พม. กำลังเร่งดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในกลางเดือนกันยายนนี้ ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อให้ออกมาเป็นกฎหมายสำหรับดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน
