คัดลอก URL แล้ว
สสส. สานพลัง อบต.น้ำกุ่ม จ.พิษณุโลก พลิกฟื้นผืนป่า เกิดอาชีพจากภูมิปัญญา เพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายระดับครัวเรือน

สสส. สานพลัง อบต.น้ำกุ่ม จ.พิษณุโลก พลิกฟื้นผืนป่า เกิดอาชีพจากภูมิปัญญา เพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายระดับครัวเรือน

สสส. สานพลัง อบต.น้ำกุ่ม จ.พิษณุโลก พลิกฟื้นผืนป่า เกิดอาชีพจากภูมิปัญญา เพิ่มรายได้-ลดรายจ่ายระดับครัวเรือน เดินหน้าสานต่อเยาวชนท้องถิ่นรักษ์ป่า ให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ลงพื้นที่ “ศึกษาเรียนรู้แหล่งอาหาร ผ่านคน 2 วัย น้ำกุ่มป่าแห่งความพอเพียง และอาสาสร้างฝาย ฟื้นฟูผืนป่า คืนความชุ่มชื้นให้ระบบนิเวศ” ดร.นิสา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า สสส. ได้เข้ามาทำงานร่วมกับ อบต.น้ำกุ่มตั้งแต่ปี 2555 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาศักยภาพทั้งผู้นำ ข้อมูล นวัตกรรม ผ่านทุนทางสังคมและศักยภาพของพื้นที่ และอาสาเข้ามาทำหน้าที่เป็นศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน (ศจค.) ตำบลสุขภาวะ สานพลังเครือข่าย 6 แห่ง

เพื่อร่วมกับเสริมความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น โดยมีประเด็นสำคัญในการร่วมกันเพื่อวางแผนและดำเนินการจัดการน้ำ ดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ โดยครัวเรือน บุคคล หมู่บ้าน ชุมชน ได้ทำข้อตกลง มีกลไกการทำงาน ฟื้นคืนผืนนิเวศน์น้ำกุ่ม ผ่านอาสาสมัครทำฝาย ผนึกกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดสรรการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ส่วนในด้านสุขภาพนั้น ได้จัดชมรมออกกำลังกาย การป้องกันโรคติดต่อ และยาเสพติดในชุมชน และในอนาคตจะเดินหน้าดูแลระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิเชิงรุก ตลอดจนสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้สมดุล ผ่านองค์ความรู้ที่มีในชุมชนท้องถิ่น

“อบต.น้ำกุ่ม ใช้หลักการดำเนินงาน และบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติ มุ่งเน้นให้มีการใช้ประโยชน์อย่างสมดุล ด้วยการจัดการ ดิน น้ำ ป่า ทำแนวป้องกันไฟป่า สร้างฝายชะลอน้ำ ปลูกหญ้าแฝก จัดตั้งศูนย์ร่วมประชุมวางแผนป้องกันหรือแก้ไขปัญหาร่วมกัน เฝ้าระวังและเตือนภัยในช่วงที่อยู่ในภาวะเสี่ยง นอกจากนี้ มีการคัดแยกขยะ 539 ครัวเรือน จากทั้งหมด 595 ครัวเรือน หรือคิดเป็นร้อยละ 90.5 ถึงแม้จะเป็นพื้นที่ห่างไกล แต่มีต้นทุนทางสังคมที่ดี ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมีความเข้มแข็งในการลุกขึ้นมาร่วมกันจัดการป่า และระบบนิเวศ ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่า เช่น เห็ด หน่อไม้ ไม้กวาดดอกหญ้า ประปาหมู่บ้าน เป็นต้น สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน”ดร.นิสา กล่าว

นายไกร พรมสีนอง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำกุ่ม เล่าว่า อบต.บ้านน้ำกุ่ม มีเทือกเขา และป่าไม้ปิดล้อมทุกด้าน จึงมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูขัด และอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ มีป่าไม้ และแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ซึ่งในอดีต อบต.น้ำกุ่ม เป็นพื้นที่สัมปทานตัดไม้ ทำให้ป่าไม้ถูกทำลายเป็นภูเขาหัวโล้นเกิดอุทกภัย ขาดที่ทำกิน คนในชุมชนต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นจำนวนมาก เนื่องจากไม่มีทรัพยากรในการดำรงชีวิต ปัจจุบันจากที่ชาวชุมชนร่วมแรงร่วมใจกันพลิกฟื้นผืนป่า โดยได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ในการพัฒนากลไกการจัดการท้องถิ่น ทำให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่า ตลอดจนสร้างมูลค่าจากผลผลิตการเกษตรมุ่งเน้นผลิตในระดับครัวเรือนเพื่อบริโภค เมื่อเหลือจึงจำหน่าย นำไปสู่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มีการรวมกลุ่มอาชีพต่างๆ โดยใช้ภูมิปัญญา และทรัพยากรในพื้นที่ ทำให้คนที่ต้องพลัดถิ่นไปทำงานกลับมาทำกินในพื้นที่มากกว่า 90%

นายภานุทัศน์ ทนก้อนดี ปราชญ์ชุมชน เล่าว่า อบต.น้ำกุ่ม มีภูเขาสูง สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ คือ “ทุน” อย่างดีของชุมชนที่รอการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการปลูกฝัง สร้างจิตสำนึก ความเอาใจใส่ดูแลทรัพยากรป่าไม้ หรือแม้กระทั่งการส่งเสริมการปลูกป่าการอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำ จึงได้อบรมให้ความรู้เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก และเยาวชนผ่านโครงการเยาวชนดวงใจสีเขียวตั้งแต่ปี 2561ผ่านกลไกการหนุนเสริมของ สสส. และชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ปัจจุบันมีเยาวชนในพื้นที่เข้าร่วมโครงการกว่า 200 คน ก่อเกิดเป็นกิจกรรมศึกษาเรียนรู้แหล่งอาหารผ่านคนสองวัย เพื่อให้คนรุ่นใหม่รู้จักต้นไม้ และการใช้ประโยชน์จากป่า ส่งต่อประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น โดยมีปราชญ์ชาวบ้าน เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราว ให้ความรู้ แนะนำ ชี้แนะ การหาอาหาร หาสมุนไพร มาใช้ในชีวิตประจำวัน และความรู้เกี่ยวกับป่าให้กลุ่มเยาวชนได้ตระหนักถึงการใช้ประโยชน์จากป่าในอนาคต


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง