“การทำสีผม” อีกหนึ่งแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยให้เราดูโดดเด่นได้อย่างที่ต้องการ แต่เส้นผมที่ผ่านการทำสีมานั้น หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างถูกต้องมักจะพบปัญหาต่างๆ เช่น สีซีดจางหรือสีหลุดไว ผมแห้งเสีย แตกปลาย หยาบกระด้าง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ขาดและหลุดร่วงได้ง่าย รวมถึงการทำสีผมยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของหนังศีรษะ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ แพทย์หญิงรมิดา เกษมสมพร แนะนำ “วิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผม” ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลฟื้นฟูเส้นผมและหนังศีรษะ อาทิ Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo, Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner, Advance Protective Hair Serum และ Reviving Scalp Tonic พร้อมเชิญเหล่าเซเลบริตี้สาวผู้รักการทำสีผมมาร่วมเผยวิธีการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะหลังการทำสี อาทิ คุณรัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, คุณพริมา เสนาขันธ์ และ คุณอาทิมา หิมะทองคำ
แพทย์หญิงรมิดา เกษมสมพร แนะนำวิธีดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะสำหรับคนรักการทำสีผมว่า “การทำสีผมหรือฟอกสีผมเป็นการทำลายเกล็ดผมชั้นนอกสุด เพื่อให้สารเคมีเข้าไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีที่อยู่แกนกลางของเส้นผม ทำให้โปรตีนในเส้นผมถูกทำลาย ส่งผลให้เส้นผมสูญเสียความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น ผมจึงแห้งเสีย ขาดความยืดหยุ่น และเปราะบาง สังเกตได้ว่าหลังการทำสี เส้นผมจะหยาบกระด้าง แตกปลาย ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก และขาดง่าย
นอกจากนี้การทำสีผมยังส่งผลต่อสุขภาพหนังศีรษะทำให้เกิดอาการแสบคันที่เกิดจากสารเคมี กัดกร่อนหนังศีรษะ เกิดการแพ้ ผื่นแดง บางรายอาจมีอาการหนังศีรษะลอก เป็นรังแค หนังศีรษะมีความมันมากกว่าปกติ เนื่องจากต่อมไขมันสร้างน้ำมันมาเพื่อเคลือบหนังศีรษะมากเกินไป
ในน้ำยาเปลี่ยนสีผมจะประกอบด้วยสารเคมีสำหรับกัดสี และย้อมสีผมประกอบด้วยสาร ‘ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์’ (Hydrogen Peroxide), ‘พีพีดี’ (PPD; Para-Phenylene Diamine) และแอมโมเนีย (Ammonia) โดยสารเคมีเหล่านี้จะไปขจัดเม็ดสีตามธรรมชาติหรือ ‘เมลานิน’ (Melanin) ทำให้เส้นผมมีสีที่อ่อนลง และทำให้สีใหม่ติดเส้นผมได้ง่ายขึ้น แต่ในทางกลับกันสารเคมีเหล่านี้ก็ส่งผลโดยตรงต่อเส้นผมและหนังศีรษะด้วยเช่นกันดังที่กล่าวมาข้างต้น น้ำยาเปลี่ยนสีผมสามารถแบ่งป็น 3 ประเภท คือ
แบบชั่วคราว (Temporary hair dyes) ทำให้สีติดชั่วคราว ไม่คงทน สามารถล้างสีออกได้ด้วยการสระผมด้วยแชมพูเพียง 1-2 ครั้ง น้ำยาเปลี่ยนสีผมชนิดนี้จะใช้สีที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ โดยเม็ดสีจะติดอยู่บนผิวของเส้นผมเท่านั้น ไม่ซึมเข้าไปชั้นในของ Cortex เส้นผม เช่น คัลเลอร์ รินส์ (Color rinse), ดินสอทาสีผม (Hair crayons) และสีพ่นเส้นผม (Color sprays) เป็นต้น
แบบกึ่งถาวร (Semi-permanent hair dyes) มีส่วนประกอบของสีที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถซึมลึกเข้าติดถึงชั้น Cortex ของเส้นผม โดยเกาะจับกับ Keratin ในเส้นผมได้ สามารถปิดหงอกได้ไม่เกิน 30% และสีจะมีความคงทนได้นาน 3 – 5 สัปดาห์ เช่น แชมพูย้อมสีผม, โลชั่น และโฟมย้อมสีผม เป็นต้น
แบบถาวร (Permanent hair dyes) สีประเภทนี้จะติดผมในเส้นผมค่อนข้างคงทนนานหลายเดือน สามารถปกปิดผมขาวได้ รวมถึงสามารถย้อมสีใหม่ได้ เม็ดสีมีความคงทนต่อการสระโดยไม่ทำให้สีลอก แต่ก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมมากกว่าประเภทอื่นๆ ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ไม่ควรมีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้มข้นเกินกว่า 6% และต้องทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง
ส่วนวิธีการดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมทำสีสามารถทำได้ดังนี้
- ควรเตรียมผมให้พร้อมก่อนการทำสี ด้วยการทำแฮร์ทรีตเมนต์ อบไอน้ำ ร่วมกับหมักครีมบำรุงผมหรือแฮร์มาส์ก ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำสีผม หากเส้นผมเรามีสุขภาพดี แข็งแรง เมื่อเราไปทำสีผม สีก็จะติดง่าย และติดทนนาน
- หากเพิ่งทำสีใหม่ๆ ควรงดสระผมหลังการทำสีผม 72 ชม. เพื่อให้เวลาเกล็ดผมปิดและลดการชะล้างเม็ดสีที่ย้อม หลังจากนั้นให้สระผมด้วยแชมพูและครีมนวดสูตรสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำอุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมสีซีดจางหรือสีหลุดไว และเป็นการช่วยให้สีผมเปล่งประกายคงทน พร้อมยังช่วยสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ผมเสียถึงแกนผมชั้นในอีกด้วย
- เน้นการบำรุงผมและหนังศีรษะเป็นพิเศษ เพราะการทำสีผมส่งผลให้เส้นผมและหนังศีรษะเกิดความอ่อนแอ เนื่องจากสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของสีย้อม ดังนั้นขั้นตอนการบำรุงและฟื้นฟูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะโดยการทำทำทรีตเม้นต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งสำคัญ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะ (Scalp Tonic) หลังการสระผมทุกครั้ง เพื่อเป็นฟื้นบำรุงสภาพหนังศีรษะจากการทำสีผม รวมถึงการใช้แฮร์เซรั่มบำรุงเส้นผมเป็นประจำ เพื่อซ่อมแซมเส้นผมจากภายในให้กลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดี
- ลดการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงผม อย่าลืมว่าเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีย่อมอ่อนแอกว่าปกติ ดังนั้นก่อนจัดแต่งทรงผมด้วยความร้อน จะต้องฉีดสเปรย์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง และไม่ควรใช้ความร้อนสูง เพราะจะทำให้ผมแห้งเสียมากกว่าเดิม หากเป็นไปได้ก็ควรใช้ลมเย็นเป่าผมจะดีที่สุด
- พักฟื้นเส้นผม ควรปล่อยให้ผมได้ฟื้นฟูตัวเองบ้าง อย่างน้อยที่สุดคือ 1 เดือน เพื่อให้เวลาผมกลับมาแข็งแรงมากพอ และมีความพร้อมที่จะทำสีหรือทำเคมีได้อีกครั้ง
- รับประทานอาหารบำรุงเส้นผม พวกถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว นมสด ชีส โยเกิร์ต ปลาแซลมอน ไข่ หอยนางรม และหอยแมลงภู่ นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานวิตามินจำพวกไบโอติน วิตามินบี วิตามินเอ แร่ธาตุสังกะสี หรือแร่ธาตุเหล็ก เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมได้
แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีรายงานการวิจัยที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่า การทำสีผมบ่อยครั้งแค่ไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อร่างกายจริงๆ แต่มีงานวิจัยในต่างประเทศให้ข้อมูลว่าโดยเฉลี่ยแล้วสามารถทำสีผมได้มากสุดปีละ 9 ครั้ง แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ไม่ควรทำสีผมบ่อยจนเกินไป เพื่อลดการรบกวนหนังศีรษะ และลดการทำลายเส้นผม รวมถึงหากเรามีวิธีการดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมหลังการทำสีผมที่ดี ก็จะช่วยให้สีติดทนนาน เป็นเงางาม และไม่ต้องกังวลเรื่องผมขาดหลุดร่วงง่ายด้วยค่ะ”
ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม 74 สาขา ใน 16 ประเทศ รวมถึงสปาอีก 19 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวที่อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดธรรมชาติจาก“น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) และสารสกัดจาก “ชิโซะ” (Shiso)
“น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) สิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้านโภชนเภสัช อาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อุดมด้วยวิตามินอีในกลุ่มโทโคไตรอีนอล (Tocotreienol) และโทโคฟีรอล (Tocopherol) รวมถึงสารแกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Anti-oxidant) ได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง 6 เท่า รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน
“ชิโซะ” (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์ (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า),วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด
สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก ลึก โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับดูแล สุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมทำสี อาทิ
Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo ขนาด 250 ml ราคา 620 บาท แชมพูสูตรที่พัฒนามาสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ด้วยค่า pH 4.5 ซึ่งเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับเส้นผม ทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างอ่อนโยนและไม่ทำลายสีผม อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ พร้อมคืนความ เงางามและลดการหลุดร่วงของเส้นผมอาทิ Organic Olive Oil, Organic Jojoba Oil, Organic Corn Silk Extract, Rice Bran Oil, Tilicine Extract และ Chia Seed Oil
Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner ขนาด 200 ก ราคา 620 บาท ครีมบำรุงผมที่ช่วยปกป้องและรักษาสีผมไม่ให้ซีดจาง ฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้มีน้ำหนัก ป้องกันการหลุดร่วงและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมพร้อมมอบความเงางามและเปร่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติด้วยส่วนผสมที่มอบคุณค่าการบำรุงจาก Organic Inca Inchi Oil, Organic Shea Butter, Rice Bran Oil, Sweet Almond Protein, Coconut oil, Tilicine Extract และ Maca Root Extract
Advance Protective Hair Serum ขนาด 100 มล. ราคา 750 บาท เซรั่มสูตรบางเบาสำหรับบำรุงผม ช่วยปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมจากความร้อน และสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม ซึมซาบเข้าบำรุงเกล็ดผมทันทีที่ใช้ เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม อุดมด้วยคุณค่าสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ Organic Argan Oil, Organic Olive Oil, Shiso Extract และ Maca Root Extract
Reviving Scalp Tonic ขนาด 80 มล. ราคา 1,200 บาท ผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศรีษะ ช่วยปรับสมดุลความชุ่มชื้นและควบคุมความมันของหนังศรีษะ อุดมด้วยส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุง อาทิ Aloe Vera, Larix Wood, Willow Bark พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติจาก Lemongrass และ Kaffir Lime
นอกจากนี้ด้านเหล่าเซเลบริตี้ต่างก็ได้ร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลและฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะจากการทำสีผม โดยเริ่มจาก คุณรัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เล่าว่า “โอบอุ้มชอบการทำสีผมเป็นประจำ เพราะทำให้เรามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยจะเลือกโทนสีที่ช่วยขับสีผิวบริเวณใบหน้าให้ดูสว่างขึ้น อย่างสีบลอนด์เทาหม่นๆ จะชอบมากเป็นพิเศษ แต่ก็มักพบปัญหาหลังการทำสีผมเป็นประจำ ส่วนตัวรู้สึกเลยว่าสภาพหนังศีรษะมีความอ่อนแอลง เส้นผมแห้งและบอบบาง เกิดการแตกหักง่ายได้ง่าย โอบอุ้มก็เลยเลือกดูแลสุขภาพหนังศีรษะและเส้นผมด้วย Advance Protective Hair Serum เซรั่มเนื้อบางเบาสำหรับบำรุงเส้นผมหลังการสระ ช่วยปกป้องเส้นผมจากความร้อน เพื่อให้ผมเงาสลวย ดูมีน้ำหนักและสุขภาพดีขึ้น ส่วนหนังศีรษะก็จะบำรุงด้วย Reviving Scalp Tonic ช่วยฟื้นคืนความชุ่มชื้นและยังช่วยควบคุมความมันของหนังศีรษะได้เป็นอย่างดีค่ะ”
ต่อมาที่ คุณพริมา เสนาขันธ์ เผยว่า “พริมเป็นคนที่สนุกกับการทำสีผมเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าทำมาแล้วทุกโทนสี แต่ที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษคือโทนสีน้ำตาลธรรมชาติ เพราะดูแลง่าย ไม่ต้องเติมสีที่โคนผมบ่อย ส่วนปัญหาที่พบหลังการทำสีผมคือ เส้นผมจะมีความแห้ง ขาดความชุ่มชื้นและหลุดร่วงง่าย โดยพริมก็จะมองหาตัวช่วยในบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ อย่างตัวที่ใช้อยู่คือ Reviving Scalp Tonic สำหรับบำรุงหนังศีรษะให้มีความแข็งแรง เมื่อหนังศีรษะแข็งแรง เส้นผมก็จะไม่หลุดร่วงง่าย นอกจากนี้ก็จะมีแชมพูและครีมนวดผมสูตรสำหรับผมทำสีของ Eden Breeze Colour Treated Hair นอกจากจะช่วยดูแลผมทำสีให้สีติดทนนานแล้ว ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติที่ได้จากดอกมะลิและกุหลาบด้วย ทำให้ทุกครั้งที่สระผมจะเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายมากสำหรับพริมค่ะ”
ปิดท้ายที่ คุณอาทิมา หิมะทองคำ เล่าว่า “การทำสีผมเป็นสิ่งที่ซินดี้ชอบมาก โดยจะทำสีผมทุกๆ 4 – 6 เดือน ส่วนโทนสีที่ชื่นชอบจะเป็นแนวการฟอกสีอ่อนบาลายาจ (Balayage) ที่ไล่เฉดสีสว่างกับเข้มได้อย่างสวยงาม แต่ก็ต้องแลกมาด้วยปัญหาผมแห้งเสีย ไม่มีน้ำหนัก แตกปลาย และหนังศีรษะเกิดความอ่อนแอ ซินดี้ก็ไม่ค่อยเป็นกังวล เพราะมีตัวช่วยในการรับมือกับปัญหาต่างๆ ด้วย Eden Breeze Colour Treated Hair Shampoo และ Eden Breeze Colour Treated Hair Conditioner สูตรที่ออกแบบมาสำหรับดูแลสุขภาพผมทำสีโดยเฉพาะ หลังการใช้สังเกตได้เลยว่าเส้นผมกลับมาชุ่มชื้นมีชีวิตชีวา สีผมชัดเจนและติดทนนานมาก จำนวนผมที่ขาดหลุดร่วงน้อยลง นอกจากนี้ซินดี้ก็จะใช้ Reviving Scalp Tonic เพื่อดูแลสุขภาพหนังศีรษะให้กลับมาชุ่มชื้นอย่างมีสุขภาพดีด้วยค่ะ”
ดูแลและฟื้นฟูสภาพหนังศีรษะและเส้นผมสำหรับคนรักการทำสีผมด้วยผลิตภัณฑ์ Eden Breeze Shampoo, Eden Breeze Conditioner, Advance Protective Hair Serum และ Reviving Scalp Tonic ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 5 (Tower 2) โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น G และ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, สาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, ชั้น G (The Jungle Zone และ The Botanica zone) ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา