![](https://mono29.com/app/uploads/2024/01/S__4653326_3_11zon.jpg)
วันที่ 11 มกราคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจราชการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบขนส่งและเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง PM2.5 พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. เข้าร่วมการประชุม
![](https://mono29.com/app/uploads/2024/01/BAS05827_9_11zon-1.jpg)
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมรับทราบความคืบหน้าการเชื่อมโยงระบบขนส่งและเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรื่องการปรับปรุงโครงข่ายถนนในเขตเมืองเชียงใหม่วงแหวนรอบ 3 วงให้สามารถเชื่อมต่อได้อย่างครบวงจร แผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าใต้ดิน LRT สายสีแดง น้ำเงิน เขียว โดยเชื่อมโยงสนามบินเชียงใหม่ สู่ตัวเมืองและแหล่งท่องเที่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวและ ลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 นอกจากนี้ ในระยะสั้นจะเปิดเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะใหม่ 3 เส้นทางภายในเดือนเมษายน เชื่อมโยงสนามบินเชียงใหม่ สถานีรถไฟ และแหล่งท่องเที่ยว 7 แห่ง ได้แก่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์, เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี, ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ, น้ำตกห้วยแก้ว, สวนสัตว์เชียงใหม่, เวียงกุมกาม และ วัดพระธาตุดอยคำ พร้อมนี้จะเปลี่ยนรถแดงเชียงใหม่ให้เป็นรถแดงไฟฟ้า (EV) เพื่อลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและฝุ่นละออง จัดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ Smart Bus Stops และ Smart Bus System ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคนต่อปี และอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างท่าอากาศยานล้านนาเป็นสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 โดยสำหรับการเปิดท่าอากาศยานเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง ทำให้เที่ยวบินเพิ่มขึ้นสัปดาห์ละ 100 เที่ยวบิน โดยมีเที่ยวบินเพิ่มจากเซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน, คันไซ ญี่ปุ่น, ไทเป ไต้หวัน, นิวเดลีและมุมไบ อินเดีย ซึ่งเป็นผลจากมาตรการวีซ่าฟรีด้วย นอกจากนี้จะมีการพัฒนาปรับปรุงทางหลวง 6 เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่-เชียงราย/ เชียงใหม่-ลำพูน/จอมทอง-ฮอด/เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน/เชียงใหม่-ปาย/ เชียงใหม่-แม่กำปอง-กิ่วฝิ่น-แจ้ซ้อน และทางเดินเท้าขึ้นดอยสุเทพ สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง PM2.5 นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้ลดจุดความร้อน Hotspots ทำแนวกันไฟ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนไม่เผาเศษวัชพืช ปลูกป่า ไม่ให้เกิดการเผาซ้ำซาก และต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน
![](https://mono29.com/app/uploads/2024/01/S__4653324_5_11zon.jpg)
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท.เชื่อมั่นว่า การพัฒนาระบบขนส่งและการเชื่อมโยงทั้งทางบกและทางอากาศจะเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพจังหวัดเชียงใหม่ในการเดินทางและเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและเกิดการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่และเชื่อมโยงพื้นที่จังหวัดโดยรอบ ทั้งนี้ ททท.โดยสำนักงานเชียงใหม่เสนอเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวภายใต้ 2 แนวคิด ได้แก่ 1) เส้นทางท่องเที่ยว Chiangmai Faithival หรือเที่ยวเชียงใหม่…มหาศรัทธา และ 2) เส้นทาง Chiang Mai I Care เที่ยวเชียงใหม่ สรรค์สร้างประสบการณ์ เส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืนของกลุ่มครอบครัว เพื่อเสนอขายนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเชียงใหม่ตลอดทั้งปี ภายใต้แนวคิด “12 เดือน 12 เทศกาล” ต่อยอดส่งเสริมงานเทศกาลประเพณีให้เชียงใหม่เป็นเมืองแห่งเทศกาล “Chiang Mai Festival City” เพื่อกระจายการท่องเที่ยวให้ไม่กระจุกตัวเพียงช่วงเวลาเดียว และเร่งผลักดันให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับ Workation และ Digital Nomad พร้อมสร้างการรับรู้ผ่าน Social Media Platform ด้วย Influencer และเครือข่ายพันธมิตรสื่อมวลชนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ของสำนักงาน ททท. และต่างประเทศ
![](https://mono29.com/app/uploads/2024/01/S__4653325_4_11zon.jpg)
สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ในเดือนมกราคม – พฤศจิกายน 2566 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 9.4 ล้านคน-ครั้ง เติบโตร้อยละ 24 เทียบกับปี 2565 และสร้างรายได้กว่า 75,110 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 47 เทียบกับปี 2565 โดยมีสัดส่วนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ร้อยละ 73 และชาวต่างชาติ ร้อยละ 27 โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ จีน เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซีย ขณะที่ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเข้าสู่เชียงใหม่ 606 เที่ยวบิน/เดือน คิดเป็นจำนวน 109,440 ที่นั่ง จาก ดานัง ฮานอย โฮจิมินห์ – เวียดนาม, กัวลาลัมเปอร์ – มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเก๊า, หลวงพระบาง – สปป.ลาว, ย่างกุ้ง – เมียนมา, ไทเป – ไต้หวัน, อินชอน ปูซาน – เกาหลีใต้, ปักกิ่ง หางโจว เฉินตู กวางโจว เซี่ยงไฮ้ คุนหมิง จิ่นหง – สาธารณรัฐประชาชนจีน และ คันไซ – ญี่ปุ่น