นายอำเภอและชาวบ้านอ.บ้านกรวด เรียกร้องภาครัฐ ให้ยกระดับเปิดด่านผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย- กัมพูชา จากช่องสายตะกู เป็นด่านชายแดนถาวร เหมือนอย่าง ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
นาย บุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย นาย ชาญณรงค์ พงษ์สุวรรณ์ ปลัดอำเภอบ้านกรวด และ นายสันติ อุทุมพร นายกเทศมนตรีตำบลจันทบเพชร นายประเมศฐ์ อยู่สบายสุขเจริญ ประธานชมรมรวมพล
สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย รวมถึง ชาวบ้าน อ.บ้านกรวด ออกมาเรียกร้องพร้อมชี้ถึงประโยชน์จะได้รับ หากเปลี่ยนจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู(ไทย)-จุ๊บโกกี(กัมพูชา) เป็น ด่านถาวร เหมือนอย่างด่าน ช่องจอม จ.สุรินทร์
ก่อนหน้านี้ชาวบ้านพ่อค้าแม่ขายเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณายกระดับจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องสายตะกู ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา ให้เป็นด่านผ่านแดนถาวร เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งสองฝั่ง สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้า โดยไม่ต้องจำกัดเฉพาะคนในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดเท่านั้น เชื่อว่าหากเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร ก็จะส่งผลให้การค้าขายคึกคักมากกว่านี้ ก็จะส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้นและมีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังค่อนข้างเงียบเหงา ทำให้พ่อค้าแม่ค้าฝั่งไทยต้องปิดร้านไปทำอาชีพอื่นชั่วคราว เพราะยอดขายน้อยไม่คุ้มต้นทุน
ล่าสุด นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เผยว่า ช่วงนี้การค้าขายที่ตลาดช่องสายตะกู เงียบเหงากว่าแต่ก่อน เพราะเปิดให้เฉพาะคนอำเภอบ้านกรวดเข้าได้เท่านั้น ประชาชนก็จะเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่ไม่มีกำลังซื้อ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เร่งพิจารณายกระดับจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกูเป็นจุดผ่านแดนถาวร เหมือนกับด่านผ่านแดนจังหวัดอื่นๆ เช่น ด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อให้ประชาชนจากทุกจังหวัดสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวและข้ามไปซื้อสินค้าที่ช่องสายตะกูดังกล่าวได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับพ่อค้าแม่ค้าได้เพิ่มมากขึ้นและสามารถอยู่รอดได้ ช่วงแรกอาจจะทำการผ่านแดนง่ายๆเป็นการใช้ระบบ(Border pass)บัตรผ่านแดน ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาอยู่ในประเทศไม่เกิน7วัน ต่อจากนั้นค่อยเปิดแบบเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และแสวงหาความร่วมมือด้านอื่นๆ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ