วันที่ 19 ตุลาคม 2566 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับ 8 พันธมิตรบริษัทชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ โรงแรม Kerry กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีการลงนาม LOI ระหว่าง ททท. โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กับผู้บริหารระดับสูงของ 8 บริษัทชั้นนำ ได้แก่ Huawei Technologies, Trip.com Group, Meituan.com, Spring Airlines, Sina News, Alipay, iQIYI และ Jego Trip เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างรอบด้าน ตอบสนองนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพชาวจีน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างไทยและจีนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะช่วยยกระดับและกระชับความสัมพันธ์อันดีในระดับประชาชน โดยได้มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมาตรการยกเว้นวีซ่าที่จะมีผลไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ปีหน้า
จะช่วยส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้มากขึ้น ทั้งนี้ พิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง ททท. และ 8 พันธมิตรชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อพันธมิตรในการทำงานร่วมกัน เพื่อการสร้างกรอบความร่วมมือ
เชิงกลยุทธ์ในระยะยาว โดยมุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการท่องเที่ยวไทย
ฟื้นฟูความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยอีกด้วย
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การลงนาม LOI ที่ ททท. ได้ร่วมกับ 8 พันธมิตรบริษัทชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการลงนามความร่วมมือครั้งใหญ่และมีความครอบคลุมธุรกิจพันธมิตรทางการท่องเที่ยวในตลาดจีนมากที่สุด ได้แก่
1. Huawei Technologies เป็นผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ชั้นนำระดับโลก โดยร่วมมือกับพันธมิตรของหัวเว่ยทั้งในไทยและจีน ในการแนะนำบริการและมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพรูปแบบใหม่ในกลุ่มผู้ใช้งานและนักท่องเที่ยวในประเทศจีน
2. iQIYI แพลตฟอร์มวิดีโอเอนเตอร์เทนเมนท์ออนไลน์ บริษัทลูกของ Baidu, search engine อันดับ 1 ของจีน
3. Sina Cooperation บริษัทสื่อออนไลน์และเทคโนโลยี มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านแอคเคาท์ทั่วโลกและ
เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม weibo หนึ่งในโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน
4. Trip.com ผู้ให้บริการจองการท่องเที่ยวออนไลน์ที่มีสัดส่วนตลาดมากที่สุดในจีนและทั่วโลก
5. Meituan.com แอปพลิเคชั่นรีวิว มีความโดดเด่นด้านคูปองส่วนลดยอดนิยมของจีน
6. Jego Trip แพลตฟอร์มทางการท่องเที่ยวภายใต้ China Mobile เน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนและ การท่องเที่ยวแบบ exclusive
7. Spring Airlines สายการบินสัญชาติจีนที่มีเส้นทางบินไปประเทศไทยมากที่สุด
8. Ant International (Alipay) ผู้ให้บริการออนไลน์แบงค์กิ้งบริษัทลูกของอาลิบาบา มีผู้ใช้มากกว่า 600 ล้านคนในจีน ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวสะดวกยิ่งขึ้น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าความร่วมมือกับทั้ง 8 พันธมิตรของ ททท. ได้ครอบคลุมตลอด Customer Journey ตั้งแต่ต้นทางในการสร้างการรับรู้จนถึงการเดินทางสู่ประเทศไทย และยังรวมถึงการอำนวยความสะดวกระหว่าง
การเดินทางในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่ง ททท. และพันธมิตรทั้งหมดจะร่วมมือกันประชาสัมพันธ์และพัฒนาระบบ ที่จะช่วยส่งเสริมความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวตลอดทั้งการเดินทางในประเทศไทย รวมถึงร่วมกันจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปด้วย
พิธีการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ว่าด้วยความร่วมมือในการท่องเที่ยวครั้งนี้ ได้รับเกียรติ จากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ลงนามร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจาก 8 บริษัทชั้นนำในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ Mr. Cong Song ผู้จัดการใหญ่บริษัท SINA Mobile, Mr. Ji Rengui ประธานด้านการพัฒนาระบบนิเวศธุรกิจลูกค้า และการพัฒนาการจัดการบริษัท Huawei Technologies, Mr. Wang Yu ประธานกรรมการสายการบิน Spring Airlines, Ms. Wang Hui รองประธานบริษัท Trip.com, Mr. Zhou Yi , ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัท Ant International (Alipay), Ms. Lu Meng Xi รองประธานบริษัท Meituan, Mr. Yang Xianghua ประธานด้านภาพยนต์และธุรกิจต่างประเทศบริษัท iQIYI และ Dr. Yong Ji ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Jego Trip
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 ตุลาคม 2566 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,645,885 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย โดย ททท. เชื่อมั่นว่า การลงนามความร่วมมือกับ 8 พันธมิตรบริษัทชั้นนำข้างต้นจะช่วยเสริมสร้างแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย พร้อมทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการที่จะร่วมกันส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพชาวจีนให้เดินทาง เข้าประเทศไทยตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 200,000 ล้านบาท และหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้บรรลุเป้าหมายจำนวน 25 ล้านคน ภายในปี 2566