คัดลอก URL แล้ว

Maserati ฉลองความสำเร็จ V8 ก่อนปิดตำนานด้วยซีรี่ย์ Zèda สุดพิเศษ

Maserati ประกาศก้าวสำคัญแห่งประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์ ในงานเทศกาลยานยนต์ระดับโลก มอเตอร์ แวลลี่ย์ เฟสต์ (Motor Valey Fest) ครั้งที่ 5 ด้วยการเผยโฉมซีรี่ย์ เซดา (Zèda) ในกลุ่มโทรเฟโอ ได้แก่ เลอวานเต้ กิบลี่ และควอตโตรปอร์เต้ เพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของซูเปอร์คาร์ V8 ที่ทรงพลังครองใจแฟน ๆ ก่อนปิดตำนานในปี 2566 ควรค่าแก่การสะสม ซึ่งได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการในระหว่างวันที่ 11-14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา

ในงานนี้ ค่ายตรีศูลฉลองความยิ่งใหญ่ของเครื่องยนต์ V8 แบบ 90 องศา ทวินเทอร์โบ ในตำนานที่มีเสียงกระหึ่มเร้าใจเป็นเอกลักษณ์ ทรงพลังไร้เทียมทานด้วยพละกำลังสูงสุด 572 แรงม้า ซึ่งกำลังจะยุติการผลิตที่โรงงานมาเซราติอย่างเป็นทางการในปลายปี 2566 นี้ เครื่องยนต์ดังกล่าวเป็นหัวใจของซูเปอร์คาร์มาเซราติ รุ่นเลอวานเต้ (Levante) กิบลี่ (Ghibli) และ ควอตโตรปอร์เต้ โทรเฟโอ (Quattroporte Trofeo) 

โดยซูเปอร์คาร์เหล่านี้ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 แบบ 90 องศา ทวินเทอร์โบ จะยังมีจำหน่ายไปจนถึงปี 2567 ก่อนที่จะกลายเป็นรถยนต์ในตำนานที่ควรค่าแก่การสะสมของเจ้าของรถทุกคันในฐานะที่เป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ มาเซราติ 

Maserati Ghibli Trofeo Zèda

นอกจากนี้ มาเซราติ กรันทูริสโม โฟลกอเร (GranTurismo Folgore) ซึ่งเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า 100% คันแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายตรีศูล และเกรคาเล่ โฟลกอเร (Grecale Folgore) รถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าคันแรกของมาเซราติจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญนี้ มาเซราติซึ่งมีดีเอ็นเอของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง จะรับบทบาทหลักในการพลิกหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ โดยเปลี่ยนซูเปอร์คาร์ทุกรุ่นให้เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในปี 2567 เพื่อให้มาเซราติกลายเป็นบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มตัวภายในปี 2573 

นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของแบรนด์รถยนต์หรูแห่งเมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี ที่มองการณ์ไกลสู่อนาคตโดยไม่ทิ้งรากฐานของแบรนด์ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และความทันสมัยของซูเปอร์คาร์ของมาเซราติ ทั้งในด้านสไตล์การออกแบบ อารมณ์ความรู้สึก และสมรรถนะที่โดดเด่น คุณสมบัติเหล่านี้จะยังคงถูกรักษาไว้และจะกลายเป็นยนตรกรรมที่มีคุณค่าสำหรับนักสะสม

Maserati Levante Trofeo Zèda

Maserati 5000GT ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2502 เป็นรถยนต์คันแรกที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 อันทรงพลังนับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้มีการผลิตและจำหน่ายซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์ 8 สูบไปมากกว่า 100,000 คัน  และในเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ จะมีการเปิดตัว มาเซราติ โทรเฟโอ (Trofeo) กิบลี่ 334 อัลติมา (Ghibli 334 Ultima) และ มาเซราติ เลอวานเต้ V8 อัลติมา (Levante V8 Ultima) รุ่นล่าสุดในงานกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด (Goodwood Festival of Speed)  

ตลอดระยะเวลา 4 วันของงานมอเตอร์ แวลลีย์ เฟสต์ ทุกมุมในเมืองโมเดนาเต็มไปด้วยยนตรกรรมที่เป็นผลงานสร้างสรรค์ของค่ายตรีศูล ที่ได้นำยนตรกรรมแห่งตำนานมาจัดแสดงในจุดที่เป็นแลนด์มาร์คของเมือง ทั้งนี้ มาเซราติ โฟลกอเร ยังได้ถูกยกมาโชว์โฉมครบทุกรุ่นเป็นครั้งแรกที่บริเวณจัตุรัส เพียสซา กรันเด (Piazza Grande) ประกอบด้วย กรันทูริสโม โฟลกอเร รุ่นพิเศษ วัน ออฟ ลูเช (GranTurismo Folgore One Off Luce) และเกรคาเล่ โฟลกอเร รวมไปถึง มาเซราติ ทีโป โฟลกอเร (Maserati Tipo Folgore) GEN3 รถแข่งพลังไฟฟ้าที่นั่งเดี่ยวที่เข้าร่วมในการแข่งขันฟอร์มูล่า อี ในรายการ ABB FIA Formula E World Championship 

Maserati Quattroporte Trofeo Zèda

ส่วนซูเปอร์คาร์ในกลุ่มโทรเฟโอ ได้แก่ เลอวานเต้ กิบลี่ และควอตโตรปอร์เต้ เซดา (Zèda) หรือรุ่นพิเศษที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองขุมพลัง V8 จะจัดแสดงที่บริเวณจัตุรัส เพียสซา ทเวนเต้ เซทเทมเบอร์ (Piazza XX Settembre)

พร้อมกันนี้โชว์รูมที่ Viale Ciro Menotti ยังได้จัดแสดง มาเซราติ กรันทูริสโม ซึ่งเป็นซูเปอร์คาร์ระดับตำนานตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน และรุ่นคลาสสิกอีกสองรุ่น รวมทั้ง กรันทูริสโม เซดา (GranTurismo Zèda) รุ่นก่อน และกรันทูริสโม รุ่นพิเศษ วัน ออฟ พริสมา (GranTurismo One Off Prisma)


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง