คัดลอก URL แล้ว

Mercedes-Benz นำเสนอกลยุทธ์ใหม่ในปี 2566 พร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) แถลงผลการดำเนินงานในปี 2565 โดยในระดับโลกมีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 15% จากปีที่ผ่านมา กวาดยอดขายรถในกลุ่ม Passenger Cars กว่า 2,043,900 คัน ในด้านของประเทศไทยเติบโตถึง 34% ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 13,182 คัน ในปีที่ผ่านมา พร้อมแสดงวิสัยทัศน์และแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่จะยกระดับการบริการลูกค้ารถเก่า ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ รวมถึงเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EQ อีก 3 รุ่น ประเดิมด้วย The new EQB 250 AMG Line

เดินหน้าส่งมอบยานยนต์แห่งอนาคตภายใต้การนำของประธานบริหารคนใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)

มร. มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประสบความสำเร็จทั้งในระดับโลกและในประเทศไทย ท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในปีนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะเดินหน้าด้วยวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ที่สะท้อนผ่านแผนการดำเนินธุรกิจในทุกมิติ ทั้งในเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) สู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2582 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนของประเทศไทยที่ตั้งเป้าหมายเป็นประเทศที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 รวมถึงนโยบาย 30@30 ของบอร์ดอีวี ที่จะขยายสัดส่วนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศให้เป็น 30% ภายในปี 2572 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ เองก็ตั้งเป้าหมายในการทำให้รถทุกรุ่นที่อยู่ในพอร์ตของเราเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายในปี 2572 เช่นกัน

และสิ่งสำคัญในการทำให้เราบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนคือการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electrification) ให้กับผู้บริโภค ในระดับโลก เราได้นำเสนอ VISION EQXX รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ที่ผ่านการทดสอบการขับขี่ในสภาพแวดล้อมจริง ด้วยระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มเพียงหนึ่งครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าเราได้นำยนตรกรรมแห่งอนาคตมานำเสนอให้ทุกคนแล้วในวันนี้

โดยในประเทศไทย เรามีการเปิดตัว EQS 500 4MATIC AMG Premium ที่ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีระยะทางการขับขี่ด้วยไฟฟ้ามากที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางกว่า 702 กิโลเมตร ต่อจากชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับโลกนี้ได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส -เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย

นอกจากนี้ เรายังได้เปิดตัวยนตกรรมในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด อย่าง C 350 e AMG Dynamic ที่เป็นรถ PHEV ในระดับลักชัวรี่ ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในประเทศไทย ด้วยระยะทางเกินกว่า 100 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

The new EQB 250 AMG Line

และในปีนี้เราได้วางแผนในการขยาย EV Portfolio ในประเทศไทย ผ่านการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทั้งหมด 3 รุ่น เริ่มด้วย EQB 250 AMG Line หนึ่งในรถภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ ที่ขายดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าผ่านการร่วมมือกับผู้ผลิต และผู้ให้บริการด้านสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าชั้นนำ ในประเทศไทย

เมอร์เซเดส-เบนซ์ มุ่งมั่นในการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย (Technology and Innovation) สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เราพร้อมมอบประสบการณ์ทีเหนือระดับในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การนำเสนอนวัตกรรมอย่าง จอแสดงผลแบบ Hyperscreen ระบบ MBUX เจนเนเรชั่นใหม่ ระบบไฟหน้า Digital Light แบบ Ultra high range beam ที่ส่องสว่างได้ไกลมากกว่า 600 เมตร และแพ็คเกจระบบช่วยเหลือการขับขี่ (Driving Assistance package) รวมถึงระบบลดวงเลี้ยวรถยนต์ (Rear Axle Steering)

และนอกเหนือจากประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้สัมผัสผ่านยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้ว การมอบประสบการณ์แบบลักชัวรี่ (Luxury Experience) ให้กับลูกค้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ โดยเรามีการสร้างการสื่อสารทั้งภายนอกและภายในองค์กรในการประสานการทำงานเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าคนในองค์กรและพาร์ทเนอร์ของเราจะสามารถมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย และสอดแทรกความเป็นแบรนด์ลักชัวรี่ในทุกมิติ ตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ให้กับลูกค้าคนพิเศษของเราทุกคนอย่างไร้ที่ติ

เปิดประสบการณ์เยี่ยมชมบูธที่เหนือระดับ ภายใต้ตำแหน่งบูธใหม่ในงาน BIMS 2023

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้นำมาปรับใช้ในการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดและการสื่อสารในรูปแบบใหม่เริ่มจากการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ของการจัดแสดงรถยนต์ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44

โดยในปีนี้เราได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการนำเสนอยุคใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ผ่านการจัดแสดงรถยนต์บนพื้นที่ใหม่ ที่บูธหมายเลข A19 บริเวณฮอล์ 1 ของอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ซึ่งมีการสร้างการรับรู้ให้สาธารณะผ่านแคมเปญการสื่อสารทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

โดยความพิเศษของบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ จะถูกออกแบบให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” พร้อมมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในบูธของเราไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตกรรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์

นอกจากนี้ ภายในบูธจะถูกแบ่งโซนในการจัดแสดงรถยนต์ ซึ่งมีให้ชมครบทุกรุ่นตั้งแต่รถยนต์ในแบรนด์ Mercedes-Benz ในกลุ่มของรถ ICE และ PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%ภายใต้แบรนด์ Mercedes-EQ รถยนต์สมรรถนะสูงในกลุ่ม Mercedes-AMG รถยนต์ระดับ Top-End Luxury อย่าง Mercedes-Maybach พร้อมด้วยยนตรกรรมระดับตำนานอย่าง SL และ G-Class ซึ่งคนไทยทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการ ทั่วประเทศไทย

แพ็คเกจผลิตภัณฑ์ดิจิตัลใหม่ ๆ ยกระดับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ของคุณให้พิเศษกว่าใคร

นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับในส่วนงานของฝ่ายบริการลูกค้าเราได้เตรียมพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ดิจิตัลใหม่ ๆ ใน Mercedes Me Store ที่ลูกค้าสามารถซื้อเพิ่มเติมได้ตามความต้องการเช่น Rear Axle Steering ที่เป็นการลดวงเลี้ยวรถยนต์ เพื่อการควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้น Active Distance Assistance Distronic ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่ หรือ Individualization ที่เป็นการเพิ่มความบันเทิงในรูปแบบเฉพาะตัวไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกบรรยากาศภายในรถทั้งเสียง และภาพที่แสดงบนหน้าจอหรือมินิเกมส์ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ

นอกจากนี้ ในปีนี้จะมีการนำเสนอระบบการจ่ายเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์เพื่อให้ครอบคลุมในทุกสถานะของรถเมื่อนำรถเข้ารับบริการเพิ่มเติมจากบริการระบบออนไลน์เดิมที่มีในส่วนของการนัดหมายเข้ารับบริการและแจ้งสถานะของรถขณะกำลังเข้ารับบริการ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัวด้วยการส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อรถถึงระยะเข้ารับบริการหรือตรวจเช็กระบบต่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่หรือระบบเบรก รวมถึงข้อเสนอพิเศษและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อมอบให้กับลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเฉพาะ

และในส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่แท้ อะไหล่ StarParts หรือ REMAN สำหรับรถยนต์ที่หมดระยะรับประกัน ผลิตภัณฑ์ยางที่ได้รับการรับรองจาก Mercedes-Benz MO/MOE รวมถึงการบริการซ่อมสีและตัวถังตามมาตรฐานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และโปรแกรม MBSP แบบต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการตามการใช้งานของลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและคงประสิทธิภาพสูงสุดตลอดการใช้งานรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย


“แน่นอนว่าอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเรา คือการสร้างยอดขายที่เติบโตในประเทศไทย ทั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมมุ่งมั่นพัฒนายนตรกรรมที่เหนือระดับ ที่มาพร้อมการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “Ambition to Lead” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย” มร. มาร์ทิน ชเวงค์ กล่าวสรุป


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง