คัดลอก URL แล้ว
‘ธัญ’ ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะวิธีดูแลเส้นผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะฝุ่น PM 2.5

‘ธัญ’ ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะวิธีดูแลเส้นผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะฝุ่น PM 2.5

ไลฟ์สไตล์ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศ และฝุ่นละอองที่เกินค่ามาตรฐาน นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคืองต่อผิวหน้าแล้ว ยังส่งผลกระทบโดยตรงกับเส้นผมและหนังศีรษะ หากละเลยหรือปล่อยไว้นานยิ่งจะทวีความรุนแรงและส่งผลเสียในระยาวได้ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ แพทย์หญิง ธาริณี ก่อวิริยกมล แนะ “วิธีดูแลสุขภาพเส้นผมเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5” กับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม อาทิ ‘ดีท็อกซิฟายอิ้ง แชมพู’ (Detoxifying shampoo), ‘แฮร์ คอนดิชันเนอร์’ (Hair conditioner), ‘แฮร์ มาส์ก’ (Hair Mask) และ ‘แฮร์ เซรัม’ (Hair Serum) โดยมีเซเลบริตี้สาวสวยร่วมเผยเคล็ดลับการดูแลเส้นผมตามแบบฉบับของตนเอง อาทิ รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา, โศภิดา จิระไตรธาร และ ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ

แพทย์หญิง ธาริณี ก่อวิริยกมล แนะเคล็ดลับดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ เมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ว่า “เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหามลภาวะจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ไม่เพียงส่งผลกระทบโดยตรงกับผิวหนังของเราแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะอีกด้วย เนื่องจากฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมคนเราถึง 40 เท่า (เส้นผมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ไมครอน) สามารถนำพาสารที่เป็นอันตรายต่างๆ ติดตามมาด้วย อาทิ แคดเมียม ปรอท โลหะหนัก ไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น และสามารถเกาะตัวกับเส้นผมได้มากกว่าผิวหนังถึง 3 เท่า โดยเฉพาะผู้ที่มีผมหนาหรือยาวมักเกิดปัญหาผมเกิดความอ่อนแอ แห้งกรอบ หลุดร่วงง่าย รวมถึงการอุดตันรูขุมขนบนหนังศีรษะ ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง หนังศีรษะลอกเป็นขุยและเกิดสิว หากปล่อยไว้นานฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถแทรกซึมเข้าเส้นผมและทำลายโครงสร้างโปรตีนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของรากผม ทำให้ผมแห้งและหลุดร่วงมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วเส้นผมของคนเราจะหลุดร่วงเฉลี่ยประมาณวันละ 70 – 100 เส้น หากหลุดร่วงมากกว่านั้นก็อาจเป็นสัญญาณว่าหนังศีรษะเราเริ่มมีปัญหา

สภาพผมเสียที่มีสาเหตุจากมลภาวะและฝุ่น PM2.5 สามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ตามปริมาณความเข้มข้นและระยะเวลาที่เส้นผมเราสัมผัสกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ดังนี้

· สัมผัสในปริมาณเล็กน้อยและระยะเวลาไม่นาน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะเกาะเคลือบภายนอกบริเวณเส้นผม ทำให้ผมเหนียว และแข็งกระด้าง

· สัมผัสในปริมาณมากและระยะเวลาไม่นาน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะเข้าไปเกาะที่หนังศีรษะและซึมเข้าหนังศีรษะ ทำให้เริ่มมีอาการระคายเคือง คัน และหนังศีรษะแห้ง

· สัมผัสปริมาณมากและระยะเวลานานติดต่อกัน มลภาวะและฝุ่น PM2.5 จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของหนังศีรษะ เกิดเป็นผื่นแดง หนังศีรษะลอกเป็นขุย และทำให้ผมหลุดร่วงตามมา

สามารถปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะได้ด้วยการสวมหมวก หรือผ้าคลุมผม เพื่อลดการสัมผัสกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 โดยตรง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางกลับเข้าที่พัก เพื่อเป็นการลดการสะสมและลดผลกระทบของมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ที่มีต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ โดยปกติแล้วเราควรสระผมสัปดาห์ละ 3 ครั้งก็เพียงพอ แต่หากต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่น PM2.5 ก็ควรสระผมทุกวัน

ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผมหรือแชมพู ควรพิจารณาจากคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมัน สิ่งสกปรกตกค้าง รวมถึงสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมออกไปได้มากที่สุดโดยไม่ทำให้เส้นผมหรือหนังศีรษะแห้งคัน ในปัจจุบันมีแชมพูสระผมหลากหลายประเภท อาทิ แชมพูสำหรับผมปกติ (Normal hair), ผมแห้ง (Dry hair), ผมมัน (Oily hair), ผมแห้งเสีย (Damaged hair), ผมเส้นเล็ก (Fine hair), ผมทำสี (Colour treated hair) และแชมพูยาสำหรับรักษารังแคหรือการอักเสบของหนังศีรษะ ซึ่งการเลือกใช้ควรพิจารณาว่าแชมพูชนิดไหนเหมาะกับสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของเรา นอกจากนี้การทำแฮร์ทรีทเม้นท์ (Hair treatment) ก็มีส่วนช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสียให้กลับมามีสุขภาพดี การใช้ครีมนวดผม (Hair conditioner), ครีมหมักผม (Hair mask) หรือเซรั่มบำรุงเส้นผม (Hair serum) ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการบำรุงและปกป้องสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ อาทิ สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว, น้ำมันรำข้าว (Rice Ban Oil) อุดมด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์, วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล (Gamma-Oryzanol) มอบความชุ่มชื้นพร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นท์ทรงประสิทธิภาพเป็นต้น

การมีผมสวยสุขภาพดีย่อมเป็นที่ดึงดูด และส่งผลดีต่อบุคลิกภาพ ทำให้เกิดความมั่นใจในตัวเอง ควรหลีกเลี่ยงการเป่าผมด้วยความร้อนจัด หลีกเลี่ยงการหนีบผมหรือไดร์ยืดผมในขณะที่เส้นผมยังเปียกอยู่ เพราะจะทำให้เส้นผมขาดหักได้ง่ายส่วนการหวีผม ควรใช้แปรงที่มีตุ่มหรือหวีซี่ใหญ่ โดยไม่ทำให้เส้นผมขาดจากการเกี่ยวของหวีหรือแปลงได้, ควรใช้น้ำอุ่นในการสระผม โดยให้ปลายนิ้วนวดคลึงหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และไม่ควรเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรงขณะสระผม นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินเอ, วิตามินบี, สังกะสี (Zinc) และเหล็ก (Iron) อาทิ เนื้อปลา หอยนางรม ไข่ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วและธัญพืชชนิดต่างๆ ผักใบสีเขียวเข้ม ส้ม และแครอท ฯลฯ ก็ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีได้อีกด้วย”

‘ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลก และเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิ ภาพ เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ อุดมด้วยคุณประโยชน์ของ สารสกัดธรรมชาติจาก ‘น้ำมันรำข้าว’ (Rice Bran Oil) และสารสกัดจาก ‘ชิโซะ’ (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป

‘น้ำมันรำข้าว’ (Rice Bran Oil) สิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้าน โภชนเภสัช อาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อุดมด้วยวิตามินอีในกลุ่มโทโคไตรอีนอล (Tocotreienol) และโทโคฟีรอล (Tocopherol) รวมถึงสารแกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง 6 เท่า รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิว ได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน

‘ชิโซะ’ (Shiso) พืชที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde) และฟีนอล คอมพาวด์ (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟู เซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการ ระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า),วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อมวิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด สารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่าน กระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก

ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะให้พร้อมรับมือกับมลภาวะและฝุ่น PM 2.5 ได้แก่ ‘อะโรมาเธอราพี แชมพู ดีท็อกซิฟายอิ้ง ฟอร์มูล่า’ (Aromatherapy shampoo detoxifying formula) ขนาด 250 มล. ราคา 550 บาท แชมพูสูตรขจัดสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้าง สูตรทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างล้ำลึก แต่คงความอ่อนโยน พร้อมคืนความชุ่มชื้นและเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมด้วย น้ำมันมะกอกออแกนิค (Organic olive oil), น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba oil), สารสกัดจากลูกเดือย (Coix seed extract) และโปรตีนสกัดจากข้าวสาลี (Wheat protein) มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ ‘อะโรมาติก วูด’ (Aromatic wood) และ ‘โอเรียนทอล เอสเซ้นซ์’ (Oriental essence)

‘อะโรมาเธอราพี แฮร์ คอนดิชันเนอร์’ (Aromatherapy hair conditioner) ขนาด 200 มล. ราคา 550 บาท ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ 96 % อาทิ น้ำมันมะกอกออแกนิค (Organic olive oil), โจโจ้บา ออยล์ (Jojoba oil) และสารสกัดจากไหมข้าวโพดออแกนิค (Organic corn silk extract) ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้นุ่มสลวยเป็นเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมปรับสภาพหนังศีรษะให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น มีให้เลือก 2 กลิ่น คือ ‘อะโรมาติก วูด’ (Aromatic wood) และ ‘โอเรียนทอล เอสเซ้นซ์’ (Oriental essence)

‘แฮร์ มาส์ก’ (Hair mask) ขนาด 100 มล. ราคา 800 บาท ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ โดดเด่นด้วยส่วนผสมของสารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract) ช่วยเสริมความแข็งแรงกับเส้นผมที่แห้งเสีย รวมถึงทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Anti-oxidant) ตามธรรมชาติ พร้อมคุณค่าของน้ำมันสกัดเข้มข้นจากอาร์แกนออแกนิค(Organic argan oil), เซราไมด์ โปรตีน (Ceramide protein), น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba oil) และโปรตีนสกัดจากข้าวสาลี (Wheat protein) ช่วยบำรุงผมที่แห้งเสีย แตกหักง่าย ให้แข็งแรง เงางาม

‘แอดวานซ์ โพรเทกทีฟ แฮร์ เซรั่ม’ (Advance Protective Hair Serum) ขนาด 100 มล. ราคา 675 บาท เซรั่มบำรุงผมเพื่อการปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมจากความร้อน และสารเคมีจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมสูตรบางเบา พร้อมซึมซาบเข้าบำรุงเกล็ดผมทันทีที่ใช้ เหมาะต่อทุกสภาพเส้นผม อุดมด้วยคุณค่าสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด เช่น น้ำมันอาร์แกนออยล์ออแกนิค (Organic argan oil), น้ำมันมะกอกออแกนิค (Organic olive oil), สารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract) และสารสกัดจากรากมาคา (Maca root extract)

ด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการดูแลเส้นผมตามแบบฉบับของตนเอง เริ่มที่สาวสังคม รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เผยว่า “โอบอุ้มชอบทำสีผมมากๆ เพื่อเปลี่ยนลุคให้ดูน่าสนใจและสดใสยิ่งขึ้น ซึ่งโอบอุ้มจะชอบโทนสีสว่างสดใสอย่างสีม่วง ชมพู หรือทอง แน่นอนว่าการทำสี เส้นผมของเราต้องเจอทั้งความร้อนและสารเคมี ทำให้อ่อนแอและเสียได้ง่าย ยิ่งช่วงนี้ปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่งผลผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะ แต่เราก็ไม่เป็นกังวลเพราะมีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพเส้นผมด้วย ดีท็อกซิฟายอิ้ง แชมพู เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกและสารเคมีตกค้าง ตามด้วยการใช้ อะโรมาเธอราพี แฮร์ คอนดิชันเนอร์ เพื่อคืนความชุ่มชื้นและความเงางามให้กับเส้นผม และในระหว่างสัปดาห์ก็จะทำแฮร์สปาแบบง่ายๆ เองที่บ้านด้วย แฮร์ มาส์ก เพื่อฟื้นฟูสภาพเส้นผมที่แห้งเสียให้กลับมามีชีวิตชีวา เงางามอย่างเป็นธรรมชาติ”

ถัดมาที่สาวยิ้มสวย โศภิดา จิระไตรธาร กล่าวว่า “เส้นผมเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มบุคลิกภาพให้ดูดีได้ นิ้งจึงชอบไว้ผมยาวและไม่ทำสีผม เพราะส่วนตัวคิดว่าการมีผมยาวและดำจะช่วยเสริมบุคลิกภาพเราให้ดูดีและมีความมั่นใจมากที่สุด ส่วนเคล็ดลับการดูแลผมของนิ้งคือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ เนื่องจากช่วงนี้ปริมาณของฝุ่น PM2.5 เยอะมาก ซึ่งคงหลีกเลี่ยงไม่ได้หากเราต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แน่นอนว่าเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะและฝุ่นละออง PM2.5 จะรู้สึกได้เลยว่าผมเหนียวเหนอะหนะ แข็งกระด้าง ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้านเราจะรีบอาบน้ำ สระผมทันที เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก และมลภาวะ โดยจะให้ความสำคัญกับการเลือกใช้แชมพูที่สามารถทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างหมดจด ดีท็อกซิฟายอิ้ง แชมพู พร้อมบำรุงเส้นผมด้วย แอดวานซ์ โพรเทกทีฟ แฮร์ เซรั่ม หลังการสระผมทันที เพื่อเป็นการปกป้องและฟื้นฟูสภาพเส้นผมให้แข็งแรงและยังคงสุขภาพดี”

ปิดท้ายที่นักธุรกิจสาว ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ เล่าว่า “สำหรับดาต้ามองว่าเส้นผมก็เหมือนกับผิวหน้าที่เราต้องใส่ใจดูแลในทุกๆ วัน ดาต้าเป็นคนที่มีเส้นผมใหญ่และหนา รวมถึงเราชอบดัดผม และมวยผมอยู่บ่อยๆ ทำให้มีปัญหาผมหัก แห้ง และขาดง่าย ยิ่งช่วงนี้ปริมาณมลภาวะและฝุ่น PM2.5 จำนวนมาก ผมของเราก็ยิ่งมันและเหนียวได้ง่ายมากขึ้นด้วย หากมีเวลาดาต้าก็จะไปทำสปาผมเดือนละครั้ง และในระหว่างสัปดาห์ก็จะมาส์กผมเองที่บ้านด้วย แฮร์ มาส์ก เพื่อฟื้นฟูความแข็งแรงให้กับเส้นผม รวมถึงบำรุงผมเป็นประจำด้วย แอดวานซ์ โพรเทกทีฟ แฮร์ เซรั่ม เพื่อคืนความเงางามและจัดทรงง่าย นอกจากนี้ก็จะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมอย่างพวกธัญพืช และผักใบเขียวด้วย”

ดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีระษะให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ กับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม อาทิ ‘ดีท็อกซิฟายอิ้ง แชมพู’ (Detoxifying shampoo), ‘แฮร์ คอนดิชันเนอร์’ (Hair conditioner), ‘แฮร์ มาส์ก’ (Hair Mask) และ ‘แฮร์ เซรัม’ (Hair Serum) ได้แล้ววันนี้ที่ ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จ.พระนครศรีอยุธยา


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง