คัดลอก URL แล้ว
12 ปี อิศรา เปิดทิศทางข่าวสืบสวน ย้ำชัดบทบาทสุนัขเฝ้าบ้าน

12 ปี อิศรา เปิดทิศทางข่าวสืบสวน ย้ำชัดบทบาทสุนัขเฝ้าบ้าน

12 ปี อิศรา เปิดทิศทางข่าวสืบสวนสอบสวน ‘ประสงค์’ ชี้ข่าวสืบสวนคือหน้าที่ในการเสนอสิ่งที่เป็นผลประโยชน์สาธารณะ ก่อนยกข่าวใหญ่ในอดีตฉายภาพ เสนอภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมากกว่านี้ ด้าน ‘ปรางทิพย์’ ชี้ทิศทางข่าวสืบสวนโลก ยก ‘ปานามา-แพนโร่าเปเปอร์’ ชี้ชัดข่าวสืบสวนใหญ่ ต้องแชร์กันทำทั้งโลก สร้างแรงกระเพื่อมมีคุณค่ากับประชาน

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 สำนักข่าวอิศรา จัดกิจกรรมครบรอบ 12 ปี Investigative news of THAILAND ณ ห้องจามจุรีบอลรูม โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส โดยมีคุณอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ พิธีกรจากรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยคุณมานิจ สุขสมจิตร ประธานมูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงานว่าชื่อของสำนักข่าวเป็นการตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายอิศรา อมันตกุล นักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ผู้มีชื่อเสียงและมีเกียรติคุณอย่างยิ่งในอดีต โดยได้ตั้งขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างนักวิชาการและนักวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชนภายใต้มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย เมื่อ 12 ปี มาแล้ว เพื่อทำหน้าที่ในการทำข่าวต่างๆ รวมทั้งการทำข่าวสืบสวน เพื่อนำเสนอความจริงด้านการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ มาเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ เพื่อให้เกิดการป้องกันและแก้ไขต่อไป

ทั้งนี้ เพราะการทุจริตและประพฤติมิชอบนั้น เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศในหลายๆด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฉ้อราษฎรบังหลวงในภาครัฐ ที่นับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ผู้กระทำผิดมีวิธีการกระทำผิดที่ซับซ้อน แยบยล ซ่อนเงื่อนมากขึ้น คู่ขนานไปกับเทคโนโลยีที่เอื้อให้การกระทำผิดมิชอบง่ายขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของสื่อสารมวลชนที่ต้องรู้ร้อน รู้หนาว เพื่อให้เกิดการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพ

ขอแสดงความยินดีกับสำนักข่าวอิศรา ที่มุ่งมั่นในการทำหน้าที่สื่อสารมวลชน ทำหน้าที่สุนัขเฝ้าบ้านที่มีคุณภาพมายาวนานนับทศวรรษ ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อมั่นในการทำงานและการสนับสนุนจากท่านทั้งหลาย ในอนาคตไม่ว่าภูมิทัศน์หรือธุรกิจสื่อมวลชน จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สำนักข่าวอิศราก็ยังคงยืนหยัดในบทบาทในการเป็นสื่อมวลชนที่มุ่งแสวงหาความจริง ปกป้องประโยชน์สาธารณะต่อไปอย่างมั่นคง

ด้านคุณประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา กล่าวในหัวข้อ ‘ISRA TALK บทบาทข่าวสืบสวนในการเปลี่ยนแปลงสังคม’ ว่า อาจมีคำถามว่า ทำไมต้องทำข่าวสืบสวน? ก็เพราะว่าข่าวสืบสวนถือเป็นภารกิจหลักของสื่อมวลชนที่เรียกกันว่า สุนัขเฝ้าบ้าน สื่อมวลชนมีหน้าที่ในการนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งในการทำข่าวเพื่อประโญชน์สาธษรณะอาจจะนำเสนอข้อเท็จจริงพื้นๆไม่พอ ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์ ตรวจสอบเอกสาร และการลงพื้นที่ ซึ่งในยุคปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารจำนวนมาก การสืบค้นเอกสารต้องใช้ระบบดิจิทัลในการค้นคว้าข้อมูล

ต้นแบบของข่าวเชิงสืบสวน คือ คดีวอเตอร์เกตอันโด่งดัง ซึ่งนักข่าวที่เกี่ยวข้องกับคเีนี้มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ต้องยึดเป็นแบบอย่างคือ ความอดทนและกัดไม่ปล่อย อีกจุดสำคัญคือ ต้องรักษาความลับของแหล่งข่าว หรือที่เรียกว่า Deep Throat แล้วถามว่าประเทศไทยมีข่าวแบบนี้หรือไม่?

จริงๆในไทยมีข่าวสืบสวนจำนวนมาก เช่น ข่าวการทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งข่าวนี้เริ่มจากจุดเล็กๆ คือ การที่มีองค์กรหนึ่งคิดค้นกระบวนการบริจาคเงิน โดยบริจาคมากก็ได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์เยอะ วิธีการคือ ทำใบอนุโมทนาบัตรปลอมขึ้นมา มีพระชั้นผู้ใหญ่ เอกชน เข้ามาร่วมขอเครื่องราชฯ ซึ่งในช่วงนั้นมีผู้บริจาคถึงหลักพันล้านบาท เมื่อขุดคุ้ยขึ้นมา ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ จนตำรวจต้องมาขอแฟ้มไป คดีนี้อยู่ในชั้นศาลยาวนาน 20 ปี ผลกระทบทำให้เกิดการปฏิรูประบบการขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใหม่ทั้งหมด

ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญในการทำข่าวของประชาชนคือ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร แม้จะมีนโยบายเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมากขึ้น แต่ยังมีอีกหลายหน่วยที่ไม่เปิดเผยข้อมูล อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง การเบิกจ่ายงบประมาณ ข้อมูลในกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีการปรับปรุงก็เชื่อว่า จะมีส่วนสำคัญในการเข้าถึงและป้องกันการคอร์รัปชั่นได้มาก

“น่าเสียดาย มีการพูดว่าข่าวเชิงสืบสวนลดน้อยถอยลง เพราะเข้าถึงยาก ประชาชนไม่ดู เรามีคนสืบสวนให้เสร็จครับ แล้วเอามาแฉ แล้วสื่อก็เอาไปตาม เราไม่ได้สืบสวนด้วยตัวเอง แนวโน้มของสื่อในการนำเสนอน้อยลง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วโลก” นายประสงค์ทิ้งท้าย

ขณะที่คุณปรางค์ทิพย์ ดาวเรือง นักวิจัยอิสระด้านมาเลเซีย และนักข่าวอิสระ สมาชิกเครือข่ายผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) กล่าวในหัวข้อ ‘อนาคตและทิศทางข่าวสืบสวนโลก’ ว่า สำนักข่าวอิศรา เป็นสำนักข่าวที่มีปรัชญาเป็นของตัวเอง ไม่แสวงหากำไร มีเป้าหมายเพื่อที่จะรื้อ ค้น ขุด นำเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์สาธารณะคือ ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชน โดยได้เคยจับมือกันทำข่าวเอกสารจำนวนมาก ที่ในเวลาต่อมาคือ การเปิดโปงธุรกรรมอื้อฉาว ปานามาเปเปอร์

ทั้งนี้ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการทำข่าวสืบสวนของโลก คือ การแชร์ข้อมูล เพราะในกรณีปานามาเปเปอร์ มีข้อมูลมหาศาล ครั้งนี้ ทำกันเองไม่ไหว จึงมีการติดต่อ ICIJ เพื่อร่วมกันทำงานนี้ เฉพาะในไทยมีถึง 10,000 ไฟล์ หน้าที่ของตนคือ นั่งอ่าน หาชื่อ หาความเกี่ยวโยง แล้วส่งต่อสำนักข่าวอิศรา ในการหาความเชื่อมโยงอย่างเมกเซ้นส์ที่สุด จนเจอตระกูลผู้ร่ำรวยในประเทศแทบทุกตระกูล และมีการตั้งบริษัทนอกอาราเขตมากมายหลายร้อยบริษัท

“เราเชื่อว่า การทำข่าวอย่างยุติธรรม จะต้องให้โอกาสแหล่งข่าวชี้แจง เราจัดการอย่างระมัดระวัง เขียนจดหมายติดต่อหาคำตอบ แต่น่าเสียใจที่เราไม่เคยได้รับคำตอบตรงๆเลย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราพบคือ ลูกค้า 1 ราย ไม่ได้มีบริษัทเดียว แต่มีเครือข่ายโยงไปมา หน้าที่ของนักข่าวคือ ไปดูเครือข่ายนี้ แล้วแลกดูว่าใช้ทำอะไร เชื่อมโยงกับอะไร บางครั้งก็ได้คำตอบ บางครั้งก็ไม่ได้คำตอบ บางครั้งก็ใกล้จะได้คำตอบ แต่ส่วนใหญ่เรามีแต่คำถาม ไม่มีคำตอบ” คุณปรางทิพย์กล่าวตอนหนึ่ง

สำหรับปานามาเปเปอร์ ส่งผลกระทบหลายอย่างมาก เช่น ไอซ์แลนด์ นายกรัฐมนตรีต้องประกาศลาออก เพราะเกิดการประท้วงใหญ่ในประเทศ เพราะตัวนายกฯและภรรยาไปมีบริษัทในต่างประเทศ หรือที่สเปนและมองโกเลีย นักการเมืองที่เกี่ยวข้องต้องลาออก ที่ปากีสถาน ประธานาธิบดี ก็ต้องลี้ภัยหนีคดีไปอยู่มหานครดูไบ เพราะตรวจพบการมีบริษัทนอกประเทศ จนเสียชีวิต

โดย 3 ปี หลังจากปานามาเปเปอร์ได้รับการเผยแพร่ ประเทศที่เคร่งครัดในเรื่องภาษีโดยเฉพาะประเทศตะวันตก ติดตามเอาภาษีที่หลุดรั่วออกไปจากกลไกการตั้งบริษัทนอกอาณาเขตรวมกว่า 1,200 ล้านบาทเลยทีเดียว ถือได่ว่าปานามาเปเปอร์ เป็นการปักหมุดการทำข่าวสืบสวนยุคดิจิทัล ซึ่งแสดงถึงโลกยุคใหม่ที่ไม่เหมือนในอดีต และเราก็ไม่รู้ว่า การทำข่าวในอนาคตจะออกมาในลักษณะใด

และในปี 2564 ก็มีแพนโดร่าเปเปอร์เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าปานามาเปเปอร์ มีไฟล์รวบรวมไว้ 12 ล้านไฟล์ มีนักข่าวช่วยกันทำ 600 คนทั่วโลก มีองค์สื่อทั่วโลกช่วยกัน  100 กว่าองค์กร ซึ่งมีกรณีกองทุน One MDB เกิดขึ้นจากเอกสารชุดนี้ทำให้นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีต้องถูกจำคุก โดยตัวการหลบหนีไปแล้ว เป็นต้น ส่วนไทยพบตระกูลที่ร่ำรวย 6 ตระกูลตั้งบริษัทนอกอาณาเขตรวม 100 บริษัท

“ข่าวสืบสวนสอบสวน จะไม่ไปไหน ตราบเท่าที่นักข่าวสืบสวนทำตัวให้เป็นสถาบันที่ใครก็เขื่อถือได้ ประชาชนและสังคมต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจกับแหล่งที่ให้ข้อมูลข่าวสาร ที่สามารถทำความเข้าใจกับโลก และความซับซ้อนต่างๆ เพื่อให้รู้สิทธิ์ของตัวเอง สามารถตัดสินใจอย่างถูกต้อง ดำเนินชีวิตและแสวงหาความยุติธรรมให้กับตัวเอง ที่สำคัญ เวลาไปเลือกตั้งจะได้คิดว่า ต้องการอะไรจากการเลือกตั้ง เป็นการไปใช้สิทธิอย่างมีความหมาย ของขวัญที่ดีที่สุดทีสื่อมวลชนมอบให้สังคมได้ คือ ข้อมูลข่าวสารที่ว่านี้” คุณปรางทิพย์กล่าวทิ้งท้าย


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง