คัดลอก URL แล้ว

Yamaha ฉลองความสำเร็จตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2565 พร้อมยกระดับด้วย 6 กลยุทธ์ใหม่

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ Yamaha ประกาศความสำเร็จสินค้าครองใจชาวไทยในปี 2565 โตขึ้น 6.9% ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดในปี 2566 รวมเป็น 16.5% มั่นใจสินค้าครองใจชาวไทยครบทุกเซกเมนต์ พร้อมสร้างความเป็น Premium Brand เพื่อสร้าง Lifetime Customer โดยการยกระดับประสบการณ์มัดใจลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมายการตลาดปี 2566  

มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

มร.ทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของยามาฮ่าในปีที่ผ่านมาว่า “ก่อนอื่นผมต้องของขอบคุณท่านสื่อมวลชน พันธมิตรทางการค้า ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และลูกค้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกท่าน สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่งในปีที่ผ่านมา ด้วยประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญ และทุกหน่วยงานมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับยามาฮ่าประเทศญี่ปุ่นวางแผนและพัฒนาสินค้าออกมาอย่างดีที่สุด แม้จะมีปัจจัยเรื่องความไม่แน่นนอนของสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงปัญหาการขาดแคลนสินค้า ซึ่งเราก็สามารถแก้ไขและสร้างสถานการณ์ให้ดีขึ้น จนสามารถที่จะบรรลุผลประกอบการ และยอดขายประจำปีได้ตามเป้าหมาย

เรายังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้ายามาฮ่าในประเทศไทย และยังคงเน้นย้ำในความสำคัญของบริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งกับความเป็นสินค้าพรีเมี่ยมของเรา และสร้างลูกค้าให้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต ผมเชื่อว่า ด้วยสินค้าที่เราเตรียมไว้สำหรับปีนี้ และแผนงานที่ได้วางไว้ เราจะสามารถบรรลุเป้าการขาย และส่วนแบ่งการตลาดที่เรามุ่งหวัง และเรามุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เหนือกว่าความคาดหวัง ให้กับลูกค้าของเราทุก ๆ คนครับ”

คว้ายอดขาย 2565 รวม 283,903 คัน เพิ่มขึ้นจากเดิม 6.9%

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึงนโยบายของยามาฮ่าในปี 2566 ว่า “สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2565 ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจยานยนต์ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอสมควร รวมทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต ทำให้สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด”

“แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงเติบโตขึ้นถึง 11.8% ทำให้มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 1,800,583 คัน โดยยามาฮ่ายังคงเสริมความแข็งแกร่งด้วยสินค้าและการบริการหลังการขาย จนสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น 6.9% มียอดจดทะเบียน 283,903 คัน สามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อยู่ที่ 15.8% และกลุ่มรถออโตเมติก โดยเฉพาะ ยามาฮ่า แกรนด์ ฟีลาโน่ ไฮบริด คอนเน็กเต็ด ยังคงแข็งแกร่งและสามารถเติบโตจากปีที่แล้วถึง 35% โดยมียอดจดทะเบียนมากถึง 97,446 คัน และกลุ่มรถครอบครัว ยามาฮ่า ฟินน์ ยังคงได้รับความนิยมและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้ถึง 31% เมื่อเทียบกับปี 2564 จนทำให้มียอดจดทะเบียนสูงถึง 84,871 คัน และ ยามาฮ่า R15 ยังคงรักษาความเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมอันดับ 1 ในรุ่น 150 ซีซี ได้อย่างเหนียวแน่น ขณะที่ศูนย์บริการของยามาฮ่ามีอัตราลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นับเป็นความสำเร็จที่ยามาฮ่ามีความภูมิใจในปีที่ผ่านมา

สำหรับในปี 2566 นี้ คาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ระดับ 1.80 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากการคาดการณ์เศรษฐกิจ และการลงทุนในปี 2566 นี้ ของภาครัฐ และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น พร้อมกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความเบาบางลงจนเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้ภาพรวมของระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวในประเทศมีการฟื้นตัว ซี่งเป็นปัจจัยบวกต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ส่วนในด้านปัจจัยเสี่ยงยังคงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การขาดแคลนชิ้นส่วนและวัตถุดิบไม่เพียงพอในบางรุ่น รวมถึงกฎหมายควบคุมดอกเบี้ยเช่าซื้อที่มีผลต่อผู้บริโภค

โดยในปี 2566 นี้ มีการคาดการของตลาดรวมรถจักรยานยนต์จะเป็น 1.8 ล้านคัน เท่ากับปี 2565 โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5% หรือประมาณ 295,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 4% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา พร้อมเร่งกำลังการผลิต และมุ่งเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ รวมถึงกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่ง และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับกลยุทธ์ Branding Direction สู่ความเป็น “Premium Brand” เพื่อสร้าง “Best Customer Experience” ส่งต่อความประทับใจในสินค้าและบริการจนสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าจนก่อเกิดเป็น Lifetime Customer ที่สร้างความผูกพันและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า”

ยกระดับตลาดปี 2566 ด้วย 6 กลยุทธ์ใหม่สู่เป้าหมาย Road To Success

นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด

นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวถึง Road To Success ว่า “ในปี 2566 นี้ ยามาฮ่าพร้อมเสริมความแกร่ง ด้วยกลยุทธ์สู่ความสำเร็จและสามารถสร้าง Lifetime Customer ซึ่งจะขอเสริมในส่วนของแนวทางการขายและการตลาดในปี 2566 ด้วยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วย 6 กลยุทธ์ดังนี้

1.เดินหน้าพัฒนา New YAMAHA SQUARE ตั้งเป้าในการปรับเปลี่ยนโชว์รูมจำหน่ายรถจักรยานยนต์ด้วยดีไซน์ใหม่ และทันสมัยจาก 89 โชว์รูมทั่วประเทศในปี 2565 และในปีนี้เราพร้อมเดินหน้าพัฒนาโชว์รูม New YAMAHA SQUARE เพิ่มขึ้นเป็น 170 สาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ เพื่อยกระดับการขาย และการบริการ เพิ่มความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

2.เสริมความแกร่งพัฒนาบริการหลังการขายในระดับ Pro Care สร้างความแตกต่างของการบริการ และเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าด้วยการวิเคราะห์ปัญหาด้วยเครื่องมือ Yamaha Diagnostic (YDT) ได้ถูกต้องและชัดเจน สามารถเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบ ID Card Reader พร้อมกับการแจ้งเตือนเข้ารับบริการผ่านช่องทาง LINE OA

3.พัฒนากิจกรรม Lifestyle กลุ่ม YAMAHA Club เพิ่มกิจกรรมที่ตอบโจทย์และโดนใจของกลุ่มลูกค้ายามาฮ่าที่หลากหลาย พร้อมสนับสนุน Customer Club ในทุกพื้นที่ และสร้าง Community ที่แข็งแรง เพื่อสร้างความประทับใจ และความผูกพัน ตลอดจนสามารถรับสิทธิพิเศษต่างๆ ได้ผ่านทาง Application YAMAHA SMART REWARD

4.ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยการตลาดด้วยรูปแบบ Digital Marketing พัฒนาและสร้าง Online Touchpoint เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า ที่ตรงกลุ่มลูกค้า สามารถวิเคราะห์ความต้องการในด้านต่างๆ ของลูกค้าได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารผ่านระบบ LINE OA พร้อมสามารถลิงก์กับ SMART REWARD และ Y-CONNECT ได้อย่างง่ายดาย

5.เดินหน้าเสริมความมั่นใจสินค้า และกล้ารับประกันสินค้า 5 ปี หรือ 50,000 กม. เดินหน้าสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในการรับประกันสินค้ามากที่สุดในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ด้วยระยะเวลาการรับประกัน ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร และสำหรับในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าฟินน์ เรากล้าให้การรับประกัน 5 ปี แบบไม่จำกัดระยะทาง เพิ่มความเชื่อมั่นในการตัดสินในซื้อสินค้าเพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม

6.เดินหน้าการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยเป็นการใช้กลยุทธ์ให้เหมาะสมในแต่ละเซ็กเมนต์ตรงตามความต้องการ เพื่อเข้าถึงและโดนใจลูกค้า โดยยามาฮ่าเสริมความแข็งแกร่งในกิจกรรมทั้งก่อน และหลังการขายให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเซ็กเมนต์ ได้แก่

ทั้งนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จะยังคงมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและบริการที่ดี และสร้างความมั่นใจสู่ความเป็น “Premium Brand” รวมทั้งเสริมสร้างกิจกรรม ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั่วประเทศ


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง