คัดลอก URL แล้ว

ตลาดรถยนต์ในไทยตลอดปี 2565 ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ตลาดรวมโตขึ้น 11.9%

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ปี 2565 มีอัตราการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาในไทยต่อเนื่อง ด้วยตลาดรวมโตขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมาพร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

สถิติการขายรถยนต์ในปี 2565

ปี 2565 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยยังอยู่ในภาวะการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยบวกจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออกที่เริ่มเติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนสถานการณ์ของ COVID-19 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศของภาครัฐ รวมถึงการทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศ มีส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยด้านลบอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่นปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบกับภาคการผลิตในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ จากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม อาทิ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความผันผวนของสถานการณ์การเงินโลก ราคาพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมถึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย

แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศด้วยเช่นกัน โดยตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศปี 2565 อยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับปี 2564

สถิติการขายรถยนต์ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564

สำหรับยอดขายของ Toyota ในปี 2565 มียอดขายโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 288,809 คัน หรือเพิ่มขึ้น 20.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 34% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์นั่งของโตโยต้ามีการเติบโตสูงขึ้นจากปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความสำเร็จด้านยอดขายของรถยนต์รุ่นใหม่อย่าง Veloz และ Yaris ATIV ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีภายหลังจากการแนะนำเข้าสู่ตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว

รวมไปถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์ยานยนต์ที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2564

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2566

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2566 คาดว่าจะยังคงกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อม ๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมดจากทิศทางที่ดีในการลดระดับโควิด-19 สู่โรคติดต่อเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินชีวิตผู้คนเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมกับการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีส่วนช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตก็จะค่อย ๆ คลี่คลายลงเช่นกัน

อันจะส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มทยอยกลับคืนสู่สภาวะปกติและคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565

สำหรับ Toyota มีการตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 310,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7.3% โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 34.4%

ประมาณการยอดขายรถยนต์ Toyota ในปี 2566 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2565

ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2565

ในด้านการส่งออกรถยนต์ ในปี 2565 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 378,454 คัน หรือเพิ่มขึ้น 30% จากปี 2564 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกในปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 659,262 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28% จากปี 2564

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2564

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2566

สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปี 2566 ได้คาดการณ์ว่าความต้องการของตลาดต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น จากสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของบรรดาประเทศคู่ค้าที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

โดยโตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 405,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2566 อยู่ที่ ราว 723,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 9.7% จากปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565

ทิศทางการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าในประเทศไทย ในปี 2566

ในปีนี้ โตโยต้าพร้อมเดินหน้าตามแนวทางที่ มร.อากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศเจตนารมณ์ไว้ในงานฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ในการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น “ผู้นำพาการขับเคลื่อนสำหรับทุกคน” (Mobility for All) พร้อมสร้าง “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” (Carbon Neutrality) ผ่านการเตรียมความพร้อมในหลากหลายแนวทาง หรือ “Multi – Pathway” เพื่อทุกความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการเดินทางของผู้คน ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และ กิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งมอบความสุขที่ยั่งยืนให้แก่ผู้คนและสังคมไทย

ด้านผลิตภัณฑ์และการบริการสำหรับลูกค้า

โตโยต้าจะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือกต่างๆ เพื่อมอบทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปได้สำหรับทุกคน ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมการตลาดและการส่งเสริมการขายภายใต้แนวคิด Closer to customer (ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น) ตลอดจนร่วมกับเครือข่ายทางธุรกิจในการนำเสนอนวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางและการบริการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อาทิ การผสมผสานเทคโนโลยีแห่งการเชื่อมต่อเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเดินทาง (Connected) การบริการการขับเคลื่อนในรูปแบบของการแบ่งปันการใช้งาน (Sharing) เป็นต้น

ด้านสังคม

โตโยต้ายังคงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนสังคมไทย สู่ “ยุคแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ พร้อมความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) อาทิ โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบที่ยั่งยืนปราศจากมลภาวะร่วมกับเมืองพัทยา โดยได้ร่วมมือกับโรงแรมและจุดท่องเที่ยวในตัวเมืองพัทยาเพื่อใช้เป็นจุดบริการรับรถ และสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายผลการดำเนินงานสู่ความร่วมมือในการบริการระบบขนส่งมวลชนภายในตัวเมืองพัทยาด้วยรถยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง ไฮโดรเจน และ เซลส์เชื้อเพลิง พร้อมทั้งแผนการขยายการดำเนินงานไปยังพื้นที่ของจังหวัดอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต

โครงการความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในการร่วมมือศึกษาแนวทางในการลดมลพิษจากการโลจิสติกส์ขนส่งสินค้า ด้วยเทคโนโลยีที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างรถบรรทุกที่ใช้พลังงานจากเซลส์เชื้อเพลิง ตลอดจนแนวทางการผลิตไฮโดรเจนพลังงานสะอาดจากชีวมวล

การขยายผลการดำเนินงานของโครงการ “ชุมชนสิ่งแวดล้อมยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ซึ่งเป็นการยกระดับจากการสร้างศูนย์การเรียนรู้ จากโครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว อยุธยา” ไปสู่การสร้างชุมชนต้นแบบที่จะสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนในชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดชุมชนต้นแบบแห่งแรกไปแล้วที่จังหวัดระยอง และในปีนี้ โตโยต้าได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายเพิ่มให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ

Toyota จะยังคงแสวงหาแนวทางการประสานความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในอุตสาหกรรมต่างๆที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อมีส่วนช่วยผลักดันในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป


สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2565

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 82,799 คัน ลดลง 9.0%

อันดับที่ 1 Toyota 30,197 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 2 Isuzu 18,216 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด 22.0%
อันดับที่ 3 Honda 8,324 คัน ลดลง 28.0% ส่วนแบ่งตลาด 10.1%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,698 คัน ลดลง 22.6%

อันดับที่ 1 Toyota 8,941 คัน เพิ่มขึ้น 21.7 % ส่วนแบ่งตลาด 36.2%
อันดับที่ 2 Honda 5,786 คัน ลดลง 34.0% ส่วนแบ่งตลาด 23.4%
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,824 คัน ลดลง 26.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 58,101 คัน ลดลง 1.7%

อันดับที่ 1 Toyota 21,256 คัน เพิ่มขึ้น 7.3% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
อันดับที่ 2 Isuzu 18,216 คัน ลดลง 3.1% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 3 Ford 5,543 คัน เพิ่มขึ้น 34.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.5%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 43,322 คัน เพิ่มขึ้น 1.3%

อันดับที่ 1 Toyota 18,083 คัน เพิ่มขึ้น 8.1% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 Isuzu 16,638 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 Ford 5,543 คัน เพิ่มขึ้น 34.6% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 7,831 คัน

Isuzu 2,769 คัน
Toyota 2,758 คัน
Ford 1,565 คัน
Mitsubishi 619 คัน
Nissan 120 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,491 คัน ลดลง 2.8%

อันดับที่ 1 Toyota 15,325 คัน เพิ่มขึ้น 7.4% ส่วนแบ่งตลาด 43.2%
อันดับที่ 2 Isuzu 13,869 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.1%
อันดับที่ 3 Ford 3,978 คัน เพิ่มขึ้น 16.7% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – ธันวาคม 2565

1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 849,388 คัน เพิ่มขึ้น 11.9%

อันดับที่ 1 Toyota 288,809 คัน เพิ่มขึ้น 20.5 % ส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 2 Isuzu 212,491 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 Honda 82,842 คัน ลดลง 6.6% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%

2.ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 265,069 คัน เพิ่มขึ้น 5.3%

อันดับที่ 1 Toyota 82,738 คัน เพิ่มขึ้น 32.6% ส่วนแบ่งตลาด 31.2%
อันดับที่ 2 Honda 61,665 คัน ลดลง 19.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.3%
อันดับที่ 3 Mitsubishi 21,157 คัน เพิ่มขึ้น 14.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

3.ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%

อันดับที่ 1 Isuzu 212,491 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 36.4%
อันดับที่ 2 Toyota 206,071 คัน เพิ่มขึ้น 16.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 3 Ford 43,582 คัน เพิ่มขึ้น 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%

4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6%

อันดับที่ 1 Isuzu 195,945 คัน เพิ่มขึ้น 17.2% ส่วนแบ่งตลาด 43.1%
อันดับที่ 2 Toyota 175,786 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 Ford 43,582 คัน เพิ่มขึ้น 34.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.6%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 66,577 คัน

Toyota 27,685 คัน
Isuzu 20,520 คัน
Ford 9,765 คัน
Mitsubishi 7,405 คัน
Nissan 1,202 คัน

5.ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%

อันดับที่ 1 Isuzu 175,425 คัน เพิ่มขึ้น 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 45.2%
อันดับที่ 2 Toyota 148,101 คัน เพิ่มขึ้น 15.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 3 Ford 33,817 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.7%


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง