Porsche เปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นพิเศษ New 911 Dakar ครั้งแรกของโลก ในงานมหกรรมยานยนต์ ลอสแอนเจลิส ออโต โชว์ (Los Angeles Auto Show) รถสปอร์ตสุดพิเศษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะทั้งบนเส้นทางออฟโรด (Off-road) และ ไฮเวย์ (Highway) จำกัดจำนวนการผลิตเพียง 2,500 คันทั่วโลก
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4180_fine.jpg)
นอกจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของปอร์เช่ 911 ในวิถีที่หลายคนคาดไม่ถึง และยังเป็นการคารวะต่อชัยชนะ Overall ครั้งแรกของปอร์เช่ จากรายการแข่งขันทางฝุ่น Paris-Dakar Rally ปี 1984 ซึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ในรถสปอร์ตปอร์เช่ 911 นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่ง Rallye Design Package แนวทางเดียวกับรถแข่งแรลลี่ตัวแรงอันเป็นเอกลักษณ์
อัปเกรดช่วงล่างใหม่ รองรับระบบปรับระดับความสูงอัจฉริยะ
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4169_fine.jpg)
ความประทับใจแรกสุดที่พบเห็นได้จากปอร์เช่ 911 ดาร์ก้า คือระดับความสูงของตัวรถที่ได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร จาก 911 Carrera ด้วยช่วงล่างที่มาพร้อมระบบ Lift System ที่คุณสั่งการยกความสูงทั้งด้านหน้า และด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการปีนไต่ทางลาดชัน และการลุยเส้นทางออฟโรด โดยเฉพาะการใช้งานระดับ ‘High level’ ที่ความเร็วไม่เกิน 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้ความเร็วเกินกว่านั้น ระบบจะปรับลดระดับความสูงลงมาในตำแหน่งปกติโดยอัตโนมัติ
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4162_fine.jpg)
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เสริมสปอร์ตออฟโรด Off-road ได้อย่างเต็มพิกัด คือยางรถยนต์ Pirelli Scorpion All Terrain Plus (ขนาด 245/45 ZR 19 ที่ด้านหน้า และ 295/40 ZR 20 ที่ด้านหลัง) ซึ่งออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ ลายดอกยางพร้อมลุยจากความลึกถึง 9 มิลลิเมตร และแก้มยางเสริมความแข็งแกร่ง มั่นใจในความทนทานด้วย Threads ของยางที่ผลิตจากผ้าใบเสริม Carcass plies จำนวน 2 ชั้น
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4177_fine.jpg)
ทั้งหมดคือปัจจัยที่ทำให้ยางรถยนต์รุ่นนี้ เหมาะสมที่สุดสำหรับการบุกตะลุยทุกเส้นทางที่ท้าทาย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกติดตั้งยางรถยนต์ Pirelli P Zero เวอร์ชั่นปกติ และยาง Winter สำหรับฤดูหนาวได้ตามความต้องการ ซึ่งยางทั้งหมดมาพร้อมผ้าใบเสริม Carcass plies 2 ชั้นเช่นกัน โดยยาง all-terrain สามารถรองรับการขับขี่ความเร็วสูงบนทางเรียบ ซึ่งได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
พละกำลังที่อยู่ภายใต้การควบคุมในทุกสภาพเส้นทาง
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4174_fine.jpg)
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) แรงบิดมหาศาลกว่า 570 นิวตันเมตร ถ่ายทอดสมรรถนะชั้นยอด พร้อมเสียงคำรามกระหึ่ม อันเป็นเอกลักษณ์ของขุมพลังบ็อกซ์เซอร์ พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาที แต่ด้วยตัวรถรองรับหุ้มยาง all-terrain จึงทำให้ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เท่านั้น
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4167_fine.jpg)
ในรุ่นมาตรฐาน เครื่องยนต์จะถ่ายทอดกำลังไปยังระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ PDK 8 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ ประกอบด้วย ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear-axle steering จุดยึดแท่นเครื่องที่ยกมาจาก 911 GT3 และ PDCC anti-roll stabilisation
เมื่อทุกอย่างข้างต้นผสานการทำงานร่วมกัน ส่งผลให้ 911 Dakar โลดแล่นได้อย่างรวดเร็วในทุกสภาพพื้นถนน ไม่ว่าจะบนผืนทราย หรือผิวทางเปียกลื่น โดยสมรรถนะการขับขี่เหนือชั้นไม่ต่างจากการขับขี่ในสนาม Nürburgring Nordschleife
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4163_fine.jpg)
สร้างความมั่นใจด้วยสมรรถนะสไตล์ออฟโรดได้เต็มพิกัดจาก driving modes ใหม่ถึง 2 รูปแบบ ซึ่งสามารถสั่งการใช้งานฟังก์ชั่นได้จากปุ่มควบคุม Rotary switch บนพวงมาลัย
- Rallye mode เหมาะกับทางลื่น หรือเส้นทางที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพจากระบบ all-wheel drive
- off-road mode จะปรับระดับใต้ท้องรถขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อถ่ายทอดกำลังขับเคลื่อนสูงสุด สำหรับเส้นทางทุรกันดาร หรือเนินทราย
ทั้งสองรูปแบบใน driving modes สามารถทำงานร่วมกับระบบ Rallye Launch Control ใหม่ล่าสุด ให้อัตราเร่งอันยอดเยี่ยมแม้บนผิวทางเปียกลื่น และระบบจะอนุญาตให้เกิดการลื่นไถลของล้อได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์
เสริมอุปกรณ์ใหม่ ที่ผสานทั้งความอเนกประสงค์ ลุยเส้นทางออฟโรด และความสปอร์ตบนทางเรียบ
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4168_fine.jpg)
เสริมบุคลิกเฉพาะตัวให้กับ Porsche 911 Dakar ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ สปอยเลอร์หลังน้ำหนักเบาแบบ Fixed ผลิตจากวัสดุ CFRP รวมทั้งฝากระโปรง CFRP พร้อมช่องดักอากาศสไตล์สปอร์ตตัวแรงที่ยกมาจาก 911 GT3 นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับชิ้นงาน off-road มากมายที่ติดตั้งเป็นมาตรฐาน
อาทิ ขอเกี่ยวลากรถอลูมิเนียมสีแดง บริเวณกันชนหน้า และหลัง ซุ้มล้อขยายขนาดความกว้าง และชายล่างผลิตจาก stainless steel กันกระแทกรอบคันทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง ช่องรับอากาศด้านข้างดีไซน์ใหม่เสริมความดุดันให้มุมมองหน้ารถ พร้อมกระจัง stainless steel ป้องกันกรวดหินที่อาจดีดขึ้นมาจากผิวทาง
หลังคาของปอร์เช่ 911 ดาร์ก้า ติดตั้งช่องจ่ายกระแสไฟ 12 โวลท์ สำหรับชุดไฟส่องสว่าง และแร็คหลังคาซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษ สามารถรับน้ำหนักได้ 42 กิโลกรัม ตัวแร็คเสริมฟังก์ชั่นด้วยการติดตั้งเครื่องมือสำหรับการแข่งขันแรลลี่ ได้แก่ ถังน้ำมันเชื้อเพลิง และถังน้ำสำรอง พลั่วอเนกประสงค์แบบพับเก็บได้ และแผ่นรอง Traction boards อุปกรณ์เสริมสำหรับจัดเก็บสัมภาระบนหลังคา ทั้งหมดจัดวางได้อย่างเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งติดตั้งเต็นท์หลังคาเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร ปอร์เช่ 911 ดาร์ก้า ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของความเป็นรถสปอร์ตสายพันธ์แรงในทุกอณูด้วยเบาะนั่งมาตรฐาน Full bucket seats รวมทั้งถอดเบาะหลังออก กระจกรอบคัน และแบตเตอรี่น้ำหนักเบา จากการลดภาระน้ำหนังดังกล่าวมาส่งผลให้มีน้ำหนักรวม 1,605 กิโลกรัม หรือหนักกว่า 911 Crrera 4 GTS ที่ติดตั้งระบบเกียร์ PDK เพียง 10 กิโลกรัม เท่านั้น
อีกหนึ่งความพิถีพิถันที่ปรากฏภายในห้องโดยสารมาตรฐานของรุ่นดาร์ก้า คือการตกแต่งด้วยวัสดุ Race-Tex พร้อมเดินตะเข็บด้วยสีเขียว (Shade Green) นอกจากนั้นยังสามารถสั่งติดตั้งอุปกรณ์พิเศษ Metallic exterior finish สำหรับ 911 Dakar รวมไปถึงชุดตกแต่ง Rallye Sport Package พร้อม Roll-over bar เข็มขัดนิรภัย 6 จุด และเครื่องมือดับเพลิง
ชุดแต่ง Rallye Design Package สะท้อนภาพรถแข่งแรลลี่ตัวแรง เจ้าของแชมป์การแข่งขัน Paris-Dakar ปี 1984
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4166_fine.jpg)
หัวใจสำคัญของอุปกรณ์พิเศษ ชุดแต่ง Rallye Design Package จาก Porsche Exclusive Manufaktur คือสีตัวถัง Two-Tone ที่มาในเฉดสีขาว ตัดด้วยสีน้ำเงิน Enzian Blue Metallic นับเป็นครั้งแรกที่ปอร์เช่บรรจุสีตัวถังแบบ Bi-colour paint และการตกแต่งลวดลายลงในรถจากสายการผลิตปกติ
ด้านข้างรถลูกค้าสามารถเลือกติดหมายเลขได้โดยอิสระตั้งแต่ 0 ถึง 999 ตามด้วยลายคาด Rally stripes สีแดง และสีทอง Porsche 911 Dakar ที่ติดตั้งชุดแต่ง Rallye Design Package มีความโดดเด่นสง่างามจากพื้นฐานที่อ้างอิงรถแข่งเจ้าของตำแหน่งแชมป์เปี้ยนชนะเลิศจากการแข่งขันแรลลี่ Paris-Dakar ปี 1984 รวมไปถึงตัวอักษร “Roughroads” ที่ประทับลงบนบานประตู
อีกหนึ่งเครื่องหมายอันเปรียบเสมือนตราสัญลักษณ์ประจำตัวของ 911 Dakar และรถแข่งสายพันธ์ออฟโรด (Off-road) จากปอร์เช่ ขอบล้อสีขาว และแผงไฟท้ายสีแดง สร้างความแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานในทันทีที่สังเกต Highlights อื่น ๆ สามารถพบเห็นได้จากภายในห้องโดยสาร ซึ่งรายรอบด้วยวัสดุ Race-Tex และชิ้นงานหนังแท้ รวมทั้งเข็มขัดนิรภัยสีน้ำเงิน Sharkblue
นาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph
ผู้ครอบครองปอร์เช่ 911 Dakar สามารถสั่งซื้อนาฬิกาข้อมือ Porsche Design Chronograph 1 – 911 Dakar หรือ Chronograph 1 – 911 Dakar Rallye Design Edition ที่เข้ากับตัวรถ นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเรือนนาฬิกาผลิตจากวัสดุป้องกันรอยขีดข่วน Scratch-resistant และ light titanium carbide
![](https://mono29.com/app/uploads/2022/11/S22_4172_fine.jpg)
New Porsche 911 Dakar เปิดรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 22.9 ล้านบาท สำหรับชุดแต่ง Rallye Design Package ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.56 ล้านบาท