คัดลอก URL แล้ว
“นายกฯ อนุทิน” เยือน ปปง. สั่งลุยสแกมเมอร์-ฟอกเงิน หวั่นนานาชาติแซงชั่น

“นายกฯ อนุทิน” เยือน ปปง. สั่งลุยสแกมเมอร์-ฟอกเงิน หวั่นนานาชาติแซงชั่น

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุม 1201 ชั้น 12 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมี นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธาน ปปง. เข้าร่วม

โดยนายฉัตรชัย กล่าวถึงแผนงานสําคัญของ ปปง.ว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ปปง. ดําเนินการยึดทรัพย์ 2.9 หมื่นล้านบาท และดําเนินคดีอาญา 160 คดี ในส่วนที่เกี่ยวกับบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง หรือบัญชีม้า ได้ดําเนินการไปแล้ว 8 แสนกว่าบัญชี ทําให้มีวงเงินที่ได้จากการกระทําความผิด ค้างอยู่ในบัญชี 3 พันกว่าล้านบาท ในส่วนนี้จะนําไปสู่กระบวนการคืนให้กับผู้เสียหายตามขั้นตอนต่อไป

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากจะขอสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากการทํางานของปปง. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายไทย ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะ 2 ฉบับ คือพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และ พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุน ทางการเงินแก่การก่อการ และการแพร่ ขยายอาวุธที่มีอนุภาพทําลายล้างสูง ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายไทย

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเราก็ต้องปฏิบัติตามกฎสากล ที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องมีการประเมินการปฏิบัติ และส่งผลต่อการแซงชั่นกรณีที่เราไม่ปฏิบัติตาม อีกประเด็นสําคัญที่อยากได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขณะนี้การดําเนินการตรวจติดตาม ระบบยังไม่เท่าทันกับมิจฉาชีพ และเมื่อมีระบบเงินตราที่เปลี่ยนแปลงไป หรือวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น การรายงานทางธุรกรรมหลายประเภท หลายประเภทควรต้องมีระบบเอไอ และ เทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ เพราะปปง.ต้องเป็นหน่วยงานกลาง ที่เป็นฐานข้อมูลรองรับธุรกรรมทุกประเภท

ด้านนายอนุทิน กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้ก็ต้องขอบคุณที่ท่านได้เชิญให้ตนได้มาเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ เพราะตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งก็ได้มีโอกาสพบกับประธานปปง.และเลขาปปง. 2-3 ครั้งก็ได้ถามถึงภารกิจต่างๆ ซึ่งท่านก็มาพบตนที่ทำเนียบรัฐบาลก็เลยได้มีการพูดคุยกันว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาพบกัน และดูการดำเนินงานของปปง.

ซึ่งความเข้าใจตอนแรกตนคิดว่าสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตนจึงไม่ได้สั่งการใดๆโดยตรงแต่หลังจากเข้ามาสังคายนาระบบภายในทำเนียบรัฐบาลก็ทราบมาว่าปปง.เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับนายกฯ ซึ่งความจริงงานของท่านก็มีความสำคัญมาก แต่ว่าช่วงนี้ภารกิจงานของปปง.ได้รับการสนใจและเป็นที่สนใจของประชาชนและสังคมมากเป็นพิเศษ เพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรดังไปกว่าสแกมเมอร์เรื่องอาชญากรรมทางการเงิน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งในธุรกรรมต่างๆของมิจฉาชีพและธุรกิจประเภทนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้กับภารกิจงานของปปง.เพราะทุกอย่างต้องฟอกเงิน เงินที่ไม่สะอาดเป็นเงินที่ไม่ไม่ใช่เทา แต่เป็นเงินดำ แต่ฟอกยังไงก็ยังเป็นดำ

เพราะฉะนั้นตนในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานปปง.ก็ต้องยอมรับว่ามีความกดดัน และได้รับความกดดันจากประชาชน และสังคมตลอดจนประชาคมนานาชาติสูงมากในเรื่องของการเกิดปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสแกมเมอร์เหล่านี้ ยิ่งถ้าเราดำเนินการไม่เฉียบขาดไม่เต็มที่ มันไม่ใช่เฉพาะว่าเราจะถูกตราหน้าว่าเราไม่มีผลงาน แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากนั้นคือการแซงชั่น(มาตรการลงโทษ) และถูกกีดกันจากนานาชาติซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราเป็นข้าราชการมีเงินเดือน เกษียณอายุยังมีเงินบำนาญมีกินมีใช้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง